เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 131
“นี่มันอะไรกัน”
ลู่ฝานพูดอย่างตกใจ
หนึ่งเดียวหัวเราะแล้วพูดว่า “พลังวิญญาณระดับแรกเริ่มก็เป็นแบบนี้แหละ ถ้านายสามารถฝึกพลังวิญญาณจนถึงชั้น5 ขึ้นไป จะเป็นเหมือนฉัน ใช้พลังวิญญาณก่อตัวเป็นรูปร่างคนได้”
ลู่ฝานพูดว่า “แต่ทำไมฉันถึงมีรูปร่างแบบนี้ล่ะ ฉันจำไม่ได้เลย”
หนึ่งเดียวพูดว่า “จำไม่ได้จริงเหรอ พลังปราณแปรเปลี่ยนเป็นพลังวิญญาณ มีความลำบากนับร้อยนับพัน ผ่านการนองเลือด ผ่านความเป็นตาย พลังกลายเป็นปราณ พลุ่งพล่านไปสวรรค์”
ลู่ฝานครุ่นคิดอย่างละเอียด จากนั้นพึมพำว่า “การนองเลือด ความเป็นความตายงั้นเหรอ ฉันก็เกือบโดนคนฆ่าตายแล้ว”
หนึ่งเดียวพูดว่า “นี่ถูกต้องแล้ว อยู่ในช่วงใกล้ตาย จะฝึกพลังวิญญาณได้ง่ายที่สุด ตอนนั้นฉันวนเวียนอยู่เป็นร้อยครั้ง สร้างพลังวิญญาณออกมา แต่น่าเสียดาย แม้พลังวิญญาณจะแข็งแกร่ง แต่ไม่สามารถทะลุพ้นการพันธนาการของฟ้าดินได้ บางทีอาจมีแค่การเอาพลังปราณกับพลังชี่มาผสานกัน จึงจะสร้างพลังที่สามารถหลุดพ้นทุกสิ่งได้ แต่ฉันกลัวว่าจะทำไม่ได้แล้ว ผู้สืบทอดของฉัน ถ้าวันหนึ่งนายสามารถฝึกพลังวิญญาณถึงขั้นสูงสุดได้ นายลองเอาพลังชี่ผสานกับพลังวิญญาณ ความปรารถนาที่ฉันทำไม่สำเร็จ หวังว่านายจะทำสำเร็จสักวันหนึ่ง”
ในน้ำเสียงของหนึ่งเดียว เต็มไปด้วยความเสียใจ
ลู่ฝานอึ้งไปเล็กน้อย เอาพลังปราณผสานกับพลังชี่งั้นเหรอ นี่เป็นปราณชี่ของเขาไม่ใช่เหรอ
อย่าบอกนะว่าในตัวของเขามีปราณชี่นี้อยู่ ดังนั้นเขาจึงสามารถตกอยู่ในช่วงใกล้ตายได้อีกครั้ง เพื่อฝึกพลังวิญญาณออกมา
หนึ่งเดียวไม่ได้ให้เวลาลู่ฝานคิดนาน ต่อมา เสียงของหนึ่งเดียวดังขึ้น
“รับการถ่ายทอดอย่างสมบูรณ์ของฉันไปซะ”
ลำแสงดวงหนึ่งส่องมา ลู่ฝานรู้สึกว่าวิญญาณของตัวเองใกล้จะแตกสลาย
ต่อมา ข้อมูลนับไม่ถ้วน รูปภาพเหมือนชิ้นส่วนทะลักเข้ามาในหัวของลู่ฝาน
ทั้งพื้นที่หนึ่งเดียวเริ่มพลังทลาย พลังวิญญาณที่เป็นของลู่ฝาน แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
สติค่อยๆ หายไป ลู่ฝานจมลึกเข้าไปในการหลับใหล
ในความฝันของเขา ผู้อาวุโสชุดขาวราวกับหิมะ ดูมีความเป็นเซียน กำลังสู้กับปีศาจ สัตว์อสูร ที่น่ากลัวนับไม่ถ้วน
ทุกครั้งที่ผู้อาวุโสลงมือ จะมีพลานุภาพน่ากลัว ฟ้าดินกำลังถล่มทลาย เทือกเขาสูงถูกทำลาย สายน้ำไหลวน น้ำพุ่งขึ้นไปบนฟ้า
พลังวิญญาณที่ปกคลุมบนฝ่ามือผู้อาวุโส แข็งแกร่ง มีพลานุภาพ เหมือนแสงทำลายล้าง
ลู่ฝานเหมือนคนที่กำลังยืนมองทุกอย่างเงียบๆ รับรู้ถึงการต่อสู้ของพลังวิญญาณที่รุนแรง สัมผัสกับการใช้พลังวิญญาณ
