เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 1172
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1172
ลู่ฝานใบหน้าสับสน คำพูดแต่ละคำที่พวกเขาพูดฟังเข้าใจแท้ๆ แต่ทำไมพอเอามารวมกันถึงไม่เข้าใจล่ะ
“พลังปราณให้กันได้ด้วยเหรอ”
ลู่ฝานถามอย่างไม่เข้าใจ
ผู้อาวุโสใหญ่พูดด้วยรอยยิ้ม “ทำไมจะให้กันไม่ได้ล่ะ ลู่ฝาน นายก็เป็นคนที่ฝึกบู๊เหมือนกัน นายบอกมาสิว่าพลังปราณคืออะไร”
ลู่ฝานครุ่นคิดแล้วพูดว่า “พลังปราณก็คือพละกำลัง อาศัยร่างกายเป็นพื้นฐาน รับพลังฟ้าดินเข้าร่างกาย รวมตัวเปลี่ยนแปลงไปมาเพื่อพลังปราณ”
ผู้อาวุโสใหญ่ส่ายหน้าพูดว่า “พูดถูกครึ่งเดียว แต่ความเข้าใจยังไม่ล้ำลึกเท่าไร อันที่จริงพลังปราณคือกำลัง สามารถพูดแยกเป็น ปราณคือพลังฟ้าดิน ไม่ว่าจะเป็นนักบู๊หรือผู้ฝึกชี่ ว่ากันถึงแก่นแท้แล้วล้วนอาศัยสิ่งนี้ ก็แค่ปัญหาด้านรูปแบบการใช้เท่านั้น รูปแบบแรกคือโถมเข้าไป ส่วนอีกรูปแบบคือดึงเข้ามา ส่วนกำลังคือกำลังที่มีอยู่แต่เดิมในร่างกาย ทุกการเคลื่อนไหวจะมีน้ำหนักเท่าไร เมื่อย่ำลงไปหนึ่งที จะสะเทือนไปได้กี่ลี้ รวมสองอย่างเข้าด้วยกันถึงจะเป็นพลังปราณ”
ลู่ฝานพยักหน้าพูดว่า “นักเรียนลู่ฝานได้รับคำสอนแล้ว”
ผู้อาวุโสรองหัวเราะลั่นแล้วพูดว่า “เป็นเด็กที่ถ่อมตัวจริงๆ ได้ยินว่านายเคยศึกษาที่ตระกูลหลู่ด้วย ดูเหมือนศึกษาจนมีลักษณะเป็นหนอนหนังสือแล้ว”
ผู้อาวุโสใหญ่ผลักผู้อาวุโสรองไปหนึ่งที แล้วพูดว่า “หนอนหนังสืออะไรกัน นายจะไปตะโกนหน้าตระกูลหลู่ไหม”
ผู้อาวุโสรองหัวเราะแล้วพูดว่า “ฉันก็แค่พูดเท่านั้น”
ผู้อาวุโสใหญ่พูดต่อ “ลู่ฝาน ฉันพูดต่อเลยนะ ปราณไม่สามารถส่งต่อมั่วซั่วได้ แต่ละคนมีวิธีการฝึกฝนของตัวเอง เส้นลมปราณไม่เหมือนกัน อวัยวะภายในไม่เหมือนกัน ตันเถียนไม่เหมือนกัน ถึงขั้นที่เลือดก็ไม่เหมือนกัน ถ้าถ่ายทอดให้จะเกิดเป็นเรื่องวุ่นวาย ไม่ทันทำอะไรอาจเกิดอันตรายถึงชีวิตได้ ถึงเป็นคนที่เรียกกันว่ายอดฝีมือ ระหว่างที่ถ่ายทอดแบบอันตรายถึงชีวิต ทักษะ 100 เปอร์เซ็นต์ สามารถถ่ายทอดให้ศิษย์ได้สัก 1-2 ส่วนก็ไม่เลวแล้ว ทางด้านนี้พวกผู้ฝึกชี่แข็งแกร่งกว่าเราเยอะ ถ้าพวกเขาคิดอยากจะถ่ายทอด น่าจะถ่ายทอดได้ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ก็ถึงขีดสุดแล้ว แต่กำลังสามารถส่งต่อได้ตามใจชอบ ไม่ว่าจะเป็นยาหรือสมุนไพร ในใต้หล้ามีสิ่งที่ยกระดับกำลังของนักบู๊เยอะแยะไปหมด”
ลู่ฝานพยักหน้าอย่างเข้าใจเล็กน้อย แล้วพูดว่า “ผู้อาวุโสทั้งสองท่านจะถ่ายทอดกำลังให้ฉัน!”
ผู้อาวุโสใหญ่พูดว่า “ถูกต้อง แต่ไม่ใช่แค่กำลัง ถ้าแค่กำลัง สู้นายไปขอยาที่เจดีย์ยาดีกว่า ตระกูลหานของเรามีวิชาพิเศษอย่างหนึ่ง มุ่งเน้นไปที่การยกระดับพละกำลังของร่างกายเป็นหลัก และพละกำลังส่วนหนึ่งของร่างกาย สามารถช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้พลังปราณ ถ้านายสามารถยกระดับพละกำลังได้หมื่นชั่ง จะทำให้พลังปราณของนายยกระดับขึ้นไม่น้อย นายจะลองดูไหม!”
หานอู๋ซวงพูดเสริมขึ้นข้างๆ “เด็กลู่ฝาน ฉันรับรองว่าไม่มีอันตรายถึงชีวิต”
ลู่ฝานพูดด้วยรอยยิ้ม “เรื่องดีขนาดนี้ ฉันอยากลองอยู่แล้ว แต่ฉันขอถามอย่างหนึ่ง เพราะอะไรเหรอ ผู้อาวุโสต้องการให้ฉันทำอะไรหรือเปล่า”
ผู้อาวุโสใหญ่พูดว่า “คนฉลาดไม่พูดปิดบัง มีเรื่องจะให้นายช่วยจริงๆ”
ผู้อาวุโสรองพูดต่อ “เป็นเรื่องที่ไม่ถือว่าใหญ่ แล้วก็ไม่ถือว่าเล็ก นายคือคนที่ดีที่สุดที่เราสามารถหาได้”
หานอู๋ซวงยิ้มอยู่ข้างๆ รอยยิ้มเหมือนเพียงพอนเหลืองเห็นแม่ไก่แก่
ลู่ฝานครุ่นคิดแล้วพูดว่า “ฉันพอเดาได้แล้วว่าคืออะไร เกี่ยวกับเทียนชิงหยางใช่ไหม”
ผู้อาวุโสใหญ่ตบโต๊ะแล้วพูดว่า “ฉลาด คุยกับคนฉลาดช่างสบายใจจริงๆ ลู่ฝาน ถ้านายมั่นใจว่าจะทำให้เทียนชิงหยางพิการได้ในการคัดเลือกรอบที่สาม ทำลายตันเถียนของเขา ซัดหน้าเขา ตระกูลหานของเราจะยกระดับวิทยายุทธให้นายอย่างเต็มที่ โดยไม่เสียดายน้ำพักน้ำแรงที่สั่งสมมา เพราะยังไงนายก็มีอดีตกับตระกูลหานของเรา อีกทั้งความสัมพันธ์ก็ไม่เลว ช่วยนายก็ไม่ถือว่าช่วยคนนอก เป็นไง คิดว่าได้ไหม”