เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 1133
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1133
ลู่ฝานพึมพำว่า “เปิดเผย เมื่อกี้เขาพูดว่าเปิดเผยเหรอ!”
เจดีย์เสวียนเก้ามังกรพูดว่า “เจ้านายผู้ยิ่งใหญ่ เจ้านายคิดอะไรออกเหรอ”
ลู่ฝานดึงกระบี่หนักไร้คมออกมา จู่ๆ เขาก็กวาดศพบนพื้นจนเรียบเป็นแถบ เผยให้เห็นพื้นดินของที่รกร้าง
ลู่ฝานก้มตัวลง เอาฝ่ามือตัวเองกดลงบนพื้น
ทันใดนั้น ใบหน้าลู่ฝานเต็มไปด้วยความตะลึง
“ไม่มีพลังห้าธาตุฟ้าดิน แต่ทะลุพลังปราณได้ อย่าบอกนะว่า……”
ลู่ฝานใช้กระบี่กวาดศพนับไม่ถ้วนข้างตัวออกไป ทำให้เห็นพื้นดินชัดเจนขึ้น
จู่ๆ ลู่ฝานเห็นรอยแยกลึกรอยหนึ่งบนพื้นดิน นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาใช้กระบี่ฟันออกมา แต่มันมีอยู่นานแล้ว แต่แค่โดนศพปิดอยู่ด้านบน
ลู่ฝานเดินเข้าไปมองดูแป๊บนึง แล้วพูดว่า “ปราณชี่แหลมคม วิทยายุทธที่แข็งแกร่ง แต่กลับฟันลงบนพื้น”
เจดีย์เสวียนเก้ามังกรพูดอย่างกลัดกลุ้ม “ใครมันว่างถึงขั้นมาฝึกกระบี่ที่นี่!”
ลู่ฝานพูดว่า “ใช่ ใครมันว่างขนาดนี้ ฝึกกระบี่ที่นี่ นี่ไม่ใช่รอยแยก แต่เป็นรอยกระบี่ เซียนบู๊หวางเหมิ่ง ศพของนายคือพื้นที่กว้างใหญ่แห่งนี้สินะ หรือจะเรียกว่าพื้นที่กว้างใหญ่แห่งนี้คือนาย!”
“ฮ่าๆๆๆ!”
เสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งดังมาจากทุกทิศ ขณะนั้นอยู่ดีๆ พื้นดินก็สั่นสะเทือนขึ้นอย่างรุนแรง
ศพนับไม่ถ้วนบนที่รกร้าง กลายเป็นแสงกระจัดกระจาย ซึมลงไปในพื้นดิน
หลังจากนั้นลู่ฝานเห็นตรงสุดสายตา มีมือหนึ่งปรากฏขึ้น
มันไม่ใช่มือ แต่เหมือนภูเขาที่ทอดยาว
มือยักษ์ที่น่ากลัวคว้าขึ้นไปบนฟ้า ตอนนี้ทั้งท้องฟ้ากลายเป็นหน้าคน เป็นใบหน้าของเซียนบู๊หวางเหมิ่ง
“เด็กที่ดี นายดูออกหมดแล้ว ฉันนึกว่านายจะคิดนานซะอีก!”
