เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 1305
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1305
การต่อสู้ในรอบสี่คนสุดท้ายสิ้นสุดลง โดยหลงเหลือหัวข้อการวิพากษณ์วิจารณ์อย่างนับไม่ถ้วนให้กับผู้คนในเมืองหลวง
เสอหลิงคือคนที่ฝึกวิชาชั่วร้าย ลู่ฝานคืออสูรเข้าสิง รวมไปถึงเรื่องสุดท้ายที่เทียนชิงหยางและลู่ฝานได้ประกาศการต่อสู้ที่เดิมพันด้วยชีวิต ซึ่งเพียงเท่านี้ก็ทำให้ผู้คนที่ชอบสอดรู้สอดเห็น วิพากษ์วิจารณ์กันได้สามวันสามคืนแล้ว
โดยเฉพาะภาพเหตุการณ์ที่ลู่ฝานสังหารปีศาจต่อหน้าทุกคนนั้น มันช่างน่าตกใจเสียจริง
วันนี้ อันดับรายชื่อในประเทศได้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอีกครั้งแล้ว
ลู่ฝานอาศัยพลังความสามารถที่เก่งกาจล้ำเลิศ ขึ้นแท่นอันดับหนึ่งในการจัดอันดับรายชื่อของประเทศแล้ว!
นักกระบี่แห่งตงหวา ชื่อของลู่ฝาน ได้กลายเป็นคำที่ทุกคนพูดถึงกันมากที่สุด
ด้านหลังของชื่อนี้ ยังมีอีกหลายคน ที่ได้เพิ่มอักษรกี่คำเข้าไปอีก
นั่นก็คือ นักบู๊สังหารปีศาจ!
“ฉันจะพูดให้นายฟังว่า ครั้งนี้หากลู่ฝานไม่มีอสูรเข้าสิงแล้วล่ะก็ คงจะต้องต่อสู้กับเสอหลิงนั่นจนตายกันไปข้างหนึ่งเลย ไม่แน่ว่า เสอหลิงนั่นอาจจะเอาชนะและเป็นที่หนึ่งในการคัดเลือกครั้งนี้ก็ได้! หากคนที่ฝึกวิชาชั่วร้ายได้อันดับหนึ่ง สถานการณ์แบบนี้ เมื่อคิดก็รู้สึกว่าน่าอับอายเป็นอย่างมาก โดยการกระทำในครั้งนี้ของ คุณชายลู่ฝาน ช่างสมกับเป็นวีรบุรุษเสียจริง! ”
“นั่นสิ ได้ยินว่าผู้ฝึกชั่วร้ายนั่นเหมือนจะจับตัวคนในครอบครัวของลู่ฝานไว้เป็นตัวประกันด้วย พวกนายเองก็คงจะได้ยินผู้ฝึกชั่วร้ายนั่นพูดแล้วสินะ ตอนนั้นบนแท่นผู้ชม จะต้องมีผู้ฝึกชั่วร้ายที่กำลังควบคุมตัวคนในครอบครัวของลู่ฝานอยู่เป็นแน่ ไม่แน่อาจจะเป็นคนรักของคุณชายลู่ฝานก็เป็นได้ โดยถึงขั้นนี้แล้ว คุณชายลู่ฝานก็ยังไม่ยอมแพ้ และชักกระบี่ออกมาฟาดฟันปีศาจ ลำพังแค่ความกล้าหาญ ความเด็ดเดี่ยวนี้ ก็เพียงพอที่จะได้ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของประเทศอย่างเหมาะสมแล้ว! ”
“คุณชายลู่ฝาน ช่างมีท่วงท่าความเป็นนักบู๊เสียจริง! ”
……
การวิพากษ์วิจารณ์ลักษณะนี้ ในตรอกซอกซอย ต่างก็สามารถได้ยินกันทั้งหมด
ในทางตรงกันข้าม ก็คือการวิพาษณ์วิจารณ์ที่เกี่ยวกับเทียนชิงหยาง
“วันนี้เกรงว่าเทียนชิงหยางจะพบเห็นความแข็งแกร่งของลู่ฝาน ทำให้ตกใจหวาดกลัว จนจิตใจนักบู๊ไม่มั่นคงแล้ว ดังนั้นจำต้องใช้เวลาครึ่งเดือนในการฟื้นฟู”
