เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 115
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ผ่านเดือนสามไปอีกแล้ว
สายลมเย็นเหมือนเดิม เมฆขาวเคลื่อนตัวอย่างงดงาม
ปราณบนมือซ้ายของลู่ฝาน เคลื่อนไหวตลอดเวลา ศึกษาวิชากระบี่ขั้นพื้นฐานอย่างละเอียด
สภาพจิตใจปลอดโปร่ง ไม่มีสิ่งใด นอกจากวิชากระบี่ ในใจเปลี่ยนแปลง
ด้านนอก ศิษย์พี่หานเฟิง ตามเจ้าดำ ที่กำลังวิ่งไปทั่ว เหมือนเจ้าดำขโมยอะไรของศิษย์พี่หานเฟิงอีกแล้ว หานเฟิงโกรธสุดขีด วิ่งไปตะโกนไป “หยุดเดี๋ยวนี้ อย่าบังคับให้ฉันจับแกมาตุ๋นนะ”
เจ้าดำเหมือนสายฟ้าสีดำ เร็วมาก จนน่าอัศจรรย์
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะกินนกกระจอกอัคคีม่วง กินโสมแก่ หรือกินผลไม้ชาด เพราะเจ้าดำเติบโตเร็วมาก
เวลาแค่ไม่กี่เดือน ตัวประมาณสุนัขพันธ์ครึ่งสุนัขครึ่งหมาป่าแล้ว ไม่สามารถกระโดดขึ้นไปอยู่บนไหล่ลู่ฝานได้อีก
ผิวหนังบนตัวก็เป็นสีดำขลับ ความแข็งเหมือนหินเหมือนเหล็ก ก่อนหน้านี้ ศิษย์พี่ฉู่สิง พาเจ้าดำขึ้นไปบนเขารอบหนึ่ง หลังจากกลับมา ศิษย์พี่ฉู่สิง เอาแต่ชมเจ้าดำไม่หยุด บอกว่าความสามารถในการจับสัตว์อสูรของเจ้าดำ เหนือธรรมชาติมาก เห่าครั้งเดียว พวกสัตว์อสูรระดับต่ำ ล้มลงบนพื้น ตัวสั่นงันงกกันหมด
วันนั้นเป็นวันที่ศิษย์พี่ฉู่สิง ได้ของเยอะที่สุด ทุกคนได้ทานอาหารมื้อใหญ่ อย่างเอร็ดอร่อย
อาจารย์อี้ชิงก็หาเวลาว่างสองสามวัน เพื่อสอนเจ้าดำสักเล็กน้อย
ไม่รู้ว่าอาจารย์อี้ชิงใช้วิธีอะไร ทำให้เจ้าดำฝึกวิชาชุดหนึ่ง ได้โดยอัตโนมัติ
ทุกคืนจะเห็นเจ้าดำเหมือนคน นั่งสมาธิอยู่หน้าประตู ดูดซับแสงจันทร์
ชื่อของกระบวนท่าก็โหดเหี้ยมมาก มีชื่อว่าวิชาสัตว์อสูรเห่าหอน
ตั้งแต่นั้นมา เจ้าดำดุดัน ไม่มีใครขวางได้ เหมือนแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน จนถึงตอนนี้ แม้พวกศิษย์พี่หานเฟิง จะใช้วิชาเคลื่อนไหวร่างกาย ด้วยพลังทั้งหมด ก็จับเจ้าดำได้ยาก
แน่นอนว่าลู่ฝานไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
เขายังคงศึกษาวิชากระบี่ขั้นพื้นฐาน อย่างเงียบๆ บางทีก็สะบัดกระบี่หนักอยู่ในลานบ้าน บางทีก็กอดหนังสือ เดินขึ้นไปบนเขา นั่งบนหินอยู่หลายวัน
เขาแทบจะไม่ได้สนทนาอะไรกับพวกศิษย์พี่ หลายเดือนมานี้ คุยกับศิษย์พี่หานเฟิง แทบจะนับประโยคได้
อย่างเช่น “ศิษย์พี่หานเฟิง พี่อย่าเอาแต่คิดจะขโมยหนังสือผมได้ไหม พี่อยากอ่าน เราศึกษาด้วยกันก็ได้”
“ศิษย์พี่หานเฟิง พี่ราดน้ำใส่หัวผมทำไม”
“ศิษย์พี่หานเฟิง อย่ารบกวนผมอ่านหนังสือได้ไหม”
“ศิษย์พี่หานเฟิง ผมไม่อยากอ่านหนังสือลับของพี่ อย่าว่าแต่ในนั้นมีแต่ภาพเลย อีกทั้งยังดูไม่งามด้วย”
“ศิษย์พี่หานเฟิง อย่าคิดว่าพี่เปลี่ยนหนังสือของผม แล้วผมจะไม่รู้ วิชากระบี่ขั้นพื้นฐาน ไม่มีทางมีรูปคนสองคนกำลังแข่งขันกระบี่กัน แข่งไปแข่งมา แล้วไปอยู่บนเตียง”
“ศิษย์พี่หานเฟิง……”
ลู่ฝานเหนื่อยใจ แต่ศิษย์พี่หานเฟิงชอบมาแกล้งเขา
