เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 1151
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1151
หลังผ่านไปไม่กี่วัน
แสงหนึ่งร่วงลงมาจากฟ้า พุ่งตรงลงมาทางด้านหลังเขาวิถีบู๊
ลำแสงกระแทกเข้ามาในห้องหิน จนฝุ่นตลบอบอวลไปทั่ว
“ไม่ง่ายเลยนะ ในที่สุดก็ได้กลับมาแล้ว!”
ลู่ฝานปัดฝุ่นบนตัว ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
เดิมทีจักรพรรดิอู่จะกลืนกินเขา แล้วตัวเองก็กลับมา แต่ปรากฏว่ากลืนกินไม่สำเร็จ อีกทั้งยังเกือบทำให้ลู่ฝานติดอยู่ในอากาศเวิ้งว้างอีกด้วย
โชคดีที่ตอนนี้โลกใบเล็กของจักรพรรดิอู่เป็นของเขาแล้ว หลังจากควานหาอยู่ไม่กี่วัน ในที่สุดก็หาวิธีกลับมาได้
กระบี่หนักไร้คมร่วงลงมาอยู่ในมือ ตอนนี้จิตที่อยู่ในกระบี่หายไปแล้ว มีเพียงแค่พลังที่ลู่ฝานใส่เข้าไปกับเขตวิถีโลกใบเล็กที่รวมเป็นหนึ่งเดียวกัน
เดิมที่จิตที่อยู่ในกระบี่หนักไร้คมดับสูญไปนานแล้ว มีเพียงจิตวิญญาณโหยหาที่จักรพรรดิอู่ใส่เข้าไป
ตอนนี้ความโหยหาของจักรพรรดิอู่โดนเขาผนึกไว้ในร่างกายเรียบร้อยแล้ว
แน่นอนว่าจิตวิญญาณเล็กน้อยที่อยู่ในกระบี่หนักไร้คม ก็จางหายไปเหมือนหมอกควันด้วยเช่นกัน
ตอนนี้กระบี่หนักไร้คมเป็นของลู่ฝานเพียงคนเดียวเท่านั้น สิ่งเดียวที่ต้องให้ความสำคัญคือตัวเองต้องบ่มเพาะดูแลภูติอาวุธ
แต่เรื่องนี้ค่อยเป็นค่อยไปได้!
ตอนนี้สามารถเก็บกระบี่หนักไร้คมไว้ในตัวเขาได้แล้ว แปดเปื้อนพลังของโลกได้ทุกเมื่อ
การบ่มเพาะดูแลภูติอาวุธออกมา เป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก
เพิ่งได้โลกใบเล็กมาหนึ่งวัน ลู่ฝานรู้สึกว่าปราณชี่ของตัวเองเริ่มมีสติปัญญา
ระหว่างที่ใช้ เริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงหลากหลายขึ้น คิดว่าถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป คงถึงขั้นที่ลู่ฝานไม่ต้องควบคุมมัน มันก็สามารถมีปฏิกิริยาตอบกลับเองได้
นี่เป็นเรื่องดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัยเลย ลู่ฝานรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก
ได้รับสิ่งดีที่ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง ถึงแม้จะอันตรายรุนแรงไปหน่อยก็เถอะ
แต่อยากได้ของดีก็ต้องเสี่ยง มีโลกใบเล็กรวมอยู่ในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นร่างกายหรือพลังของเขา ล้วนยกระดับสูงขึ้นเป็นอย่างมาก
