เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 1258
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1258
เขาทำจุดประสงค์ที่มาตระกูลถานไถสำเร็จหมดแล้ว อีกทั้งยังดีกว่าที่คิดไว้ ถ้าหากดเรื่องในตอนท้าย คงได้ไม่คุ้มเสีย
ดีที่วันนี้ตอนเช้า องครักษ์เกราะทองในตำหนักประกาศให้เขาเข้าตำหนัก ไปเลือกอาวุธวิเศษในคลังบู๊ที่วัง
นอกประตูตระกูลถานไถ รถม้าของวังถูกเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว
ตอนลู่ฝานเดินออกมาจากตระกูลถานไถ ไม่รู้คนตั้งเท่าไรพูดคุยกัน
“คิดไม่ถึงว่าช่วงนี้คุณชายลู่ฝานอยู่ที่ตระกูลถานไถ! เขาไม่ได้อยู่ตระกูลหานเหรอ”
“แปลกมาก เขาดีกับคุณถานไถเก๋อแล้วเหรอ!”
“หูตาคับแคบน่ะสิ ช่วงก่อนหน้านี้ มีคนเห็นคุณชายลู่ฝานเดินเล่นกับคุณถานไถเก๋อข้างนอกด้วย”
“จริงเหรอ ช่างเป็นกิ่งทองใบหยกจริงๆ ทำไมโชคชะตาของลู่ฝานถึงดีขนาดนี้!”
ลู่ฝานได้ยินเสียงพูดคุยที่ไม่รู้ข้อเท็จจริงของคนพวกนี้ เขายิ้มแหยอยู่ครู่หนึ่ง
ไม่ว่าทำเรื่องอะไรก็ต้องมีสิ่งที่ต้องแลกจริงๆ เขามาตระกูลถานไถ ได้วิชาผนึกชิงวิญญาณที่ต้องการ แต่ก็ต้องแปดเปื้อนคำซุบซิบนินทาเพราะเหตุนี้เช่นกัน
ยังดีที่หลิงเหยาไม่อยู่เมืองหลวง ไม่งั้นคงพูดยากแน่ๆ
ส่วนอู่คงหลิง เธอคงไม่แคร์เรื่องพวกนี้
ลู่ฝานเข้าไปนั่งในรถม้า จากนั้นองครักษ์เกราะทองกลายเป็นลำแสงมุ่งหน้าไปยังวัง
ไม่นาน รถม้าของลู่ฝานจอดลงที่ประตูเมืองชั้นใน จากนั้นค่อยๆ ขับเข้าไปในวัง
ครั้งนี้พวกเขาไม่ได้ไปตำหนักไท่เหอ แต่มุ่งตรงไปทางทิศตะวันออก
ลู่ฝานมองผ่านหน้าต่างรถม้า มองตำหนักแต่ละตำหนักค่อยๆ ห่างออกไปจากตัว หลังผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ในที่สุดรถม้าก็หยุดลง
องครักษ์เกราะทองพูดเบาๆ ว่า “ถึงแล้วคุณชายลู่ฝาน เชิญลงรถ!”
ลู่ฝานเลิกผ้าม่านขึ้นแล้วเดินออกมา ทันใดนั้นสิ่งที่ปรากฏในสายตาคือสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่
รูปร่างเหมือนกระบี่ปักอยู่บนพื้น ด้ามกระบี่เป็นหลังคา ตัวกระบี่เป็นห้องหลัก ปลายกระบี่เป็นประตูขนาดใหญ่
สิ่งก่อสร้างนี้สูงเสียดฟ้า เมื่อเงยหน้ามองขึ้นไป มีความสูงหลายร้อยเมตร
“ตัวกระบี่” ตัวอักษรขนาดใหญ่คำว่าคลังบู๊ ดูทรงพลังดึงดูดตามาก
ลู่ฝานยืนมองอยู่ที่เดิมเป็นเวลานาน จึงละสายตาออกมา แค่สิ่งก่อสร้างแห่งนี้ก็ให้ความรู้สึกเย็นยะเยือกน่ากลัวแล้ว
อีกทั้งลู่ฝานยังสังเกตเห็นว่ารูปร่างของสิ่งก่อสร้างแห่งนี้ เหมือนกระบี่หนักไร้คมในมือเขาเป็นอย่างมาก
นี่ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องบังเอิญหรือเปล่า
ลู่ฝานรีบเดินเข้าไปที่ประตูใหญ่ด้านหน้า
ตอนนี้คนที่ยืนอยู่นอกประตูไม่ได้มีแค่เขาคนเดียว
เทียนชิงหยาง สุ่ยสือฉวน
คิดไม่ถึงว่าลู่ฝานจะเป็นคนสุดท้ายที่มาถึง ทั้งเจ็ดคนมองมาทางลู่ฝาน
เทียนชิงหยางส่งเสียงหึอย่างเย็นชา สุ่ยสือฉวนกับสือเฉินสีหน้าไม่เป็นมิตร
หลินหย่า เสอหลิง และถังชิงต่างกวาดตามองเบาๆ มีเพียงหลู่ยินที่เดินเข้ามา เอาไม้เท้าตีลู่ฝานหนึ่งทีแล้วพูดว่า “นี่ ทำไมนายช้าขนาดนี้ รอนายนานแล้วเนี่ย!”
ลู่ฝานพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ฉันก็มาแล้วนี่ไง”
ขณะกำลังพูด ผู้อาวุโสคนหนึ่งเดินช้าๆ ออกมาจากในคลังบู๊
เคราและผมเป็นสีขาว ตาทั้งสองข้างปิดสนิท ผู้อาวุโสพูดอย่างราบเรียบว่า “มากันครบแล้วใช่ไหม ฉันจะพูดแค่รอบเดียว พวกนายต้องจำเอาไว้ เมื่อเข้าไปในคลังบู๊ ดูได้แค่ตา มือห้ามแตะต้อง พวกนายชอบอาวุธวิเศษชิ้นไหน จำชื่อเอาไว้แล้วมาแจ้งฉัน ถ้าพวกนายแตะต้องอาวุธใดๆ จะโดนไล่ออกจากคลังบู๊ เข้าใจไหม”
ทั้งแปดคนไม่พูดอะไรสักคำ มองผู้อาวุโสอย่างเงียบๆ
ผู้อาวุโสยิ้มบางๆ แล้วพูดว่า “ดูเหมือนเข้าใจกันทุกคนแล้ว งั้นตามฉันเข้ามา ที่นี่มีทุกอย่างที่พวกนายต้องการ!”