เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 1311
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1311
เช้าวันรุ่งขึ้น ดวงอาทิตย์ส่องแสงอันอบอุ่น สายลมโบกพัดอย่างอ่อนโยน
ลู่ฝานกับหลิงเหยาเดินอยู่บนถนน บนไหล่คือเจ้าดำ ด้านหลังคือสิบสาม ฮัมเพลง เดินเล่น กันอย่างสบายใจ
สำหรับเทียนชิงหยางแล้ว เวลาครึ่งเดือนนี้ คือช่วงสุดท้ายที่ต้องเร่งฝึกฝนอย่างหนัก แต่สำหรับลู่ฝานนั้น ครึ่งเดือนนี้ ก็คือเวลาพักผ่อน
วันนี้ ผู้ฝึกชั่วร้ายถูกกำจัดจนหมดไปแล้ว ได้ยินว่าเมื่อคืนที่ผ่านมาไท่จื่อ ถูกฝ่าบาทเรียกไปพบ และตำหนิสั่งสอนอย่างเข้มงวด สุดท้ายก็ถูกกักขังบริเวณอีกครั้ง
สถานที่ถูกกังขังในครั้งนี้ ไม่ใช่เขาวิถีบู๊ แต่เป็นตำหนักกตัญญู โดยให้ไท่จื่อ ไปเฝ้าป้ายวิญญาณของบรรพบุรุษทั้งวันทั้งคืน ดูเหมือนว่าฝ่าบาทจะโมโหมากจริง ๆ โดยลงโทษกันอย่างหนักเลยทีเดียว
เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ยิ่งจะไม่มีใครมาสร้างความยุ่งยากกับลู่ฝานแล้ว
อย่างน้อยลู่ฝานเองก็คาดคิดไม่ถึงว่า ยังจะมีใครมาจัดการเขาอีก!
บนถนนตรอกซอกซอย เสียงดังวุ่นวายไปหมด
มีลู่ฝานอยู่ข้างกาย เมื่อหลิงเหยาเห็นสิ่งของที่น่าสนใจ ก็อยากจะซื้อ จึงนำพาลู่ฝานเดินวนเวียนไปโดยรอบ
ลู่ฝานเองก็ดีใจ เพราะการที่ได้อยู่กับหลิงเหยาตามลำพังนั้นเป็นสิ่งที่ยากมาก ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีเลิศอย่างที่สุดเลย
สำหรับเรื่องการใช้จ่ายเงินนั้น เหอะเหอะ มันไม่ใช่ปัญหาอยู่แล้ว
นับตั้งแต่การคัดเลือกเริ่มต้นจนถึงตอนนี้ คนที่มอบของขวัญให้กับเขานั้น มากมายนับไม่ถ้วน
แค่พวกของขวัญเหล่านั้น ก็เพียงพอให้ลู่ฝานไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องที่เกี่ยวกับเงินทองอีกแล้ว อีกอย่าง หลิงเหยาเองก็ไม่ใช่คนที่ใช้จ่ายเงินอย่างฟุ้งเฟ้อ
สิ่งที่เธอชื่นชอบมากที่สุด ก็คือซื้อพวกของเบ็ดเตล็ด อีกทั้งก่อนจะซื้อก็ต้องมีการต่อราคา โดยต่อราคาอย่างหนักหน่วงทีเดียว จนเถ้าแก่ร้องโวยวาย ทำให้ลู่ฝานได้รู้ได้เห็นว่า นี่ก็เป็นความสุขอย่างหนึ่งเหมือนกัน
“ลู่ฝาน เคล็ดวิชาบู๊สรรพสิ่งไร้รูปร่างของนายนี้ ไม่เลวทีเดียวนะ คนมากมายขนาดนี้ ไม่นึกว่าจะไม่มีใคร ที่สามารถจดจำนักกระบี่แห่งตงหวา คุณชายลู่ฝานได้เลย! ”
