เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 1273
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1273
ในมือมีกระบี่ชื่อเซียว บนตัวมีเกราะนรก สุ่ยสือฉวนไม่กลัวอะไรทั้งนั้น
ด้ามกระบี่ประดับด้วยมุกเจ็ดสี ตัวกระบี่มีแสงเยือกเย็นน่ากลัว แหลมคมเหมือนเกล็ดหิมะ ด้านบนสลักตัวอักษรขนาดใหญ่เอาไว้ว่า ชื่อเซียว
กระบี่เล่มนี้คืออาวุธวิเศษที่สุ่ยสือฉวนเลือกมาจากคลังบู๊ แม้แต่สือเฉินก็แย่งเขาไม่ได้
มองเทียนชิงหยางด้วยแววตาราบเรียบ สุ่ยสือฉวนพูดเสียงดังว่า “เทียนชิงหยาง การต่อสู้วันนี้ฉันจะไม่ออมมือ”
เทียนชิงหยางมองสุ่ยสือฉวนแล้วพูดเสียงเบาว่า “สหายสุ่ย แม้ฉันกับนายเป็นเพื่อนกัน แต่ถ้านายจะขัดขวางอนาคตฉัน ฉันก็ไม่ยอมนายเหมือนกัน!”
ยกกระบี่มังกรคำรามขึ้นมา ทั้งสองมองหน้ากัน เหมือนมีประกายไฟกะพริบอยู่กลางอากาศ
พลังปราณเริ่มปรากฏขึ้นบนตัวทั้งสองคน พลานุภาพกำลังพลุ่งพล่าน พลังอันแข็งแกร่งเหมือนลมหมุนปกคลุมตัวเอาไว้
นักบู๊แดนปราณดินทั่วไป ชอบก่อตัวพลังปราณเป็นเกราะปราณปกคลุมทั่วร่างกาย
เมื่อเป็นเช่นนี้ นักบู๊แดนปราณดินลงไปจะไม่สามารถแตะต้องพวกเขาได้แม้แต่น้อย นี่คือจุดแข็งแกร่งของนักบู๊แดนปราณดิน
แต่เมื่อนักบู๊แดนปราณดินที่แท้จริงทั้งสองคนต่อสู้กัน จุดสำคัญก็ยังต้องดูที่พลังโจมตี
ใช้พลังปราณมากเกินไปก่อตัวเป็นเกาะปราณ จะทำให้ทักษะการโจมตีของตัวเองอ่อนแอลง
ยิ่งนักบู๊ที่มีวิทยายุทธสูง ยิ่งควบคุมพลังของตัวเองได้อย่างละเอียดแม่นยำ
พวกเขาล้วนมีวิธีการกระจายพลังปราณของตัวเองอย่างคงเส้นคงวา
ใช้พลังป้องกันเท่าไร ใช้พลังโจมตีเท่าไร จำเป็นต้องก่อตัวเป็นเกาะปราณหรือไม่ ก่อตัวเป็นเกราะถึงระดับไหนจึงจะพอดี สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นวิชาความรู้
เป็นความรู้ที่สรุปจากประสบการณ์การต่อสู้ ลอกมาจากคนอื่นไม่ได้ผลหรอก
เห็นได้ชัดว่าเทียนชิงหยางกับสุ่ยสือฉวน มีความมั่นใจในตัวเองมาก
ทั้งสองคนไม่ได้ก่อตัวเกราะปราณออกมา ท่าทางของพวกเขาคือการโจมตีอย่างรวดเร็วที่สุด!
แดนวิทยายุทธของเทียนชิงหยาง คือเกือบเข้าสู่แดนปราณฟ้าอย่างที่ทุกคนทราบ
เมื่อสุ่ยสือฉวนแสดงพลังปราณออกมาอย่างแท้จริง คิดไม่ถึงว่าจะไม่ต่างกันเท่าไร
แม้ยังไม่ใกล้เข้าสู่แดนปราณฟ้า แต่ก็อยู่ในแดนปราณดินขั้นสูงสุดที่น่ากลัวมาก!
พละกำลังระดับนี้ ไม่ใช่แค่เทียนชิงหยางที่คาดไม่ถึง ขนาดสุ่ยเจินหราน เจ้าบ้านตระกูลสุ่ย ก็มีสีหน้าตกใจเล็กน้อย!
สุ่ยสือฉวนปิดบังไว้อย่างดี!
มิน่าล่ะเขาถึงมาขอเกราะนรก ที่แท้มีโอกาสชนะนี่เอง!
จู่ๆ ผู้ชมทุกคนถูกกระตุ้นอารมณ์ขึ้นมา เดิมทีคิดว่าจะเป็นการต่อสู้เพียงฝ่ายเดียว คิดไม่ถึงว่าแค่เริ่มก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันแล้ว!
เทียนชิงหยางหัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “สหายสุ่ย นายช่างมีความอดทนจริงๆ!”
สุ่ยสือฉวนยิ้มบางๆ แล้วพูดว่า “ถ้าไม่ใช่เพราะสู้กับสหายชิงหยางวันนี้ ฉันคงอดทนต่อไปเรื่อยๆ เชิญเลย!”
