เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 1292
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1292
ยามค่ำคืนดวงดาวเต็มฟ้า
ในซอยเก่า ประตูร้านเหล้าเล็กๆ ของไอ้อ้วนตงเปิดกว้าง ด้านในมีแค่ไอ้อ้วนตงกอดไหเหล้าหลับอยู่
เสียงกรนดังสนั่น ไอ้อ้วนตงนอนแผ่หลาอยู่บนเคาน์เตอร์ พูดละเมอออกมาเป็นระยะ
จู่ๆ เงาดำค่อยๆ ปรากฏขึ้นที่ประตู คนที่มาสวมชุดดำทั้งตัว คิ้วดาบตาเป็นประกาย ตรงหางตามีรอยแผลเป็นจากกระบี่อยู่สองรอย ตอนเดินเงียบมาก ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงลมหายใจ
ผมยาวปล่อยสยายสะบัดปลิว คนที่มายืนอยู่หน้าประตู มองไอ้อ้วนตงบนเคาน์เตอร์แล้วหัวเราะเบาๆ “ศิษย์พี่ ไม่ได้เจอกันนาน ต้อนรับฉันแบบนี้เหรอ”
เสียงกรนหยุดลง ไอ้อ้วนตงลืมตาข้างหนึ่งเหลือบมองคนที่มา หัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “ฉันก็นึกว่าใครซะอีก ที่แท้ก็นายนี่เองตาเฒ่าอู๋หุน”
ไอ้อ้วนตงลุกขึ้นช้าๆ วางไหเหล้าลงแล้วพูดว่า “นายนั่งได้นะ แต่ไม่มีเหล้า”
อู๋หุนหัวเราะแล้วพูดว่า “ฉันก็ไม่ได้ดื่มเหล้าหลายปีแล้วเหมือนกัน”
อู๋หุนเดินเข้ามาในร้านนั่งลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่ง มองเล็กน้อยแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม้ศักดิ์สิทธิ์จิตใจเย็นชา ต้นไม้วิเศษที่มีแค่สิบต้นในใต้หล้า โดนศิษย์พี่ฟันไปหนึ่งต้น เดิมทีฉันคิดว่าพี่จะเอาต้นไม้วิเศษไปทำเรื่องสำคัญอะไรซะอีก อย่างน้อยก็น่าจะทำกระบี่ไม้พกติดตัวสักเล่ม คิดไม่ถึงว่าพี่จะเอาไม้วิเศษมาทำเป็นโต๊ะเก้าอี้ แล้วก็ทำร้านพังๆ นี่ด้วย!”
ไอ้อ้วนตงหัวเราะแล้วพูดว่า “ก็แค่ไม้เอง ทำเป็นกระบี่ต่างอะไรจากทำเป็นเก้าอี้ล่ะ”
อู๋หุนส่ายหน้าพูดว่า “ทำเสียของ”
ไอ้อ้วนตงหัวเราะร่าแล้วพูดว่า “รอระดับแดนของนายเท่าฉัน นายจะรู้เอง บนโลกนี้ไม่มีอะไรเสียของหรอก ที่ว่ากันว่าสรรพสิ่งหล่อเลี้ยงมนุษย์ ก็แค่คำพูดไร้สาระ”
อู๋หุนพูดด้วยสายตาเย็นชา “พี่กำลังเยาะเย้ยฉัน ถึงขีดสูงสุดแล้วมีอะไรดี! ก็ยังโดนฟ้าดินข่มเหมือนสุนัขตัวหนึ่งอยู่ดี ไม่มีความสุขเท่าเซียนบู๊”
ไอ้อ้วนตงหัวเราะเสียงดัง “จิตใจคับแคบแบบนาย สมควรแล้วที่ชีวิตนี้ไม่ได้ไปถึงระดับสูงสุด”
อู๋หุนส่งเสียงหึอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “งั้นฉันควรพูดว่าสมควรแล้วที่พี่เป็นแค่เถ้าแก่สำมะเลเทเมาหรือเปล่า”
ไอ้อ้วนตงโบกมือไปมาแล้วพูดว่า “พอแล้ว ทะเลาะกันมาหลายสิบปีแล้ว น่าจะทะเลาะกันพอแล้ว ตอนอยู่ที่สำนักในตอนนั้น นายไม่ยอมฉัน ตอนนี้นายก็ยังไม่ยอมฉันอีก ถึงฉันพูดกับนายอีกสักเท่าไรก็เปล่าประโยชน์ นายบอกมาสิว่ามาหาฉันทำไม”