และสิ่งสำคัญกว่านั้น หนทางยังราบรื่น วิถีที่แฝงอยู่ในโลกใบเล็ก เพียงพอให้ฝึกฝนถึงขุนพลังสุดเหนือฟ้าเลยล่ะ
คนอื่นฝึกบู๊ เริ่มตั้งแต่ขั้นปราณฟ้า จำเป็นต้องทำความเข้าใจวิถีสั่งสมไปเรื่อยๆ ถึงกระทั่งที่ต้องท่องไปทั่วใต้หล้า สอบถามจากอาจารย์ เพื่อจะทะลุระดับ ด้วยเหตุนี้หากสามารถฝึกฝนถึงแดนปราณฟ้าขั้นสูงสุด ถือว่ามีโอกาสและโชคชะตานับไม่ถ้วน มีบุญวาสนามาก
แต่คนอย่างลู่ฝาน สามารถตัดทั้งหมดนี้ทิ้งไปได้
โลกใบเล็กใบนี้ เหมือนหนังสือที่เขียนวิถีทุกอย่างเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ใส่เข้าไปในตัวลู่ฝาน พร้อมให้เขาอ่านดูได้ทุกเมื่อ
ขอแค่วิทยายุทธเพียงพอถึงขั้น ก็สามารถนั่งทำความเข้าใจได้ทันที
ขอแค่ไม่โง่เขลาเกินไป ชีวิตนี้ก้าวเข้าสู่แดนเซียนบู๊ น่าจะไม่มีปัญหาอะไรแล้ว
ถ้าพูดเรื่องนี้ออกไป ไม่รู้ว่ามีนักบู๊ตั้งเท่าไรที่อยากสับเขาให้ตายเพราะความอิจฉา
ถึงเป็นพวกผู้แข็งแกร่งแดนปราณฟ้า หรือพวกที่เป็นเซียนบู๊แล้ว จะมีใครที่ไม่อยากเห็นโลกใบเล็กของจักรพรรดิอู่บ้างล่ะ
ลู่ฝานฮัมเพลงแล้วหันมามองรูปปั้นในบ้านหิน เขาพูดด้วยรอยยิ้มว่า “จักรพรรดิอู่นะจักรพรรดิอู่ ไม่ว่ายังไงก็ขอบคุณโลกใบเล็กของจักรพรรดิอู่มากนะ”
เมื่อพูดเช่นนี้ ลู่ฝานเดินออกไปข้างนอก
ขยับฝ่ามือเล็กน้อย น้ำหนึ่งหยดในมือของเขา เปลี่ยนรูปร่างเป็นรูปทรงต่างๆ มากมาย
เริ่มต้นด้วยไฟ เป็นสายฟ้า หลังจากนั้นห้าธาตุรวมตัวกัน ก่อตัวเป็นไข่มุกเม็ดหนึ่ง
หลังจากถอดรกเปลี่ยนกระดูก ลู่ฝานรู้สึกว่าความสามารถในการฝึกฝนเคล็ดวิชาบู๊ของตัวเอง ได้รับการยกระดับขึ้นอย่างมหาศาล
ไม่ว่าจะเป็นเคล็ดวิชาบู๊อะไร เมื่ออยู่ต่อหน้าเขาล้วนง่ายดายมาก
อย่างเช่นเคล็ดวิชาบู๊สรรพสิ่งไร้รูปร่าง ลู่ฝานแอบรู้สึกว่าตัวเองเริ่มจับต้นชนปลายได้แล้ว อีกไม่นานน่าจะมีความรู้เบื้องต้นแล้ว
ส่วนเคล็ดวิชาบู๊อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นกลายร่างฟ้าดินของเซียนบู๊หวางเหมิ่ง วิชากระบี่บำเพ็ญเพียรที่ยอดฝีมือลึกลับมอบให้เขาที่โรงเหล้า รวมไปถึงวิชาจิตบู๊ไท่อี่ ลู่ฝานรู้สึกเหมือนไม่ใช่เรื่องยากอะไร แค่เขาหาเวลาว่าง ก็สามารถฝึกฝนให้สำเร็จอย่างง่ายดาย ส่วนพวกวิชาที่เขาฝึกฝนสำเร็จแล้ว ตอนนี้แค่เคลื่อนไหวปราณชี่เล็กน้อย ก็จะมีความเข้าใจใหม่ๆ