เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 1131
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1131
“ลู่ฝานเข้าไปในจวนของเซียนบู๊กระบี่คลั่งแล้ว!”
นักบู๊คนหนึ่ง วิ่งอย่างรวดเร็วบนเขาวิถีบู๊ ทุกที่ที่ผ่านไปฝุ่นตลบอบอวล
เสียงตะโกนของเขา เรียกความสนใจจากคนจำนวนไม่น้อย เมื่อได้ยินชื่อลู่ฝาน ยิ่งสั่นสะเทือนประสาทคนบางส่วน
“ลู่ฝานเหรอ ใช่ลู่ฝานนักกระบี่แห่งตงหวาไหม ร่างกายเขาโดนแว้งกัด ยืนอยู่ที่ตีนเขาไม่ใช่เหรอ ตอนนี้เขาขึ้นมาแล้วเหรอ”
“ไม่น่าเป็นไปได้ ความต้องการของเซียนบู๊กระบี่คลั่งโหดขนาดนี้ เอาหัวโขกพื้นแล้วยังไม่ให้เข้าไปอีก เขาเข้าไปได้ยังไง”
“ไม่รู้ ไปดูกันเถอะ! ยังไงฉันก็ไม่มีปัญญาเปิดจวนเหล่านี้อยู่แล้ว รอให้คนที่เขาไปในจวนพวกนั้นออกมา เผื่อจะได้เศษเล็กเศษน้อยอะไรบ้าง!”
“ฉันไปด้วย ไปๆ ไปดูด้วยกัน”
……
นอกอุโมงค์สวรรค์ตามจุดต่างๆ บนเขาวิถีบู๊ พวกนักบู๊เดินไปยังจวนของเซียนบู๊กระบี่คลั่ง
ส่วนพวกนักบู๊ที่วิ่งมาตลอดทาง วิ่งมาถึงหน้าตำหนักที่โอ่อ่าทรงพลัง แล้วชะงักฝีเท้าลง
ด้านนอกตำหนัก คนสิบกว่าคนกำลังนั่งทำความเข้าใจอย่างสงบ
บนประตูสีทอง มีเพียงคำว่า “หมิงเยว่” นี่คือจวนของเซียนบู๊หมิงเยว่
เป็นไม่กี่จวนที่มีชื่อเสียงที่สุด ในบรรดา 76 อุโมงค์สวรรค์ของเขาวิถีบู๊ น่าจะเป็นเพราะว่าเซียนบู๊หมิงเยว่ ยังถูกคนบนโลกเรียกว่านักปราชญ์เยว่ เป็นขุนพลังสุดเหนือฟ้าที่แท้จริงอีกหนึ่งท่าน
“สหายซุนจื้อ แย่แล้ว ลู่ฝานเข้าไปในจวนของเซียนบู๊กระบี่คลั่งแล้ว!”
เมื่อคนที่มาถึงเห็นซุนจื้อหน้าประตู ก็ตะโกนพูดเสียงดังทันที
ซุนจื้อลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วพูดว่า “อะไรนะ ฉันให้พวกเฉิงชิงไปจัดการลู่ฝานไม่ใช่เหรอ ฆ่าเขาไม่ตายยังไม่เท่าไร ทำไมถึงให้เขาเข้าไปในจวนของเซียนบู๊กระบี่คลั่ง”
ซุนจื้อลุกขึ้นเดินจ้ำอ้าวไปด้านนอก เขาไม่ได้เดินลงไปล่างภูเขา แต่กลับรีบเดินไปด้านบนเขา
ซุนจื้อเดินอย่างรวดเร็วจนมาถึงหน้าจวนแห่งหนึ่ง
จวนแห่งนี้สง่างามเป็นอย่างมาก ประตูเปิดออก กลิ่นดอกไม้รุนแรง นกบินไปบินมา
หน้าประตูมีคนนั่งขัดสมาธิอยู่เพียงคนเดียว นั่นคือเทียนชิงหยาง
เมื่ออยู่ห่างจากเทียนชิงหยางสิบก้าว ซุนจื้อชะงักฝีเท้าลง แล้วพูดช้าๆ ว่า “สหายชิงหยาง มีข่าวไม่ดี ลู่ฝานเข้าไปในจวนเซียนบู๊กระบี่คลั่งแล้ว”
เทียนชิงหยางหลับตาลงทั้งสองข้าง พูดออกมาว่า “งั้นเหรอ ไอ้หมอนี่ทำเรื่องที่คนคาดไม่ถึงตลอด เซียนบู๊กระบี่คลั่ง คือคนที่หยาบคายสิ้นดี ตายแล้วยังให้คนคำนับเอาหัวโขกพื้นคนนั้นใช่ไหม คนแบบนี้จะถ่ายทอดแบบไหนกัน”
ซุนจื้อพูดว่า “สหายชิงหยาง ฉันจะไปฆ่าเขาเดี๋ยวนี้ ไม่ว่าเขาจะได้อะไรในจวน……”
เทียนชิงหยางพูดอย่างราบเรียบว่า “เป็นของนายทั้งหมด รางวัลของไท่จื่อ ก็เป็นของนายด้วย”
ซุนจื้อยิ้มแล้วพูดว่า “เยี่ยมไปเลย งั้นฉันขอยืมชื่อเสียงนาย ออกไปหาพวกคนมาช่วยฆ่าลู่ฝานหน่อยได้ไหม!”
เทียนชิงหยางยังคงไม่ลืมตาขึ้นมา เขาพูดอย่างราบเรียบว่า “ไม่ต้องยืม นี่คือความคิดของฉัน นายหาคนไปฆ่าลู่ฝานด้วยกัน ทำให้เขาหายไปโดยเร็ว!”
ซุนจื้อพูดด้วยรอยยิ้ม “ได้ งั้นฉันขออวยพรให้สหายชิงหยาง เข้าไปในอุโมงค์สวรรค์ได้ไวๆ นะ!”
เมื่อพูดจบ ตัวซุนจื้อกลายเป็นสายลมเย็นลอยหายไป
ทันใดนั้น เทียนชิงหยางลืมตาขึ้น แล้วลุกขึ้นช้าๆ
เทียนชิงหยางมองจวนตรงหน้า จากนั้นพูดอย่างเรียบเฉยว่า “ฉันเป็นคนมีความสามารถของตระกูลเทียน ถ้าท่านเป็นบรรพบุรุษตระกูลเทียนจริงๆ กรุณาอวยพรให้ตระกูลเทียนมีผู้โดดเด่นออกมาอีก!”
เทียนชิงหยางก้าวเท้าเข้าไปในจวน
วินาทีที่เขาก้าวเท้าเข้าไปในจวน ตัวของเทียนชิงหยางหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ตอนนี้ในตำหนักไท่เหอ เสามังกรขดสว่างขึ้นอีกหนึ่งต้น
……