เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 1308
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1308
เจ้าบ้านตระกูลเทียนยิ้มและพูดว่า: “เรื่องนี้ไม่รู้จริง ๆ เชิญบอกมาหน่อย”
อู่จุนพูดขึ้นอย่างภาคภูมิใจว่า: “ฉันเป็นคนของโลกจู๋หลง เจ้าบ้านตระกูลเทียนเคยได้ยินคำว่าโลกจู๋หลงนี้ไหมล่ะ”
เจ้าบ้านตระกูลเทียนหัวเราะอย่างดีใจ และพูดว่า: “เคยได้ยินมาบ้าง คุณชายอู่คิดที่จะเชิญคนในตระกูล มาช่วยเหลืออย่างนั้นเหรอ? ”
อู่จุนพูดว่า: “ไม่ต้องเชิญหรอก พวกเขามาถึงเมืองหลวงกันตั้งนานแล้ว แต่ฉันกลับพ่ายแพ้ด้วยน้ำมือของลู่ฝาน ช่างอับอายขายหน้ายิ่งนัก หากว่าครั้งนี้สามารถชดเชยเอาความอับอายกลับคืนมาได้บ้าง ก็คงจะเป็นเรื่องที่ดีมากแน่นอน เพียงแต่ว่า……”
อู่จุนจงใจที่จะลากเสียงยาว
เจ้าบ้านตระกูลเทียนพลันพูดขึ้นว่า: “ต้องการความช่วยเหลือใช่ไหม? ไม่มีปัญหา ส่วนที่ฉันพูดว่าจะมีผลประโยชน์ให้นั้นมันแน่นอนอยู่แล้ว อีกสักครู่ ก็จะนำของขวัญเล็กน้อยมามอบให้ และหลังจากที่เสร็จงานแล้ว ก็จะมีของขวัญชิ้นใหญ่เลยทีเดียว! ”
อู่จุนกำหมัดแล้วลุกยืนขึ้นและพูดว่า: “งั้นก็ต้องขอบคุณเจ้าบ้านเทียนอย่างมากเลย ฉันจะกลับไปรายงาน คิดว่าเรื่องนี้จะต้องสำเร็จแน่นอน! ”
“แบบนี้ก็ดีมากเลย! ”
เจ้าบ้านตระกูลเทียนและผู้อาวุโสตระกูลเทียนทุกคนส่งอู่จุนกลับออกไปอย่างยิ้มแย้ม
ผ่านไปชั่วครู่ อู่จุนก็เดินออกไปจากประตูใหญ่ของตระกูลเทียน
ใบหน้าแฝงไปด้วยรอยยิ้ม ดวงตาเต็มไปด้วยความเคียดแค้น
“ลู่ฝาน ฮึฮึ! ”
……
ยามค่ำคืน ก็มาถึง
ลานบ้านตระกูลหลู่ ลู่ฝานนั่งอยู่ด้านข้างของหลู่เฉิงเซี่ยง ไม่ไกลออกไป หลิงเหยากำลังเข็นหลู่ยินที่มีใบหน้าขาวซีด เดินเล่นอยู่ในสวนดอกไม้ ไข่มุกเรืองแสงที่อยู่โดยรอบสะท้อนแสงยามค่ำคืนที่มืดมิดจนสว่างราวกับเป็นช่วงกลางวัน ภายใต้แสงสะท้อนของดวงดาว ก็ยิ่งเพิ่มความงดงามขึ้นอีกไม่น้อย ทั้งสองคนพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน เหมือนจะสนิทสนมกันอย่างมาก
“หลู่เฉิงเซี่ยง ต้องขอโทษด้วย ที่ช่วงก่อนหน้านี้ มีธุระยุ่งมาก จึงไม่ได้หาเวลาว่าง มาเยี่ยมเยียนท่าน จวบจนวันนี้ที่เพิ่งได้มา หวังว่าจะไม่ถือโทษเอาความ”
ลู่ฝานรินน้ำชาให้กับหลู่เฉิงเซี่ยง และพูดขึ้นอย่างเคารพ
หลู่เฉิงเซี่ยงยิ้มและพูดว่า: “มาได้ก็ดีแล้ว ลู่ฝานอ่า ครั้งก่อนที่ฉันสั่งคนให้สะกดรอยตามนายนั้น นายก็อย่าได้ถือสาเลยนะ ฉันรู้ว่า นายกับหญิงสาวที่ชื่ออู่คงหลิงนั้น มีสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก แต่ฉันก็จะเตือนนายเอาไว้บ้างว่า หล่อนเป็นคนที่ฝึกวิชาชั่วร้าย ไม่ใช่คนที่เดินเส้นทางสายเดียวกันกับนาย ถอยห่างออกมาให้มากยิ่งจะดีที่สุด”
