เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 132
อาจารย์เต้ากวงหัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “ความสามารถในการฟื้นฟูเหมือนกับสัตว์อสูร ไม่เสียแรงที่ฉันให้นายกินยาวิเศษ ลู่ฝาน ถ้านายฟื้นขึ้นมา ฉันจะถ่ายทอดเคล็ดวิชาบู๊ ที่เก่งกาจแท้จริงให้นาย ถึงตอนนั้นนายก็อย่าโทษอาจารย์แล้ว”
เหมือนลู่ฝานได้ยินคำพูดของอาจารย์เต้ากวง เขาขยับคิ้วเบาๆ
อาจารย์เต้ากวงพูดเสียงดังขึ้นเล็กน้อย “นายได้ยินเหรอ ฮ่าๆ ได้ยินก็ดี อยากเรียนเคล็ดวิชาบู๊ล้ำลึก ก็รีบฟื้นขึ้นมา”
ลู่ฝานขยับคิ้วอีกครั้ง
อาจารย์เต้ากวงเดินเข้ามา ใส่พลังปราณเข้าไปในตัวลู่ฝาน ช่วยให้ลู่ฝานรักษาอาการบาดเจ็บเร็วขึ้น จากนั้นเดินเอามือไพล่หลัง ออกไปข้างนอก
เจ้าดำเงยหน้ามองเต้ากวงตลอดเวลา มีเพียงเจ้าดำที่รู้ว่ากลิ่นไอแข็งแกร่งเมื่อครู่มาจากที่ไหน
เจ้าดำแยกเขี้ยวใส่หลังอาจารย์เต้ากวง จากนั้นหันมามองลู่ฝาน แล้วกลอกตาไปมา
จากนั้น เจ้าดำคำรามออกมาเบาๆ กลายเป็นลำแสงเข้าไปตัวลู่ฝาน กลายเป็นมังกรดำ ที่แขนลู่ฝาน แล้วเลื้อยไปทั่วทุกที่
พลังปราณ ในตัวลู่ฝาน เริ่มไหลไปที่แขนขวาของเขา อย่างไม่สามารถควบคุมได้
มังกรดำเคลื่อนไหวอยู่ในเส้นปราณชี่ ได้รับความชุ่มชื้นจากปราณของลู่ฝาน ลำตัวยาวขึ้นอย่างรวดเร็ว
เหมือนมีเสียงคำรามอย่างสดชื่น ดังขึ้นมาจากในแขนของลู่ฝาน
……
หลังผ่านไปสามวัน มีเสียงเอะอะดังขึ้นข้างหู ลู่ฝานลืมตาขึ้นช้าๆ
เหมือนเขานอนไปหมื่นปี มีแสงสว่างส่องออกมาจากดวงตาทั้งสองข้าง ทะลุไปในอากาศ
เหมือนโลกตรงหน้าไม่เหมือนเดิม ฟ้าดินกำลังสั่นไหว เหมือนม้วนภาพวาด ราวกับว่าแค่ลู่ฝานยื่นมือไปทิ่มเบาๆ โลกที่เหมือนม้วนภาพวาด ก็จะโดนทิ่มจนเป็นรู
ฟู่ว……
ลู่ฝานพรูลมหายใจออกมา จากนั้นค่อยๆ ลุกขึ้น
เจ้าดำนอนหมอบอยู่ข้างเตียง กระบี่หนักไร้คมของเขาวางอยู่หน้าประตู ลู่ฝานมองเจ้าดำ แล้วขมวดคิ้ว นี่เขาสลบไปนานมากเลยเหรอ ทำไมดูเหมือนเจ้าดำตัวโตขึ้นแล้วเนื้อกลมๆ สองก้อนที่นูนอยู่บนหัวมันคืออะไร
ลู่ฝานลูบหัวใหญ่ๆ ของเจ้าดำ เจ้าดำแลบลิ้นมาออกมาเลียอย่างบ้าคลั่ง เลียจนใบหน้าลู่ฝาน เต็มไปด้วยน้ำลาย
ลู่ฝานดันเจ้าดำออก จัดแจงเสื้อผ้า แล้วเดินออกไปข้างนอก
แสงแดดด้านนอกแยงตา ทำให้ลู่ฝานหรี่ตาลงเบาๆ
“ฮ่าๆ ศิษย์น้องลู่ฝาน ในที่สุดนายก็ฟื้นแล้ว นายนอนเหมือนหมูตายไปตั้งสามวัน!”
