เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 130
หานเฟิงและคนอื่น เห็นลู่ฝานบาดเจ็บสาหัส รีบเข้ามาล้อมทันที
“ศิษย์น้องลู่ฝาน ศิษย์น้องลู่ฝานเป็นอะไรไป ใครเป็นคนทำ”
อาจารย์เต้ากวงหน้าแดงก่ำ พูดอึกอักว่า “ฝีมือคนชุดดำคนหนึ่ง ตอนนี้อาการลู่ฝานแย่นิดหน่อย พวกนายพาเขาไปนอนที่ห้อง จากนั้นป้อนยานี้ให้เขากิน”
อาจารย์เต้ากวงหยิบขวดยาออกมาจากแขนเสื้อ
ด้านในเป็นยารักษาแผลชั้นดี ยาน้ำไฟทั้งสองธาตุ แม้จะเสียดายนิดหน่อย แต่เมื่อคิดว่าลู่ฝานบาดเจ็บเพราะตัวเอง อาจารย์เต้ากวงจึงเอายาให้หานเฟิง อย่างไม่ลังเล
หานเฟิงและคนอื่น รีบแบกลู่ฝานกลับห้อง และป้อนยาให้
ต่อมา เห็นลมเย็นลอยออกมาจากตัวลู่ฝาน แช่แข็งบาดแผลเอาไว้ จากนั้นมีคลื่นความร้อน เริ่มสมานบาดแผลอย่างรวดเร็ว
เห็นประสิทธิภาพของยาอย่างชัดเจน ลู่ฝานเริ่มหายใจสม่ำเสมอ
หานเฟิงและคนอื่น ถอนหายใจอย่างโล่งอก เดินออกจากห้อง หานเฟิงตะโกนว่า “ไอ้เลวที่ไหนทำ คนชุดดำใช่ไหม ผมจะไปหามันเดี๋ยวนี้ ผมต้องทำให้มันตายให้ได้”
พูดจบ หานเฟิง ฉู่สิง ฉู่เทียน เดินออกไปข้างนอกอย่างแค้นเคืองต่อความไม่เป็นธรรม
อาจารย์เต้ากวงพูดว่า “อีกฝ่ายเป็นผู้ฝึกชี่ แม้วิทยายุทธไม่สูง แต่พวกนายจับเขาไม่ได้หรอก”
หานเฟิงพูดเสียงดังว่า “จับได้แล้ว ค่อยว่ากัน”
อาจารย์อี้ชิงหันมามองอู๋เหวย
อู๋เหวยลูบท้อง แล้วลุกขึ้นยืน ใบหน้าที่เดิมมีรอยยิ้มอบอุ่น ตอนนี้ไม่เหลือรอยยิ้มแล้ว “ผมจะไปกับพวกศิษย์น้องหานเฟิง วางใจเถอะ พวกเขาไม่เป็นไรแน่นอน คนที่กล้าแตะต้องศิษย์น้องของผม มันรนหาที่ตาย”
เห็นคนที่ถูกเรียกว่าเป็นคนนิสัยดีที่สุดในสถาบันสอนวิชาบู๊ อย่างอู๋เหวยโมโหขึ้นมา อาจารย์อี้ชิงจึงไม่ห้าม
ศิษย์ทั้งหมดของคณะหนึ่งเดียว ขึ้นไปบนเขา เริ่มหาคนชุดดำอะไรนั่น
อาจารย์อี้ชิงมองอาจารย์เต้ากวง “ผู้ฝึกชี่เหรอ มีผู้ฝึกชี่ จากที่อื่น มาที่สถาบันสอนวิชาบู๊เหรอ”
อาจารย์เต้ากวงพยักหน้า “ใช่ เป็นคนสวมชุดคลุมดำ สวมหน้ากากเงิน ความสามารถธรรมดาทั่วไป แต่รับการโจมตีด้วยแรงทั้งหมดจากฉันได้โดยไม่ตาย อย่างน้อยมีวิทยายุทธระดับอาจารย์บำเพ็ญเพียร”
อาจารย์อี้ชิงพูดว่า “อืม แม้เป็นแค่อาจารย์บำเพ็ญเพียร แต่นี่ก็ถือว่าเป็นเรื่อง ฉันไปแจ้งหัวหน้าคณะอื่นก่อน แค่พวกเขายอมช่วย คนชุดดำคนนั้น ไม่มีทางหลบได้แน่นอน”
อาจารย์เต้ากวงพยักหน้า “อืม ไปสิ”
อาจารย์อี้ชิงเหาะบนพื้นดิน ออกไปไกลทันที