ลู่ฝานยิ้มและพูดว่า: “ฉันเข้าใจแล้ว”
หลู่เฉิงเซี่ยงพยักหน้าและพูดว่า: “เข้าใจก็ดีแล้ว นายเป็นเด็กหนุ่มที่ฉลาด มีบางคำพูด ที่ฉันสามารถพูดโดยตรงกับนายได้ โดยที่ไม่ต้องปิดบัง ฉันเองก็รู้ว่า คืนนี้ที่นายมานั้น ไม่เพียงแต่จะมาเยี่ยมหลู่ยินเท่านั้น ที่สำคัญเกรงว่าจะมาที่นี่เพื่อตรวจดูว่า มีข่าวคราวเกี่ยวกับอู่คงหลิงบ้างใช่ไหมล่ะ นายรู้ดีว่า ในคืนนี้ฉันจะกำจัดพวกผู้ฝึกชั่วร้ายเหล่านั้นให้หมดไปอย่างราบคาบ! ”
ลู่ฝานส่ายศีรษะพร้อมกับยิ้มอย่างขมขื่นและพูดขึ้นว่า: “หลู่เฉิงเซี่ยงอ่า ความคิดความอ่านเล็กน้อยของฉันนี้ ก็ยังปิดบังสายตาของท่านไม่ได้จริง ๆ เลย อย่างนั้นท่านสามารถที่จะเปิดเผยข่าวคราวให้ฉันรับทราบบ้างได้ไหมล่ะ? ”
หลู่เฉิงเซี่ยงยิ้มแล้วมองไปที่ลู่ฝาน เวลานี้ลูกหลานตระกูลหลู่คนหนึ่งได้วิ่งเข้ามาหา พร้อมกับนำกระดาษแผ่นหนึ่งมอบให้ที่มือของหลู่เฉิงเซี่ยงอย่างเคารพ
หลู่เฉิงเซี่ยงรับกระดาษแผ่นนั้นมาแล้ว ก็กวาดตาอ่าน จากนั้นก็ยิ้มและพูดว่า: “ไม่ธรรมดาอ่า ไม่ธรรมดา ลู่ฝานอ่า เพื่อนรักของนายคนนี้เป็นบุคคลที่ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว! ”
ลู่ฝานถามขึ้นว่า: “อะไรที่ไม่ธรรมดาอย่างนั้นเหรอ? ”
หลู่เฉิงเซี่ยงพูดว่า: “ผู้ฝึกชั่วร้ายที่แอบซ่อนตัวอยู่ในเมือง เกือบแปดสิบเปอร์เซ็นต์ ถูกจับกุมตัว และสังหารลงหมดแล้ว เหลือเพียงสำนักหัวใจปีศาจ และกลุ่มพวกอู่คงหลิง ที่ไม่นึกว่าจะเดินทางหลบหนีออกไปจากเมืองหลวงก่อนหน้านี้แล้ว นายว่าไม่ธรรมดาไหมล่ะ! ”
ทันใดนั้นลู่ฝานก็ถอนหายใจยาว โดยที่ไม่พูดไม่จาแล้ว
หลู่เฉิงเซี่ยงเก็บกระดาษนั้นขึ้น และไม่เอ่ยถึงเรื่องนี้อีก
หลู่เฉิงเซี่ยงเงยหน้าขึ้นมองไปที่ท้องฟ้า และค่อย ๆ พูดว่า: “ลู่ฝาน จากนี้ไปก็จะเป็นการต่อสู้ที่เดิมพันกันด้วยชีวิตระหว่างนายกับเทียนชิงหยางแล้ว ฉันมีคำพูดหนึ่ง ที่อยากจะพูดกับนาย”
ลู่ฝานไม่รอให้หลู่เฉิงเซี่ยงพูดอธิบาย ก็พูดขึ้นมาว่า: “วางใจเถอะ ฉันจะไม่สังหารเทียนชิงหยางลงในที่แห่งนั้นแน่นอน ชีวิตของเขา ฉันได้ตกลงเอาไว้ว่าจะเหลือไว้ให้กับอีกคนหนึ่ง”
หลู่เฉิงเซี่ยงพยักหน้า แล้วก็ชี้ไปยังดวงจันทร์ที่ส่องสว่างบนท้องฟ้าและพูดว่า: “นายดูสิว่า ดวงจันทร์ในคืนนี้ สว่างมากใช่ไหมล่ะ”
ลู่ฝานยิ้มและพูดว่า: “จริงด้วย”
หลู่เฉิงเซี่ยงเองก็หัวเราะขึ้น และพูดว่า: “ก็เป็นเพราะ ไม่มีเมฆดำไงล่ะ! ”
ทั้งสองคนสบตากัน ด้วยใบหน้าอันยิ้มแย้ม