อู๋หุนเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ฉันมาดูว่าในเมืองหลวงมีที่ให้ฉันอยู่หรือเปล่า”
ไอ้อ้วนตงรีบพูดทันทีว่า “ไม่ต้องดูหรอก ฉันจะบอกนายเลยว่าไม่มี นายกลับรังนายไปเถอะ ฝึกฝนอย่างสงบดีที่สุดแบบนี้นายจะอยู่ได้อีกหลายปี”
อู๋หุนพูดว่า “ฉันไม่เชื่อหรอกว่าในเมืองหลวงใหญ่ขนาดนี้จะไม่มีที่ให้ฉันอยู่ พี่คิดจะห้ามฉันเหรอ”
ไอ้อ้วนตงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ห้ามนายเหรอ ฉันไม่คิดจะทำอย่างนั้นสักนิด เทียบกับทะเลาะกัน ฉันชอบดื่มเหล้ามากกว่า ยิ่งไปกว่านั้นในเมืองหลวงมียอดฝีมือไม่น้อย ฉันไม่จำเป็นต้องลงมือ ถ้านายกล้าทำอะไร นายจะตายอย่างน่าเวทนา รีบพาลูกน้องนายที่ปลอมตัวเป็นคนเผ่ายันต์กลับไปเถอะ ฉันว่าเขาน่าจะมีภัยถึงชีวิตคงอยู่ได้อีกไม่นาน”
อู๋หุนพูดเสียงดังว่า “งั้นเหรอ ทั้งเมืองหลวงนอกจากพี่แล้ว ใครจะห้ามฉันได้อีก”
ไอ้อ้วนตงส่ายหน้าพูดว่า “นายคงยังไม่เข้าใจสินะ อย่าบอกนะว่านายไม่รู้สึกเลยว่าใต้เท้านายเต็มไปด้วยอันตราย”
ไอ้อ้วนตงกระทืบเท้า มองอู๋หุนด้วยรอยยิ้ม
ทันใดนั้น สีหน้าอู๋หุนเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ผ่านไปครู่หนึ่ง อู๋หุนพูดว่า “ฉันรู้ว่าค่ายกลด้านล่างเท้าเก่งกาจมาก แต่มันรั้งฉันไม่ได้หรอก”
ไอ้อ้วนตงส่ายหน้าพูดว่า “ช่างเป็นคนที่ดื้อรั้นจริงๆ เอาเถอะ ฉันจะบอกนายว่าในเมืองหลวงมีอะไร รู้จักโลกใบเล็กของจักรพรรดิอู่หรือเปล่า”
อู๋หุนมือสั่นแล้วพูดอย่างประหลาดใจว่า “สิ่งนี้อยู่ที่เมืองหลวงจริงเหรอ”
ไอ้อ้วนตงยิ้มแล้วพูดว่า “แล้วนายคิดว่าฉันอยู่ในเมืองหลวงนานขนาดนี้เพราะอะไรกันล่ะ ของที่ฉันไม่ได้มันมา นายว่ามันอยู่ไหนล่ะ แค่ของสิ่งนี้อยู่ในมือคนที่เป็นเซียนบู๊เหมือนนาย ฆ่านายก็เหมือนขยี้มดตัวหนึ่ง นายคิดว่าในเมืองหลวงไม่มีเซียนบู๊เหรอ”
อู๋หุนเงียบไม่พูดอะไรสักคำ
ไอ้อ้วนตงส่ายหน้าพูดว่า “กลับไปเถอะ ถ้านายยังไม่ได้เข้าสู่ระดับสูงสุด อย่าคิดเรื่องล้มล้างอู่อาน ความสามารถของนายยังห่างชั้นอีกเยอะ”
อู๋หุนค่อยๆ ลุกขึ้นเดินออกไปข้างนอก
ไอ้อ้วนตงมองด้านหลังอู๋หุนที่กำลังจะเดินออกจากประตู ถอนหายใจแล้วพูดว่า “ศิษย์น้อง บางทีแข็งแกร่งมากก็ไม่ใช่เรื่องดี แม้การฝึกชั่วร้ายรวดเร็วแต่ไม่มั่นคง”
ตอนนี้เสียงอู๋หุนดูสงบลงไม่น้อย เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า “มั่นคงหรือเปล่าฉันรู้ตัวดี ขอบคุณที่ศิษย์พี่อุตส่าห์บอกให้รู้”
ไอ้อ้วนตงพูดว่า “คนในตอนนั้นตายไปหมดแล้ว คนที่เหลือไม่ว่าจะดีหรือร้ายล้วนเป็นเพื่อนเก่า ศิษย์น้อง มีเวลาก็กลับหุ้นตุ้นไปกวาดหลุมศพให้อาจารย์บ้างนะ”
อู๋หุนพยักหน้าเบาๆ จากนั้นตัวก็หายไปท่ามกลางความมืด