เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 1301
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1301
ลำแสงสีทองได้ทำลายล้างออร่าปีศาจ และกลุ่มองครักษ์เกราะทองก็โบกมือเพื่อกำจัดออร่าปีศาจให้หมดไป บนพื้น หลงเหลือเพียงแต่ซากศพของฉางเจี๋ยหน้าผีที่แหลกระเบิด
บนแท่นผู้ชม มีผู้ชมจำนวนไม่น้อยที่อาเจียนออกมา พวกเขาเคยเห็นสภาพการณ์แบบนี้มาก่อนที่ไหนล่ะ ในตอนแรกก็มีคนตกใจกลัวไม่น้อยเหมือนกัน
พวกองครักษ์เกราะทองได้ทำการกวาดล้างซากศพบริเวณนั้นจนสะอาดเรียบร้อย ผู้นำขององครักษ์เกราะทองก็ได้เดินมาที่ด้านข้างของลู่ฝาน พร้อมกับสายตาที่แปลกประหลาด และพูดกับลู่ฝานว่า: “คุณชายลู่ฝาน นายไม่เป็นไรนะ! ”
ลู่ฝานยิ้ม แสดงออกว่าตนเองไม่เป็นอะไร แม้ว่าปราณชี่จะสูญสิ้นไปจนหมด
แต่เขาก็ยังไม่ถึงขั้นที่ไม่สามารถก้าวเดินได้ โดยลู่ฝานก็ได้เก็บกระบี่หนักไร้คมขึ้น แล้วก็เดินกลับออกไปอย่างช้า ๆ
ขณะที่เดิน ลู่ฝานก็หันหน้ามองไปยังแท่นผู้ชม หลิงเหยาที่อยู่ตรงนั้นร้องไห้น้ำตาไหลพราก ส่วนอู่คงหลิงกลับปรบมืออยู่เบา ๆ
ลู่ฝานยิ้มเล็กน้อย เห็นว่าสองคนนั่งอยู่ด้วยกัน เขาก็เข้าใจเป็นอย่างดีแล้ว
มิน่าล่ะที่อู่คงหลิงถึงพูดว่าหลิงเหยาไม่เป็นอันตรายอะไร เพราะหลิงเหยาอยู่ภายใต้การควบคุมของเธอ
มิน่าล่ะที่เจ้าดำถึงพลันกระโดดออกมา ก็เกรงว่าจะเป็นอู่คงหลิงที่ตั้งใจปล่อยออกมา
ลู่ฝานโบกมือเบา ๆ ให้กับอู่คงหลิงและหลิงเหยา อู่คงหลิงพยักหน้า ส่วนหลิงเหยาร้องไห้หนักมาก
ทันใดนั้น เงาร่างที่อ่อนแอของเจ้าดำก็ปรากฏขึ้นบนไหล่ของลู่ฝาน
ขณะนั้น ลู่ฝานรู้สึกว่าโลกหมุนมึนงงไปชั่วขณะ เกือบจะสลบล้มลงไปที่พื้น แต่ก็ยังยืนหยัดเดินไปถึงด้านหน้าเก้าอี้กิเลน แล้วลู่ฝานจึงนั่งลง จากนั้นก็เริ่มหอบหายใจอย่างหนัก
เวลานี้ เซียนบำเพ็ญชี่หลายคนก็พุ่งตรงเข้ามา กระชากตัวลู่ฝานแล้วพาเดินเข้าไปด้านใน
ลู่ฝานยังไม่ทันตั้งตัว ก็ถูกเซียนบำเพ็ญชี่หลายคนลากตัวเข้ามาด้านในสนามบู๊
ลู่ฝานจำใจพูดอะไรไม่ออกและก็ไม่สามารถขัดขืนได้ ทำได้เพียงปล่อยให้พวกเขาลากตัวไป ถ้ารู้ก่อนว่า พวกนายจะพุ่งเข้ามาช่วยรักษาอาการบาดเจ็บล่ะก็ เมื่อครู่เขาก็คงจะไม่เดินกี่ก้าวนั้นแล้ว
เงาร่างของลู่ฝานได้หายสูญไปต่อหน้าต่อตาของทุกคน
บนแท่นผู้ชม พวกผู้ชมทั้งหมดต่างก็วิพากษณ์วิจารณ์กันไม่หยุด
งานคัดเลือกผู้มีความสามารถในจักรวรรดิอย่างยิ่งใหญ่ กลับปล่อยให้คนที่ฝึกวิชาชั่วร้ายลักลอบเข้ามาได้ และยังจะเข้าสู่รอบสี่คนสุดท้ายด้วย
หากไม่ใช่ว่าวันนี้เขาต้องมาปะทะกับลู่ฝาน ในขณะที่ต่อสู้นั้น ต้องเผยตัวตนที่แท้จริงออกมา และตายลงไปในสถานที่แห่งนี้ ถ้าปล่อยให้สังหารต่อไป แล้วคว้าอันดับที่หนึ่งได้จะทำอย่างไร เมื่อถึงเวลานั้น เกียรติของจักรวรรดิจะดำรงอยู่ต่อไปอย่างไร เกียรติของฝ่าบาทจะมีอยู่ต่อไปได้อย่างไร!