อาจารย์เต้ากวงลูบเคราตัวเองพลาง มองลู่ฝานที่อยู่ในห้อง “ลู่ฝาน อาจารย์ไม่ได้ตั้งใจทำร้ายนาย หวังว่านายฟื้นขึ้นมา จะไม่ว่าอาจารย์นะ”
เจ้าดำวิ่งเข้าไปในห้อง หมอบลงข้างเตียงลู่ฝาน
มองลู่ฝานด้วยดวงตาแวววาว คำรามออกมาเบาๆ
คิ้วลู่ฝานขยับเล็กน้อย อันที่จริง เขาได้ยินคำพูดของอาจารย์เต้ากวง แต่ไม่ว่าอย่างไร เขาไม่สามารถตื่นขึ้นมาได้
ตอนนี้ลู่ฝานรู้สึกว่าตัวเอง จมดิ่งลงไปในความมืด
เขาได้ยินคำพูดทุกอย่างด้านนอก แต่เขาไม่สามารถออกจากความมืดนี้ได้
ทันใดนั้น มีแสงดวงหนึ่ง ปรากฏตรงหน้าเขา
เหมือนกระบี่ขจัดความมืด ตัดทุกสิ่งทุกอย่าง
เสียงทุ้มต่ำ เหมือนข้ามเวลามาเป็นพันเป็นหมื่นปี
“ในที่สุด…..ในที่สุดก็มีคนมาที่นี่ได้แล้ว……”
เสียงแก่ชรา ลำแสงด้านหน้า ค่อยๆ รวมตัวเป็นรูปร่างผู้อาวุโส
ลู่ฝานอึ้งไป มองผู้อาวุโส แล้วพูดอย่างตกใจว่า “นายเป็นใคร”
ผู้อาวุโสยิ้มแล้วพูดว่า “นายไม่รู้ว่าฉันคือใครเหรอ นายคิดดูดีๆ มีใครสามารถคุยกับนายในปริภูมิหนึ่งเดียวได้บ้าง นายมาเพราะฝึกเพลงเต๋าหนึ่งเดียวไม่ใช่เหรอ”
ลู่ฝานอึ้งไปทันที ปริภูมิหนึ่งเดียว นี่มันที่ไหนกัน
ลู่ฝานอึ้งอยู่ที่เดิม ผู้อาวุโสหัวเราะขึ้นมาอีก แล้วพูดว่า “บนตัวนายมีร่องรอยของคณะหนึ่งเดียวแท้ๆ คิดไม่ถึงว่านายจะไม่รู้ว่าฉันเป็นใคร ไอ้หนุ่ม ฉันบอกให้ละกัน ฉันชื่อหนึ่งเดียว เป็นบูรพาจารย์ของพวกนาย เซียนบู๊หนึ่งเดียว”
“บูรพาจารย์!”
ลู่ฝานพูดอย่างตกใจ ไม่อยากเชื่อ
หนึ่งเดียวยิ้มแล้วพูดว่า “ถูกต้อง บูรพาจารย์ แม้ไม่รู้ว่าโลกภายนอก ผ่านไปกี่ปีแล้ว แต่อย่างน้อยต้องมีสักร้อยปีหมื่นปี เวลาผ่านไปอย่างยาวนาน สรีระสังขารของฉันคงสูญสิ้นไปแล้ว หลงเหลือเพียงดวงจิตอยู่บนโลก”
ลู่ฝานไม่รู้ว่าสรีระสังขาร ดวงจิต คืออะไร
ลู่ฝานมองหนึ่งเดียว แล้วพูดว่า “ในเมื่อนายเป็นบูรพาจารย์ พาฉันมาที่นี่ทำไม”
หนึ่งเดียวพูดว่า “ฉันไม่ได้พานายมา แต่นายมาเอง ในเพลงเต๋าหนึ่งเดียว ที่ฉันทิ้งไว้ มีดวงจิตของฉันอยู่ นายใช้เลือดตัวเอง เปิดปริภูมิหนึ่งเดียว และมีพลังวิญญาณพลังแรก จึงถูกพามาที่นี่ ตอนนี้ฉันจะถ่ายทอดเพลงเต๋าหนึ่งเดียวชั้นหนึ่ง ให้นาย ถ้านายมีอะไรไม่เข้าใจ ถามฉันได้เลย”
ลู่ฝานยิ้มออกมา ที่แท้นี่คือปริภูมิในการถ่ายทอดเพลงเต๋าหนึ่งเดียวนี่เอง
เขามีคำถามที่ไม่เข้าใจ จึงถามว่า “พลังวิญญาณ คืออะไร ทำไมฉันจำไม่ได้ ว่ามีพลังนี้”
หนึ่งเดียวพูดว่า “นายไม่รู้เหรอ งั้นนายดูตัวเองตอนนี้ละกัน”
ลู่ฝานก้มมองตัวเอง ทันใดนั้น เห็นร่างกายตัวเอง เป็นลำแสงดวงเล็กๆ