หลิงเหยาคล้องแขนของลู่ฝาน และพูดขึ้นอย่างยิ้มแย้ม
ลู่ฝานยิ้มและพูดขึ้นว่า: “อยากเรียนไหม? ฉันสอนเธอได้นะ”
หลิงเหยาพูดว่า: “อยากเรียนแน่นอน เมื่อกลับไปแล้วนายก็สอนฉันแล้วกัน”
ลู่ฝานพยักหน้าอย่างยิ้มแย้ม
ขณะที่กำลังพูดคุยกันอย่างสุขใจ ทันใดนั้น สิบสามก็พุ่งตัวขึ้นมาด้านหน้า และกระซิบว่า: “เจ้านาย! ”
ลู่ฝานสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย และมองไปที่สายตาอันแปลกประหลาดของสิบสาม ก็รับรู้ได้ว่าตนเองทั้งสามคนเกรงว่าจะถูกคนจ้องเล่นงานแล้ว
ลู่ฝานกระซิบถามว่า: “คือใคร อยู่ที่ไหน? ”
สิบสามถอยหลังลงมากี่ก้าว ร่างกายเอนเอียงไปทางซ้ายมือเล็กน้อย แกล้งทำเป็นมองอย่างไม่ตั้งใจ
ลู่ฝานรับรู้ได้ทันทีแล้วก็จูงหลิงเหยาเดินต่อไปข้างหน้า โดยเดินอย่างปกติจนมาถึงแผงลอยร้านหนึ่ง และทำเป็นสอบถามเล็กน้อย
เวลานี้จึงค่อย ๆ แอบมองไปทางด้านหลัง เป็นไปตามนั้น ด้านหลังทางซ้ายมือของพวกเขา มีเงาร่างที่น่าสงสัยอยู่ ซึ่งส่งสายตามองผ่านข้างกายพวกเขาไปมาไม่หยุด
ลู่ฝานกระซิบพูดกับหลิงเหยาว่า: “ดูเหมือนว่า ยังมีคนที่คิดจะกำจัดฉันอยู่อีก หลิงเหยา เธอกลัวไหม”
หลิงเหยาเหลือบตาขาวใส่และพูดว่า: “หลายครั้งก่อนหน้านี้ก็ผ่านพ้นมาได้แล้ว ยังจะต้องกลัวครั้งนี้ด้วยเหรอ ตกลงเป็นใครกัน ลู่ฝาน นายไปล่วงเกินใครมาแล้วกี่คนกันแน่”
ลู่ฝานลูบไปที่จมูก และพูดว่า: “ฉันก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่าเป็นใคร ช่างเถอะ ไม่สนว่าเขาเป็นใคร ไป พวกเราไปสถานที่แห่งหนึ่ง รับรองว่าพวกเขามาแล้วจะต้องจบเห่เป็นแน่! ”
ลู่ฝานหันหน้า ไปพูดกับสิบสามว่า: “สิบสามอ่า นายเดินตามมาใกล้ ๆ หน่อย”
สิบสามพยักหน้าอย่างเข้าใจ ขณะที่พูด ลู่ฝานก็พาหลิงเหยาเดินตรงไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว โดยทั้งสองคนยังคงพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
ด้านหลังไม่ไกลออกไป เงาร่างของกี่คนนั้น ก็มองไปที่ลู่ฝานและหลิงเหยาจากระยะไกล
พวกเขาใส่ชุดคลุมยาว และปกปิดใบหน้าเอาไว้อย่างมิดชิด
แม้ว่าการแต่งกายแบบนี้ จะมีอยู่ไม่น้อยในเมืองหลวง แต่เงาร่างที่หลบ ๆ ซ่อน ๆ ของพวกเขา ก็ยังถูกสิบสามมองทะลุได้อย่างชัดเจน
แต่กี่คนนี้ ชัดเจนว่ายังไม่ทันสังเกตเห็นว่าลู่ฝานกับสิบสามนั้นรู้ตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว