เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 1242
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1242
เศษหินโหมซัดสาดอย่างต่อเนื่อง พลังฟ้าดินพลุ่งพล่านไม่หยุด
ตัวของทั้งสองคนโดนกลืนจนหมด จู่ๆ มองไม่เห็นว่าพวกเขาเป็นยังไงบ้าง
เสียงดังอยู่นาน ฝุ่นควันกระจายหายไป ทุกสิ่งกลับสู่ความสงบ
ตัวของลู่ฝานกับเฟิงเสี่ยวชี่ค่อยๆ ปรากฏออกมา
คนหนึ่งยืนตระหง่านอย่างแข็งแกร่ง ส่วนอีกคนนั่งอยู่บนพื้น
เฟิงเสี่ยวชี่จ้องหน้าลู่ฝานเขม็ง แล้วพูดว่า “คิดไม่ถึงว่านายจะใช้พลังความเป็นความตายวนเวียนเป็นด้วย!”
ลู่ฝานนั่งอยู่บนพื้น กระบี่หนักไร้คมปักอยู่ข้างตัว เขาพูดอย่างประหลาดใจเล็กน้อย “นายดูออกเหรอ”
เฟิงเสี่ยวชี่พูดเสียงดังว่า “ฉันจะดูไม่ออกเหรอ ฉันเกือบฝึกวิชาชุดนี้แล้ว”
พูดพลาง เฟิงเสี่ยวชี่ค่อยๆ เดินเข้าไปหาลู่ฝาน
ลู่ฝานก็ค่อยๆ ลุกขึ้นยืนเช่นกัน ดึงกระบี่หนักไร้คมขึ้นจากพื้น
บนตัวทั้งสองคนไม่มีพลังปราณอีกแล้ว เห็นได้ชัดว่าการต่อสู้เมื่อครู่ ทำให้พวกเขาบาดเจ็บไปทั้งตัว
ฝีเท้าหนักอึ้ง ทุกก้าวที่เฟิงเสี่ยวชี่เดินจะมีเลือดหยดลงมาด้วย หายใจเร็วเล็กน้อย
ส่วนลู่ฝานกลับเดินด้วยสีหน้าสงบ
ความแตกต่างสองอย่างนี้ ทำให้ยอดฝีมือที่อยู่ในที่นี้แอบถอนหายใจ
ผลแพ้ชนะปรากฏออกมาแล้ว!
ลู่ฝานกับเฟิงเสี่ยวชี่เดินมาในสนาม ทั้งสองคนชูกระบี่ในมือขึ้นมาพร้อมกัน
สวบ! ปราณกระบี่ปาดบนตัวลู่ฝานจนเป็นแผลลึก แต่จู่ๆ เลือดตรงแผลหยุดไหล เสื้อผ้าขาดกระจาย เผยให้เห็นรอยแผลเต็มตัวลู่ฝาน รอยแผลที่โหดเหี้ยมน่ากลัว คนอื่นเห็นแล้วถึงกับตกใจจนหน้าเปลี่ยนสี โดยเฉพาะรอยแผลกระบี่สองรอยสุดท้ายที่ลึกจนเห็นกระดูก เหมือนจะฟันหลังลู่ฝานจนขาด รอยแผลขนาดนี้ ถ้าเป็นคนอื่นคงตายคาที่ไปนานแล้ว แต่ลู่ฝานยังสีหน้าปกติเหมือนเดิม
กระบี่หนักไร้คมของลู่ฝานตบลงบนตัวเฟิงเสี่ยวชี่
ไม่ใช่การฟัน ไม่ใช่การเหวี่ยงลงไป แต่เป็นแค่การตบลงไปเท่านั้น
เฟิงเสี่ยวชี่โดนลู่ฝานใช้กระบี่ตบจนกระเด็นออกไปหลายเมตร จากนั้นร่วงลงบนพื้น ดิ้นทุรนทุรายอยู่ไม่กี่ครั้ง และไม่สามารถลุกขึ้นมาได้อีก
เลือดเปื้อนเสื้อผ้า เขาคือนักบู๊ผู้ยิ่งใหญ่ที่เกือบเข้าสู่แดนปราณฟ้า คิดไม่ถึงว่าจะโดนซัดจนอยู่ในสภาพนี้ ผู้ชมทั้งหมดที่อยู่ในที่นี้ ไม่มีใครคาดคิดว่าจะจบแบบนี้เหมือนกัน
เฟิงเสี่ยวชี่ที่นอนหอบหายใจรุนแรงอยู่บนพื้นพูดว่า “คิดไม่ถึงว่าสู้กันด้วยวิชาจนสุดท้ายแล้ว สิ่งที่ต้องสู้กันคือความสามารถในการฟื้นฟูร่างกาย”
ลู่ฝานเดินเข้ามา ปักกระบี่หนักไร้คมไว้ข้างเฟิงเสี่ยวชี่แล้วพูดว่า “นายแพ้แล้ว!”