เสียงเหมือนเป็ดของศิษย์พี่หานเฟิงดังขึ้นมา ลู่ฝานหันไปมอง เห็นศิษย์พี่ของตัวเองอยู่ในลานบ้าน เสื้อผ้าเรียบร้อย หน้ามันแวววาว
อาจารย์อี้ชิง อาจารย์เต้ากวง ก็สวมชุดใหม่ นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างๆ
อาจารย์อี้ชิงมองลู่ฝาน ยิ้มแล้วพูดว่า “ลู่ฝาน นายเพิ่งหายจากอาการบาดเจ็บสาหัส มานั่งนี่สิ”
ลู่ฝานไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น จึงถามว่า “อาจารย์ ผมหลับไปนานแค่ไหน”
อาจารย์อี้ชิงยิ้มแล้วพูดว่า “สามวันเอง ไม่นับว่านาน ดูจากอาการบาดเจ็บของนายในวันนั้น นายจะหลับไปอีกสามสิบวันก็ยังได้ ลู่ฝาน นายต้องขอบคุณอาจารย์เต้ากวง เขาให้ยาวิเศษที่ช่วยชีวิตนาย”
ลู่ฝานหันไปมองอาจารย์เต้ากวง ด้วยสีหน้าแปลกประหลาด เขานึกออกแล้ว ว่าตัวเองบาดเจ็บได้ยังไง
อาจารย์เต้ากวงสีหน้ากระอักกระอ่วน “ไม่ต้องขอบคุณหรอก ลู่ฝานมานั่งสิ นายฟื้นขึ้นมาพอดีเลย วันนี้เป็นวันที่คณะหนึ่งเดียวของเรารับคำท้าประลอง”
พูดจบ อาจารย์เต้ากวง ทำปากพูดกับลู่ฝานว่า “ลู่ฝาน เรื่องที่ไม่ได้ตั้งใจทำร้ายนาย ไม่ต้องพูดแล้ว เดี๋ยวฉันจะถ่ายทอดเคล็ดวิชาบู๊ระดับดินให้นายสองสามชุด เรื่องนี้เอาแบบนี้แล้วกัน”
ลู่ฝานกะพริบตาสองสามครั้ง เคล็ดวิชาบู๊ระดับดินสองสามชุดงั้นเหรอ ฟังดูดึงดูดใจมาก
ลู่ฝานแอบพยักหน้า จากนั้นนั่งลงข้างอาจารย์เต้ากวง อาจารย์เต้ากวงเห็นลู่ฝานตกลง จึงโล่งอก เขารักษาหน้าเอาไว้ได้แล้ว
ลู่ฝานขมวดคิ้วพูดว่า “รับคำท้าประลองของใครเหรอครับ”
ศิษย์พี่หานเฟิงพูดเสียงดังว่า “ก็รับคำท้าของไอ้พวกเลวคณะอื่นน่ะสิ คนพวกนี้มาในเวลานี้ทุกปี บอกว่าจะมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน แต่อันที่จริง มาฝึกฝีมือกับเรา ศิษย์น้องลู่ฝาน นายรอดูดีๆ เลย ปีนี้ฉันต้องทำให้ไอ้เลวพวกนี้อับอายขายหน้า เหมือนว่าพวกเขาใกล้มาแล้ว”
ลู่ฝานยังไม่เข้าใจนิดหน่อย ขณะนั้น ศิษย์พี่ใหญ่อู๋เหวยเลื่อนเก้าอี้ตัวใหญ่มานั่ง ยิ้มแล้วมองลู่ฝาน “ลู่ฝาน นายเพิ่งมาคณะหนึ่งเดียวปีนี้ เลยไม่รู้เรื่องการสู้จัดอันดับในสถาบันใช่ไหม”
ลู่ฝานพูดว่า “เรื่องนี้ผมรู้ครับ การต่อสู้จัดอันดับในสถาบัน เริ่มวันนี้เหรอครับ”
ศิษย์พี่ใหญ่ลูบท้อง แล้วพูดว่า “ไม่ใช่ กว่าการสู้จัดอันดับในสถาบันจะเริ่มขึ้น ยังมีเวลาอีกสองเดือน แค่วันนี้พวกที่จะเข้าร่วมการต่อสู้จัดอันดับในสถาบัน มาฝึกฝีมือกับเราเท่านั้น”
ลู่ฝานพูดว่า “ฝึกฝีมือเหรอครับ ยังไงเหรอ”
ศิษย์พี่ใหญ่พูดว่า “กฎการต่อสู้จัดอันดับในสถาบันคือ คณะอันดับต่ำ สามารถท้าประลองคณะอันดับสูงได้ แต่ละคณะส่งคนมาประลองห้าคน ชนะสองในสาม คณะหนึ่งเดียวของเรา อยู่ในลำดับท้ายสุด เดิมที ต้องมีเพียงเราที่ไปท้าประลองเขา เขาไม่สามารถท้าประลองเราได้ แต่คนคณะอื่น ล้วนมาฝึกฝีมือกับคณะหนึ่งเดียว บ้างก็เพื่อที่จะแสดงพลานุภาพ บ้างก็เพื่อที่จะอุ่นเครื่อง พวกเขาไม่มาตอนต่อสู้จัดอันดับของสถาบัน ล้วนมาก่อนล่วงหน้า สู้เสร็จก็ไป ชนะก็สมควร ถ้าแพ้อันดับก็ไม่ตก”
ลู่ฝานยิ้มแล้วพูดว่า “ดังนั้นคณะหนึ่งเดียวของเรา จึงกลายเป็นหินให้พวกเขาฝึกฝีมือเหรอครับ”
ศิษย์พี่ใหญ่พูดว่า “แม้ดูไม่น่าฟัง แต่มันคือเรื่องจริง อ้อ นายดูสิ พวกเขามาแล้ว”
พูดพลาง เงาคนเหาะมาบนท้องฟ้า ทุกคนในคณะหนึ่งเดียว หรี่ตาลง