ปราณชี่ในร่างกายเคลื่อนไหวอัตโนมัติ พลังวิญญาณสายหนึ่งที่ลู่ฝานฝึกออกมา เริ่มเข้ามาในตัวลู่ฝาน
ปราณชี่ในตัวเขาเหมือนน้ำมันสาดเข้าไปในเปลวไฟ เริ่มเคลื่อนไหวอย่างบ้าคลั่ง
เดิมทีปราณชี่ที่สีใสกลายเป็นห้าสี นี่เป็นสีพลังชี่ของผู้ฝึกชี่ เป็นตัวแทนของเบญจธาตุฟ้าดิน
ต่อมา สีขาวในพลังปราณเริ่มปรากฏขึ้นมาเช่นกัน แสงทั้งหกสีสว่างขึ้น และเคลื่อนไหววนไปมา
เมื่อหมุนวนถึงจุดที่เหมาะสม แสงสีดำแสงหนึ่งปรากฏขึ้นมา
สีดำขลับเหมือนวิญญาณคน
เมื่อสีดำปรากฏออกมา พลังปราณก็เริ่มหมุนช้าลง
เบญจธาตุที่เป็นตัวแทนพลังชี่ กลายเป็นค่ายกลเบญจธาตุขนาดเล็ก เข้าไปในจุดตันเถียนของลู่ฝาน
ส่วนสีดำและสีขาวเริ่มซ้อนทับกัน พุ่งขึ้นไปด้านบนช้าๆ จนมาถึงในหัวสมองของลู่ฝาน จึงค่อยๆ หยุดลง
สีดำและสีขาวรวมตัวกันเป็นค่ายกลหยินหยาง มีแสงสีขาวดำแผ่ซ่านออกมา
ค่ายกลเบญจธาตุในจุดตันเถียนกับค่ายกลหยินหยางในหัวสมอง แยกแยะกันอย่างชัดเจน แต่จากการหมุนของมัน ล้วนเริ่มเกิดพลังสีใสออกมา
พลังกลายเป็นหยดน้ำ ผสานกับเส้นชีพจร
พลังไร้ขีดจำกัดแฝงอยู่ในหยดน้ำสีใส ราวกับว่าถ้ามีใครแหวกเส้นชีพจรของลู่ฝานได้ แล้วมองหยดน้ำนี้อย่างละเอียด จะเห็นแสงเจ็ดสีแสบตาที่อยู่ในหยดน้ำ
ลู่ฝานกำลังหลับใหล ไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกายตัวเอง กลิ่นไอที่แข็งแกร่ง มีพลานุภาพมากมาย ปรากฏขึ้นบนตัวลู่ฝาน
ทันใดนั้น ยอดฝีมือทั้งสถาบันสอนวิชาบู๊ล้วนได้รับรู้ถึงกลิ่นไอนี้
วินาทีนั้น ยอดฝีมือทั้งหมดเงยหน้ามองบนฟ้าไกล
พวกเขาไม่รู้ว่าพลังนี้มาจากที่ไหน แต่พวกเขารู้ว่า คนที่มีพลังนี้ น่ากลัวอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ในโถงหลักของสถาบันสอนวิชาบู๊ ท่านผอ.เหาะขึ้นไปช้าๆ
“พลังอันน่ากลัว อาวุธวิเศษปรากฏออกมา หรือมีใครก้าวหน้าถึงแดนหยินหยางกันแน่”
ท่านผอ.ขมวดคิ้ว ครุ่นคิดอย่างละเอียด จากนั้นพึมพำว่า “ไม่ใช่ นักบู๊แดนหยินหยางไม่มีกลิ่นไอเช่นนี้ นี่มันคืออะไรกันแน่”
อาจารย์อี้ชิงที่กำลังเหาะอยู่บนท้องฟ้า หยุดลงทันที
“พลังอันน่ากลัว ช่วงนี้สถาบันสอนวิชาบู๊ เกิดอะไรขึ้นกันแน่ อย่าบอกนะว่ามียอดฝีมือคิดจะเล่นงานสถาบันสอนวิชาบู๊ ไม่ได้การแล้ว ต้องไปหาท่านผอ.ที่โถงหลักก่อน”
อาจารย์อี้ชิงเหาะอย่างรวดเร็ว ตัวหายไปบนฟ้าทันที
ในคณะหนึ่งเดียว อาจารย์เต้ากวง เข้าไปในห้องลู่ฝาน
อาจารย์เต้ากวงมองไปรอบๆ ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “น่าแปลก พลังอันแข็งแกร่งมาจากไหนกัน”
อาจารย์เต้ากวงมองลู่ฝานอย่างจริงจัง เห็นว่าบาดแผลบนตัวลู่ฝาน สมานกันเกือบครึ่งแล้ว