เข้าใจว่ามีเหตุผลเพียงพอ จึงเอาแต่พูดไม่หยุด “เอาแต่กอดหนังสือทั้งวัน เหมือนพวกหนอนหนังสือที่บ้านเก่าฉัน เราเป็นนักบู๊ นักบู๊ต้องเคลื่อนไหว มา ศิษย์น้องลู่ฝาน ไปบนเขากับฉัน อ้อมเขาลูกนี้ไป จะไปคณะบังเหินได้ ได้ยินว่านักเรียนหญิงที่คณะบังเหิน
ลู่ฝานไม่มีทางไปกับศิษย์พี่หานเฟิงหรอก สุดท้ายศิษย์พี่ฉู่สิง ศิษย์พี่ฉู่เทียนตามเขาไป เมื่อกลับมา ทั้งสามคนหน้าตาฟกช้ำดำเขียว
อาจารย์อี้ชิงถามอย่างละเอียด ถึงรู้ว่าโดนศิษย์พี่หญิง ของคณะบังเหินจัดการมา
อันที่จริง ลู่ฝานไม่ค่อยเข้าใจสิ่งนี้เท่าไร เขาคิดว่าศิษย์พี่ทั้งสามคนเก่งมาก ทำไมถึงโดนจัดการได้ล่ะ
ต่อมาลู่ฝานจึงเข้าใจ เมื่อสามคนนี้สู้กับสาวงาม จะยอมโดนซัดอย่างเดียว ไม่ยอมสู้กลับ จึงโดนซัดจนสภาพน่าเวทนามาก
วันนี้ ศิษย์พี่ฉู่สิง ศิษย์พี่ฉู่เทียน ขึ้นเขาไปอีกแล้ว
ทั้งสองคนจะขึ้นไปหาไม้ดีๆ สักหน่อย จะทำบ้านไม้ใหม่ให้ลู่ฝาน เพราะเอาแต่อยู่ในห้องของศิษย์พี่ใหญ่ไม่ได้ ถ้าศิษย์พี่ใหญ่กลับมาจะทำยังไง
เดิมที นี่เป็นเรื่องของลู่ฝาน สองสามเดือนก่อนหน้านี้ ลู่ฝานคิดจะทำเองแล้ว
แต่ศิษย์พี่ฉู่สิง ศิษย์พี่ฉู่เทียน แอบมาบอกลู่ฝานว่าไม่ให้เขาทำก่อน เหตุผลคือ ศิษย์พี่ฉู่สิง ศิษย์พี่ฉู่เทียน รู้ว่าในภูเขามีต้นปรงสาคูพันปีอยู่ต้นหนึ่ง ขาดอีกแค่ไม่กี่เดือน จะออกดอกแล้ว
เป็นเรื่องมหัศจรรย์ โดยเฉพาะดอกของมัน เป็นวัตถุดิบยาชั้นดี แต่ต้นปรงสาคูพันปี ศิษย์พี่ฉู่เทียนกับศิษย์พี่ฉู่สิง ไม่สามารถทำอะไรมันได้ เพราะต้นไม้ชนิดนี้ มีความสามารถในการฟื้นฟู และความสามาถในการป้องกัน แข็งแกร่งมาก
คิดไปคิดมา ศิษย์พี่ทั้งสองจึงคิดจะยืมอาวุธของอาจารย์อี้ชิง ขึ้นไปบนเขา
อาจารย์อี้ชิงมีขวานวิเศษเล่มหนึ่ง คมมาก ทนทาน ไม่มีอะไรที่ไม่ขาด มีขวานวิเศษนี้ ต้องจัดการกับต้นปรงสาคูได้แน่
เรื่องนี้จะบอกอาจารย์อี้ชิงไม่ได้ ต้องหาเหตุผลดีๆ ยืมขวานมาให้ได้
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เหตุผลที่ดีที่สุด คือช่วยศิษย์น้องลู่ฝานสร้างบ้าน
เมื่อเป็นเช่นนี้ ลู่ฝานก็เลยต้องอยู่ในห้องของศิษย์พี่ใหญ่ ต่อไปสองสามเดือน จนกระทั่งวันนี้ ศิษย์พี่ฉู่สิงกับศิษย์พี่ฉู่เทียน ยืมขวานได้ และรีบไปบนเขาแล้ว คิดว่าอีกไม่นานคงกลับมา
ด้านนอก การวิ่งไล่ตามของเจ้าดำกับหานเฟิง สิ้นสุดลงแล้ว
สุนัขหนึ่งตัวกับคนหนึ่งคน ยืนหอบอยู่ในลานบ้าน ต่างฝ่ายต่างจ้องหน้ากัน
ประตูห้องอาจารย์อี้ชิงเปิดออก เขาลูบท้องที่เต็มไปด้วยไขมัน อาจารย์อี้ชิงพูดกับหานเฟิงว่า “หานเฟิง ฉันจะไปเขาอี้ว์หลิงสักรอบ ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกแก น่าจะใกล้ออกจากการเก็บตัวฝึกฝนแล้ว ฉันจะไปรับเขา สองสามวันนี้ พวกแกฝึกฝนในคณะดีๆ อย่าออกไปทำเรื่องไม่ดี”
หานเฟิงยิ้มแล้วพูดว่า “อาจารย์วางใจได้เลยครับ ทักทายศิษย์พี่ใหญ่แทนพวกเราด้วยนะครับ พวกเรารอให้เขากลับมาเร็วๆ”
อาจารย์อี้ชิงพยักหน้า เด้งตัวขึ้นไปบนฟ้า จากนั้นจึงเหาะไป หายเข้าไปในกลีบเมฆ อย่างรวดเร็ว