เฟิงเสี่ยวชี่หัวเราะออกมาแล้วพูดว่า “ตลกชะมัด วิทยายุทธเกือบเข้าสู่แดนปราณฟ้าของฉัน คิดไม่ถึงว่าจะแพ้ราบคาบแบบนี้!”
ลู่ฝานพูดอย่างเฉยชาว่า “ยอดฝีมือแดนปราณฟ้า ฉันก็เคยสู้ด้วยแล้ว!”
เพียงประโยคเดียว ทำให้เฟิงเสี่ยวชี่เป็นใบ้พูดไม่ออก เขาหลับตาลงช้าๆ แล้วสลบไป
“ลู่ฝานชนะ!”
หัวหน้าองครักษ์เกราะทองประกาศชัยชนะของลู่ฝาน
ฉินซางต้าตี้ปรบมือพร้อมรอยยิ้ม ผู้ชมทั้งหมดส่งเสียงเชียร์ จู่ๆ ชื่อของลู่ฝานดังสนั่นไปทั่ว
สีหน้าของสุ่ยสือฉวน สือเฉินและถังชิงไม่สู้ดีเป็นอย่างมาก จู่ๆ พวกเขาพบว่าถึงตัวเองสู้กับลู่ฝาน ก็ไม่มั่นใจเท่าไรว่าจะเอาชนะลู่ฝานได้
เฟิงเสี่ยวชี่ คนที่เกือบเข้าสู่แดนปราณฟ้า กระบี่ฟางชุ่นในมือยากจะคาดเดา คนแข็งแกร่งขนาดนี้ยังเอาชนะลู่ฝานไม่ได้ แล้วใครจะต้านทานเขาได้อีก!
ทันใดนั้น คนจำนวนมากพากันมองไปที่เทียนชิงหยาง
ทว่าตอนนี้สีหน้าเทียนชิงหยางก็ไม่ค่อยดีเท่าไรนัก สีหน้าดูอึมครึม ดวงตาเย็นชามาก
กลางท้องฟ้า ฉินอวิ่นเอนหลังพิงเก้าอี้ ในใจเต็มไปด้วยความเย็นยะเยือก
ตอนนี้คนที่เกือบเข้าสู่แดนปราณฟ้าก็ยังสู้ลู่ฝานไม่ได้
งั้นหมายความว่าผ่านไปอีกระยะหนึ่ง นักบู๊แดนปราณฟ้าคงไม่ควรค่าให้พูดถึงแล้วสิ
เฟิงเสี่ยวชี่สู้เขาไม่ได้ เทียนชิงหยางก็คงยาก ถ้าลู่ฝานพุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุด กลายเป็นอันดับหนึ่งของการคัดเลือกครั้งนี้ งั้นลู่ฝานก็จะกลายเป็นนักบู๊ที่ประเทศอู่อานต้องบ่มเพาะเป็นคนแรก การรับปากด้วยการให้ตำแหน่งชื่อเสียงและผลประโยชน์อะไรนั่นเป็นแค่เรื่องเล็ก สิ่งสำคัญคือเสด็จพ่อของเขาต้องใช้กำลังทั้งประเทศ เพื่อช่วยลู่ฝานยกระดับวิทยายุทธ