เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 1155
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1155
ทุกคนครุ่นคิดเงียบๆ จู่ๆ ลูกหลานตระกูลหานคนหนึ่งวิ่งเข้ามาพูดว่า “ผู้อาวุโสทุกท่าน ลู่ฝานมาหาครับ จะให้ไล่เขาออกไปไหมครับ”
หานอู๋ซวงหัวเราะร่าแล้วพูดว่า “ลู่ฝาน คิดไม่ถึงว่าเด็กคนนี้จะมาแล้ว ตั้งแต่หานหยวนหนิงเกิดเรื่อง ลูกหลานตระกูลอื่นไม่มีใครมาสักคน แม้แต่ตระกูลสุ่ยที่เดิมทีมีความสัมพันธ์อันดีกับเรามาก ยังไม่ให้สุ่ยสือฉวนมาไถ่ถามสักคำ แต่คนที่มากลับเป็นลู่ฝานที่ฉันไล่เขาออกไป”
ผู้อาวุโสใหญ่พูดว่า “เด็กคนนี้มีความสัมพันธ์กับตระกูลหานของเราพอใช้ได้ ในเมื่อเขามาแล้ว ก็ให้เขาเข้ามาเถอะ”
หานอู๋ซวงพูดว่า “ไปเชิญเขาเข้ามา นอบน้อมหน่อย อย่าเสียมารยาท”
ผู้อาวุโสสองสามคนพูดว่า “ช่างเถอะ เรื่องนี้ไว้คุยกันพรุ่งนี้ เฮ้อ ถ้าตอนนี้เจ้าบ้านไม่เก็บตัวก็ดีสิ ให้หยวนหนิงได้พักผ่อนอย่างเต็มที่สักหน่อย นายดูเขาไว้หน่อย อย่าให้เขาทำเรื่องโง่ๆ”
หานอู๋ซวงพยักหน้า ส่งพวกผู้อาวุโสกลับไปอย่างนอบน้อม
ไม่นาน เงาของลู่ฝานปรากฏอยู่ในสายตาหานอู๋ซวง
สองมือไพล่หลัง หานอู๋ซวงมองลู่ฝานเดินเข้ามาอย่างรวดเร็วด้วยสีหน้านิ่ง จู่ๆ เขาพูดเสียงดังว่า “เจ้าเด็กลู่ ฉันไล่นายออกจากตระกูลหานแล้ว นายกลับมาทำไมอีก”
ลู่ฝานตอบกลับเสียงดัง “ฉันมาแทนหลู่เฉิงเซี่ยง ดูว่าตระกูลหานจะทำสงครามใหญ่กับตระกูลเทียนจริงหรือเปล่า”
หานอู๋ซวงชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นหัวเราะออกเสียงแล้วพูดว่า “นายนี่ตรงไปตรงมาจริงๆ”
ลู่ฝานเดินมาหน้าประตูห้องหานหยวนหนิง เขามองผ่านหน้าต่าง เห็นหานหยวนหนิงนอนอยู่ด้านใน
หานอู๋ซวงตบไหล่ลู่ฝานแล้วพูดว่า “ลู่ฝาน ถ้าตระกูลหานทำสงครามใหญ่กับตระกูลเทียนจริงๆ นายจะช่วยไหม”
ลู่ฝานส่ายหน้าพูดว่า “ฉันช่วยไม่ได้หรอก และไม่สามารถช่วยได้ ถ้าฉันช่วยตระกูลหานก็จะรู้สึกผิดต่อท่านผอ. ถ้าฉันช่วยตระกูลเทียนก็จะรู้สึกผิดต่อศิษย์พี่และลุงหานด้วย”
หานอู๋ซวงพยักหน้าเข้าใจ แล้วถอนหายใจออกมา
“ไปพักผ่อนเถอะ ฉันบอกนายได้แค่ว่าตอนนี้ตระกูลหานจะไม่แตะต้องตระกูลเทียน”
ลู่ฝานพูดว่า “ฉันขอดูหานหยวนหนิงหน่อยได้ไหม”
หานอู๋ซวงพยักหน้าพูดว่า “ได้อยู่แล้ว เขาอยู่ข้างใน นายเข้าไปสิ พูดอะไรระวังหน่อย ตอนนี้เขา……อ่อนแอมาก”
ลู่ฝานค่อยๆ เดินเข้ามาในห้อง ส่วนหานอู๋ซวงยืนมองแสงจันทร์อยู่นอกประตู
เพิ่งเดินเข้ามา หานหยวนหนิงพูดเสียงดังว่า “ลู่ฝาน นายมาเยาะเย้ยฉันเหรอ”
ลู่ฝานชะงักฝีเท้าลง หันมามองหานหยวนหนิงแล้วพูดว่า “ทำไมนายพูดแบบนี้ล่ะ”
หานหยวนหนิงใช้มือข้างเดียวค้ำตัวขึ้นนั่งบนเตียง แล้วพูดว่า “ถ้าไม่ได้มาเยาะเย้ยฉัน แล้วนายมาหาฉันทำไม”
ลู่ฝานดึงเก้าอี้มานั่ง ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ฉันไม่มีความคิดเยาะเย้ยนาย ฉันแค่มาดูอาการบาดเจ็บของนาย บางทีฉันอาจรักษานายได้ ยังไงนายก็เป็นลูกพี่ลูกน้องของศิษย์พี่ฉัน”
หานหยวนหนิงมองลู่ฝานอย่างดูหมิ่น หัวเราะพรืดแล้วพูดว่า “ผู้อาวุโสตระกูลหานของเรายังรักษาอาการบาดเจ็บไม่ได้ นายจะทำอะไรได้ รีบไปให้พ้น ฉันไม่อยากเห็นนาย”
ลู่ฝานพูดว่า “ฉันเข้าใจความรู้สึกนาย……”
จู่ๆ หานหยวนหนิงพูดตัดบทลู่ฝานด้วยเสียงดัง “นายเข้าใจอะไร นายเข้าใจความรู้ของการเป็นสิ่งไร้ค่าเหรอ นายเข้าใจเหรอ ไปให้พ้น!”
ลู่ฝานค่อยๆ ลุกขึ้นยืน จ้องหานหยวนหนิงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเดินไปทางประตู
ขณะที่เขาก้าวออกจากประตู ลู่ฝานหันมาพูดกับหานหยวนหนิงเป็นครั้งสุดท้ายว่า “นายอาจไม่เชื่อ อันที่จริงฉันเป็นสิ่งไร้ค่ามานานกว่านายด้วยซ้ำ ฉันรู้ดีกว่านายเยอะ!”
พูดจบ ลู่ฝานก็เดินออกจากห้อง