“ฉันก็คิดแบบนั้นเช่นกัน การที่คุณชายเทียนชิงหยางต้องการพักฟื้นครึ่งเดือนนั้นก็เพราะ ข้อแรกเพื่อให้ลู่ฝานฟื้นฟูอาการบาดเจ็บ เพื่อหลีกเลี่ยงคนอื่นพูดว่าเขาเอาชนะได้อย่างไม่เป็นธรรม ข้อสอง ก็เพื่อปรับสภาพจิตใจของตนเอง ข้อสาม แหะแหะ ฉันได้ยินมาว่าแดนเพลงฟ้าของตระกูลเทียน ใช้เวลาครึ่งเดือนก็จะสามารถฝึกฝนได้สำเร็จพอดี ซึ่งไม่รู้ว่าจะเป็นความบังเอิญหรือไม่! ”
“อืมอืม ฉันเองก็คิดว่าแบบนี้เหมือนกัน”
……
เดิมที คนที่สนับสนุนให้เทียนชิงหยางครองอันดับหนึ่งของการคัดเลือกในครั้งนี้นั้น มีจำนวนมากกว่าลู่ฝานสิบเท่า ถึงขนาดหลายสิบเท่าเลยก็ว่าได้
แต่ในตอนนี้ ไม่มีใครที่จะกล้าพูดแบบนี้อีกแล้ว แม้แต่บ่อนพนัน ก็ได้ปรับอัตราการต่อรองของเทียนชิงหยางและลู่ฝานมาเท่ากันแล้ว
มีเถ้าแก่บ่อนพนันขนาดเล็กบางแห่งที่คิดว่า อัตราชนะของเทียนชิงหยางต่ำกว่าเล็กน้อย
ไม่มีเหตุใดอื่นใด แต่เป็นเพราะ การแสดงออกแต่ละอย่างของเทียนชิงหยางในวันนี้
ตระกูลเทียน
ทุกคนอยู่ในสภาพที่หงอยเหงาเศร้าซึมไปทั้งหมด
ตั้งแต่เริ่มต้นการคัดเลือก ตระกูลเทียนที่มีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม และยิ่งใหญ่เกรียงไกรนั้น วันนี้กลับกลายเป็นว่าอยู่ในสภาพที่อึดอัดกลัดกลุ้มใจ
ในห้องโถง ผู้อาวุโสตระกูลเทียนทั้งหมด และลูกศิษย์ที่ล้ำเลิศ ต่างก็มีสีหน้าที่เป็นกังวล
ตำแหน่งใจกลางห้องโถงนั้น เทียนชิงหยางถือกระบี่และคุกเข่าหลังตรง พร้อมกับเงยหน้ามองไปที่เจ้าบ้านตระกูลเทียน
“ชิงหยาง การกระทำของนายในวันนี้ ทำให้ฉันไม่พอใจ ไม่สุขใจเป็นอย่างมาก การกระทำของนาย ช่างไร้เดียงสา ไม่สมเหตุสมผล กระทำลงไปเพราะอารมณ์เท่านั้น”
เจ้าบ้านตระกูลเทียนสีหน้าหมองหม่น ขณะที่ดุด่าตำหนิเทียนชิงหยาง
เทียนชิงหยางกลับไม่ใส่ใจต่อคำอบรมสั่งสอน สายตาจับจ้องมองไปที่เจ้าบ้านตระกูลเทียน และพูดขึ้นว่า: “เจ้าบ้าน ฉันต้องการเข้าสู่แดนเพลงฟ้า! ”
เจ้าบ้านตระกูลเทียนตีไปที่เก้าอี้ไม้อย่างรุนแรง ลุกยืนขึ้นและพูดว่า: “เหลวไหล เวลานี้นายเข้าสู่แดนเพลงฟ้า หากว่าเกิดอาการบาดเจ็บแล้วจะทำอย่างไร? นายได้ประกาศการต่อสู้ที่เดิมพันด้วยชีวิตแล้ว เมื่อถึงตอนนั้นไปต่อสู้พร้อมกับร่างกายที่บาดเจ็บ ก็เท่ากับว่าส่งมอบชีวิตให้กับลู่ฝานแล้วไม่ใช่หรือ ตระกูลของเราได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจ ฝากความคาดหวังไว้ที่ตัวนายมากเท่าไร นายไม่รู้บ้างเลยเหรอ? ”