ระลอกคลื่นเริ่มกระเพื่อมบนกระบี่ชื่อเซียว
เห็นด้วยตาเปล่าว่ากระบี่ของสุ่ยสือฉวน เริ่มบิดเบี้ยวเหมือนงู
นี่ไม่ใช่ภาพลวงตา แต่เป็นเคล็ดวิชาบู๊พิเศษบางอย่าง!
เทียนชิงหยางเหาะขึ้นไปช้าๆ แล้วพูดเสียงดังว่า “สหายสุ่ย รับกระบวนท่าของฉันไปก่อน!”
กระบี่มังกรคำรามส่งเสียงออกมา เมื่อฟันกระบี่ลงมา พื้นที่ว่างเปล่าด้านหน้าสุ่ยสือฉวนโดนฟันจนหายไป ตัวของสุ่ยสือฉวนแยกออกเป็นสอง
ตัวกะพริบเลือนรางเหมือนหมอก สุ่ยสือฉวนที่โดนฟันจนแยกออกเป็นสอง กลายเป็นสองคน
ทันใดนั้นสุ่ยสือฉวนพุ่งไปบนท้องฟ้า ด้านล่างเท้าเป็นแสงสีทองอร่าม
เป็นอันดับหนึ่งในบรรดาคนอายุน้อยของตระกูลสุ่ย ถ้าเขาไม่รู้วิชาเหาะเหินเดินอากาศคงเป็นอะไรที่แปลกมาก!
เพียงพริบตาเดียว เงาทั้งสองเงาของสุ่ยสือฉวน จู่โจมเข้ามาทั้งซ้ายและขวา เทียนชิงหยางไม่ได้หลบ เขาสะบัดกระบี่มังกรคำราม ปราณกระบี่รูปจันทร์เสี้ยวโจมตีออกไปด้านหน้า เงาทั้งสองของสุ่ยสือฉวนแยกออกเป็นสี่!
กระบี่ของสุ่ยสือฉวน ร่วงลงบนตัวเทียนชิงหยาง
พรวด! เทียนชิงหยางเข้ามาก็บาดเจ็บแล้ว หน้าอกโดนแทงเข้าไปครึ่งหนึ่ง
ส่วนแสงกระบี่ของเทียนชิงหยางกวาดออกไป บนตัวสุ่ยสือฉวนก็ยังไม่มีเลือดเหมือนเดิม สุ่ยสือฉวนทั้งสองโดนรั้งเอวไว้และโดนฟันจนขาด ค่อยๆ เคลื่อนออกจากกัน ทันใดนั้นก็กลายเป็นสี่คน
เคล็ดวิชาบู๊ภาพซ้อนของตระกูลสุ่ย!
เทียนชิงหยางดูออกว่านี่คือเคล็ดวิชาบู๊สุดยอดของตระกูลสุ่ย เห็นคนใช้น้อยมาก
เทียนชิงหยางเห็นเคล็ดวิชาบู๊นี้เป็นครั้งแรกเหมือนกัน โดนเคล็ดวิชาบู๊ภายในพริบตาเดียว สุ่ยสือฉวนสองคนเอากระบี่ในมือแทงเข้ามาในตัวเทียนชิงหยาง ส่วนที่เหลืออีกสองคนฟันลงไปที่หัวของเทียนชิงหยาง
แสงกระบี่พลุ่งพล่าน ลงมืออย่างเด็ดขาด เห็นการกระทำที่เต็มไปด้วยความอาฆาตของสุ่ยสือฉวน จินตนาการไม่ออกเลยว่าทั้งสองคนเป็นเพื่อนกัน
เทียนชิงหยางเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว ตัวหายไปจากกระบี่ของสุ่ยสือฉวน
ต่อจากนั้นในสนามบู๊ เงานับไม่ถ้วนของเทียนชิงหยางปรากฏขึ้น เรียกว่ามืดฟ้ามัวดิน เงาเคลื่อนไหวเต็มไปหมด!
เมื่อเทียนชิงหยางใช้กระบวนท่านี้ ดูเฉียบขาดกว่าเคล็ดวิชาบู๊ภาพซ้อนของสุ่ยสือฉวนจริงๆ
แต่สุ่ยสือฉวนกลับไม่กลัวเลย เขาใช้แค่ร่างธรรมดาแค่สี่ร่าง เริ่มโจมตีร่างนับไม่ถ้วนของเทียนชิงหยาง!
เงาทั้งหมดของเทียนชิงหยางยกกระบี่ในมือขึ้น แล้วสะบัดกระบี่ฟันลงมา แสงกระบี่นับไม่ถ้วนกลืนกินร่างทั้งสี่ของสุ่ยสือฉวนทันที
ครั้งนี้ร่างทั้งสี่ถูกระเบิดจนไม่เหลือซาก
ร่างทั้งสี่ของสุ่ยสือฉวนหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ไม่มีความยินดีบนใบหน้าเทียนชิงหยางสักนิด แต่กลับขมวดคิ้วแน่น
ไม่ค่อยปกติ!
ขณะที่เทียนชิงหยางกำลังหาตัวจริงของสุ่ยสือฉวน
ทันใดนั้นร่างทั้งหมดของเทียนชิงหยางในสนามบู๊ มีจุดแสงสีแดงสว่างขึ้นบนตัว