เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 1169
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1169
ลู่ฝานเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า “ไม่ได้ ฉันให้เธอทำแบบนี้ไม่ได้ อู่คงหลิง เธอวางมือเถอะ หยุดแค่นี้ดีกว่า”
อู่คงหลิงพูดว่า “ตระกูลหานกับตระกูลเทียนมีอดีตกับนายเหรอ นายทนไม่ได้ที่พวกเขาสองตระกูลจะเกิดเรื่องเหรอ”
ลู่ฝานพูดว่า “ใช่ ตระกูลหานคงไม่ต้องพูดถึงแล้ว เธอน่าจะรู้ดี แต่ผู้อาวุโสเทียนหยาจื่อแห่งตระกูลเทียน เป็นท่านผอ.ของฉัน ฉันไม่อยากทำให้เขาผิดหวัง”
อู่คงหลิงถอนหายใจแล้วพูดว่า “งั้นก็ยากแล้วล่ะสิ!”
พูดจบ จู่ๆ อู่คงหลิงเอาฝ่ามือวางไว้บนเอวลู่ฝาน อีกทั้งค่อยๆ เลื่อนลงไปข้างล่างแล้วพูดว่า “นายประจบฉันสิ นายประจบฉันให้เต็มที่ ทำให้ฉันมีความสุข ฉันอาจไม่ทำต่อก็ได้นะ”
สายตาของลู่ฝานมองผ่านความมืด จ้องไปยังดวงตาสวยของอู่คงหลิง
“เธออยากให้ฉันพูดอะไร”
อู่คงหลิงยิ้มแล้วกอดลู่ฝานแน่น หลังจากนั้นเธอก็โน้มตัวเข้ามา
“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ฉันอยากให้นายทำ!”
ทันใดนั้น เสื้อผ้าขาดกระจุยกระจาย
ไม่นาน ในซอยเล็กๆ มีเสียงหอบหายใจดังออกมาเป็นระยะ
……
ในเวลาเดียวกัน อีกด้านหนึ่ง บนเรืองดงาม
เทียนชิงหยางฟันกระบี่ลงบนโต๊ะจนแยกเป็นสอง เขาโกรธแต่ระบายออกมาไม่ได้ พลังปราณทั้งตัวกำลังระเบิดออกมา
หลิ่วเจินยืนอยู่ข้างๆ โบกมือไปมาพูดกับคนอื่นว่า “ทุกท่าน งานเลี้ยงเหล้าวันนี้สิ้นสุดลงเพียงเท่านี้ เชิญกลับเลย เชิญกลับกันได้เลย!”
คนอื่นไม่ใช่คนโง่ ไม่ต้องให้หลิ่วเจินพูดอะไรมาก แต่ละคนลุกขึ้นยืนแล้วบอกลา พวกนักร้องสาวและนักเต้นวิ่งเร็วยิ่งกว่ากระต่ายเสียอีก
ไม่นาน ทั้งเรือเหลือเพียงเทียนชิงหยางกับหลิ่วเจินแค่สองคน
หลิ่วเจินเอาสองมือไพล่หลัง มองเทียนชิงหยางแล้วพูดว่า “ระบายเสร็จหรือยัง เทียนชิงหยางแห่งตระกูลเทียนผู้ยิ่งใหญ่ คลั่งเพราะผู้หญิงเพียงคนเดียวงั้นเหรอ”
เทียนชิงหยางสูดหายใจลึก เก็บกระบี่มังกรคำรามเอาไว้
“นายไม่ต้องพูดแซะฉัน จะพูดอะไรก็รีบพูดมา”
หลิ่วเจินเดินเข้ามาหนึ่งก้าว พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ก็แค่ผู้หญิง ไม่จำเป็นต้องให้กระทบสภาพจิตใจ ถึงเป็นผู้หญิงที่สวยเหมือนนางฟ้า ก็แค่เท่านั้นเอง สิ่งสำคัญที่สุดคือลู่ฝานต่างหาก”
เทียนชิงหยางแสยะยิ้มเย็นชา แล้วพูดว่า “นายไม่ต้องบอก ฉันก็รู้ว่าสิ่งสำคัญคือลู่ฝาน รอให้ฉันฆ่าเขา จะแก้ไขทุกเรื่องได้ทันที”
หลิ่วเจินส่ายหน้าพูดว่า “สหายชิงหยาง นายเข้าใจสิ่งที่ฉันต้องการจะสื่อผิดแล้ว ฉันจะบอกว่านายไม่รู้สึกเหรอว่าวิทยายุทธของลู่ฝานแปลกๆ เมื่อกี้เขาใช้เท้ารับกระบี่ของนายไม่ใช่เหรอ”
ประกายในแววตาเทียนชิงหยางยิ่งเย็นชาขึ้นไปอีก เขาพูดว่า “สหายหลิ่วคิดมากเกินไปแล้ว ไอ้หมอนี่มีความสามารถ แต่จะแข่งกับฉัน เขายังห่างชั้นอีกเยอะ วันนี้เขาแค่โชคดีเท่านั้น!”
นัยน์ตาหลิ่วเจินฉายแววประหลาด เขาพูดด้วยรอยยิ้ม “แบบนี้นี่เอง งั้นฉันคงคิดมากเอง สหายชิงหยาง ฉันขอตัวก่อน งานเลี้ยงเหล้าครั้งหน้า เชิญฉันอีกนะ!”
เทียนชิงหยางประสานมือคารวะเล็กน้อย มองส่งหลิ่วเจินออกไป
เทียนชิงหยางแอบกัดฟัน มีเสียงลอดไรฟันออกมาว่า “ลู่ฝาน!”
หลิ่วเจินเดินลงจากเรืองดงาม ขึ้นมานั่งบนเรือลำเล็ก
ผู้อาวุโสบนเรือถือไม้พายในมือ พายเรือเบาๆ การเคลื่อนไหวไม่รุนแรง แต่กลับทำให้เรือเคลื่อนตัวเร็วเหมือนปลา
หลิ่วเจินมองผู้อาวุโสแล้วพูดว่า “ลุงกง ตระกูลเราเปิดบ่อนพนันอยู่สองสามแห่งใช่ไหม”
ผู้อาวุโสก้มตัวคำนับแล้วตอบว่า “ใช่ครับคุณชายหลิ่ว บ่อนใหญ่ที่สุดในเมืองหลวงล้วนเป็นของตระกูลหลิ่วครับ”
หลิ่วเจินพูดว่า “อืม หลังกลับไปรีบปรับลดอัตราการต่อรองของลู่ฝานให้ต่ำลง ปรับให้ต่ำได้แค่ไหนก็เอาแค่นั้น”
ผู้อาวุโสพูดอย่างประหลาดใจว่า “คุณชายหมายถึงลู่ฝานนักกระบี่แห่งตงหวาเหรอครับ”
หลิ่วเจินพูดว่า “ใช่ เขานั่นแหละ ลู่ฝานนักกระบี่แห่งตงหวา คนคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ!”