มือยักษ์นั่นวนไปมาบนฟ้าสองสามครั้ง กำลังเกาอาการคันชัดๆ ขอบฟ้าแกว่งไปแกว่งมาครู่หนึ่ง
แม้ลู่ฝานเตรียมใจไว้แล้ว แต่ก็ยังตกใจกับเซียนบู๊กระบี่คลั่งอยู่ดี
ตัวเป็นพื้นดิน หัวเป็นท้องฟ้า นิ้วทั้งห้าเป็นภูเขา
นี่คือลักษณะของผู้แข็งแกร่งเหรอ
เหมือนเซียนบู๊กระบี่คลั่งมองความคิดลู่ฝานออก หัวเราะลั่นแล้วพูดว่า “ไม่ต้องตกใจ ถึงเป็นขุนพลังสุดเหนือฟ้า ก็มีแค่ไม่กี่คนที่ใหญ่กว่าฉัน ฉันฝึกเขตวิถีเป็นร่างกายเชียวนะ ถ้าจะเทียบความใหญ่กัน หมิงเยว่และคนอื่นบนภูเขารวมกันยังสู้ฉันไม่ได้เลย ฮ่าๆๆๆ”
เซียนบู๊กระบี่คลั่งก้มหน้าลงมาข้างล่าง ในความคิดของลู่ฝาน เหมือนทั้งท้องฟ้าดันตัวลงมา
เจดีย์เสวียนเก้ามังกรในตัวเริ่มตะโกนพูดว่า “เจ้านายผู้ยิ่งใหญ่ คนนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว เรารีบไปกันเถอะ ดูเหมือนคนนี้คงเข้าสู่ขีดสุดแล้ว ถึงตายไปแล้ว ฟ้าดินก็ไม่สามารถดึงวิญญาณเขาไปได้ คิดไม่ถึงว่าจะสามารถทิ้งธรรมกายไว้ที่นี่ได้ อีกทั้งยังใหญ่ขนาดนี้ด้วย พระเจ้า”
ลู่ฝานไม่ขยับ แม้เขาตกใจเหมือนกัน แต่ก็เอาแต่จ้องเซียนบู๊กระบี่คลั่งอยู่อย่างนั้น
ทันใดนั้น เซียนบู๊กระบี่คลั่งหัวเราะลั่นแล้วพูดว่า “ไอ้หนุ่ม บอกชื่อนายมา จากนั้นแสดงวิทยายุทธของนายออกมา แสดงวิชาที่นายสามารถใช้ได้ออกมาให้ฉันดูหนึ่งรอบ ถ้าฉันเห็นแล้วพอใจ นายจะเป็นผู้สืบทอดของฉัน”
ลู่ฝานคารวะแล้วพูดว่า “ลู่ฝานแห่งเขตตงหวา”
พูดพลาง ปราณชี่บนตัวลู่ฝานพุ่งขึ้นมา
เซียนบู๊กระบี่คลั่งฉีกยิ้ม แล้วพูดว่า “ไม่เลวๆ แดนปราณชีวิต มีกลิ่นอายของวิถีอยู่เล็กน้อย”
เกราะเกล็ดมังกรปรากฏออกมา ไฟลุกโชนขึ้นทั้งตัวลู่ฝาน
เซียนบู๊กระบี่คลั่งพูดต่อด้วยรอยยิ้ม “ธาตุไฟเหมาะสมตามวิถี เหมือนฉันพอดีเลย ดีมาก ต่อไป!”
ลู่ฝานดึงกระบี่หนักไร้คมออกมา จากนั้นใส่ปราณชี่เข้าไป สายฟ้าเข้าไปในตัว
จู่ๆ เซียนบู๊กระบี่คลั่งจ้องกระบี่หนักไร้คมของลู่ฝานเขม็ง ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ทำไมรู้สึกคุ้นกระบี่ของนายจัง”
ขณะนั้นจู่ๆ เซียนบู๊กระบี่คลั่งตะโกนเสียงดังว่า “คงไม่ใช่กระบี่เล่มนั้นใช่ไหม”
จู่ๆ แสงหนึ่งพ่นออกมาจากปากเซียนบู๊กระบี่คลั่ง เหมือนเสาแสงที่เชื่อมต่อกับฟ้าดิน ร่วงลงมาบนกระบี่หนักไร้คม
ทันใดนั้น กระบี่หนักไร้คมส่งเสียงดังอื้ออึงออกมา หลังจากนั้นจู่ๆ เขาวิถีบู๊สั่นสะเทือนตามไปด้วย