ฉินซางต้าตี้ส่งเสียงฮึอย่างเย็นชาไม่หยุด ส่วนฉินอวิ่นที่อยู่ด้านข้างนั้นมือและเท้าก็เย็นยะเยือกไปหมดแล้ว
ทำไมเสอหลิงคนนี้ถึงได้มีคุณสมบัติในการเข้าร่วมคัดเลือกล่ะ เขารู้แก่ใจอย่างชัดเจนที่สุด เพราะได้ใช้เงินซื้อมา โดยที่ไม่มีการสำรวจ ไม่มีการศึกษาทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ฝ่ายตรงข้ามยอมจ่ายเงินจำนวนมาก และยังจะส่งมอบหญิงสาวกลุ่มหนึ่งให้ด้วย แล้วจึงได้รับโควตาดังกล่าวนี้
ฉินอวิ่นคาดการณ์ไม่ถึงอย่างมากว่า อีกฝ่ายหนึ่งจะเป็นคนที่ฝึกวิชาชั่วร้าย ตอนนี้เขาไม่กล้าที่จะมองไปยังใบหน้าของฉินซางต้าตี้แล้ว เพราะใช้ทวารคิดก็รู้ว่าเวลานี้ฉินซางต้าตี้นั้นโมโหมากขนาดไหน
ฉินซางต้าตี้ พูดขึ้นอย่างช้า ๆ ว่า: “ฉินอวิ่นอ่า คืนนี้ มาที่ห้องทรงพระอักษร ฉันมีธุระที่จะพูดคุยกับนาย! ”
ฉินอวิ่นเหงื่อออกบนใบหน้า ร่างกายสั่นเทาพร้อมกับตอบรับขึ้นเบา ๆ
แล้วฉินซางต้าตี้ก็หันหน้าไปพูดกับหลู่เฉิงเซี่ยงว่า: “จัดการให้สิ้นซาก ไม่ปล่อยให้เหลือรอดไปได้แม้แต่คนเดียว”
เมื่อพูดจบ ฉินซางต้าตี้ก็ได้มอบป้ายชิ้นหนึ่งให้กับหลู่เฉิงเซี่ยง
หลู่เฉิงเซี่ยงรับป้ายมาอย่างระมัดระวัง โดยดวงตาที่สงบนิ่งราวกับสายน้ำมาโดยตลอดนั้น เวลานี้เริ่มที่จะเผยเจตนาสังหารออกมาแล้ว!
ทางด้านนี้ บนแท่นผู้ชม
อู่คงหลิงลุกขึ้นและพูดกับหลิงเหยาว่า: “น้องหลิงเหยา ฉันจะต้องไปก่อนแล้ว เมื่อเธอพบกับลู่ฝาน ก็ฝากสวัสดีทักทายแทนฉันด้วยนะ วันหลังฉันจะมาหาเขาอีกครั้ง”
หลิงเหยาเช็ดน้ำตา แล้วมองไปที่อู่คงหลิงด้วยความสงสัยพร้อมกับพูดขึ้นว่า: “เธอจะไปไหน? ”
อู่คงหลิงยิ้มและพูดว่า: “ก็จะกระโดดหลบหนีไปยังไงล่ะ กลัวว่าตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไป ภายในเมือง จะต้องเกิดการฆาตกรรมคนที่ฝึกวิชาชั่วร้ายครั้งใหญ่ ฉันเองก็เป็นคนที่ฝึกวิชาชั่วร้ายเหมือนกัน ดังนั้นจึงต้องรีบเผ่นไปก่อน ใช่แล้ว ไอ้คนนี้ส่งคืนกลับให้เธอ! ”