เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 1322
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1322
“นั่งลงสิ”
ลู่ฝานพูดกับหลินหย่า วันนี้หลินหย่าเองก็แต่งตัวอย่างไม่ธรรมดา คิดไม่ถึงว่าจะแต่งตัวในชุดของผู้หญิง
หลังจากที่สวมชุดและตกแต่งสภาพภายนอกแล้ว หลินหย่าที่มีรูปร่างลักษณะคล้ายกับผู้ชายนั้น ก็ถือว่ายังคงมีความเป็นผู้หญิงอยู่ไม่น้อย จนลู่ฝานมองดูแล้วผิดแปลกยังไงชอบกล
หลินหย่าเองก็ไม่ได้เกรงใจ นั่งลงทันที และพูดขึ้นอย่างตรงไปตรงมาว่า: “ลู่ฝาน ตอนนี้วิทยายุทธของนายคือแดนปราณดินชั้นที่เท่าไรแล้ว? ชั้นเจ็ดหรือชั้นแปด หรือว่าเข้าสู่ปราณดินชั้นสุดยอดแล้ว? ”
ลู่ฝานยิ้มและพูดว่า: “เรื่องนี้สำคัญด้วยเหรอ? รอเมื่อถึงเวลาที่ฉันต่อสู้กับเทียนชิงหยาง เธอเองก็จะได้เห็นแล้ว ใช่แล้ว ตอนนี้ฉันควรที่จะเรียกเธอว่าคุณฉู่หลิง หรือให้เรียกว่าหลินหย่าต่อไปล่ะ”
หลินหย่าขมวดคิ้วขึ้นและพูดว่า: “นายเรียกฉันว่าหลินหย่าก็แล้วกัน ชื่อฉู่หลิงนี้ ฉันไม่ได้ใช้มาตั้งนานแล้ว”
ลู่ฝานพยักหน้าและพูดว่า: “ตกลง แล้วที่คุณหลินหย่า มาหาฉันมีธุระอะไรเหรอ? ”
หลินหย่ากัดฟัน และเงียบลงไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยื่นฝ่ามือออกมาให้กับลู่ฝานและพูดว่า: “ครั้งก่อนที่นายเขียนอักษรตัวหนึ่งให้ฉันนั้น ฉันยังคงไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ ฉันรู้ว่า นี่จะต้องเป็นวิชาที่เก่งกาจอย่างแน่นอน และมีประโยชน์กับฉันอย่างมาก แต่ฉันกลับมองไม่ออกจริง ๆ วันนี้ต้องการให้นาย เขียนให้ฉันอีกสักหนึ่งอักษร”
ลู่ฝานยิ้มและพูดว่า: “เรื่องเล็กน้อย”
ขณะที่พูด ลู่ฝานก็เขียนอักษรคำว่า “หนึ่ง” ไปบนฝ่ามือของหลินหย่า
หลินหย่าจ้องมองไปที่ลู่ฝานและพูดว่า: “นายล้อเล่นกับฉันใช่ไหม? ทำไมถึงเป็นอักษรคำว่าหนึ่งอีกแล้วล่ะ แบบนี้นายเขียนคำว่าสองไปเลยดีกว่าไหม”
ลู่ฝานพูดว่า: “วิชานี้ ก็คือการมองอักษรตัวนี้ให้เข้าใจถ่องแท้ เธออย่าถามฉันเลย ในตอนนั้นฉันเองก็มองอักษรตัวนี้จนเข้าใจถ่องแท้ จึงฝึกวิชาจนสำเร็จได้ ดังนั้นฉันจึงเขียนเป็นแต่อักษรตัวนี้ ถ้าเธอไม่เชื่อ ก็สามารถไปสอบถามพวกศิษย์พี่ฉู่สิงดูก็ได้ พวกเขาเองก็ต่างฝึกฝนผ่านอักษรคำว่าหนึ่งนี้เช่นกัน”
หลินหย่าเหลือบตาขาวใส่อย่างหนัก และพูดว่า: “ฉันรู้แล้วว่า นายกำลังกลั่นแกล้งที่ฉันเป็นคนโง่เขลา จงใจที่จะใช้วิชานี้มาหลอกล่อฉัน นายไม่สามารถอธิบายให้ฉันฟังสักหน่อยเหรอว่า ตกลงต้องฝึกฝนอย่างไรกันแน่”
ลู่ฝานครุ่นคิดชั่วครู่ และพูดว่า: “ฉันเองก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไรดี แบบนี้แล้วกัน เธอมาดูผลลัพธ์ของการฝึกฝนของฉัน บางทีอาจจะเป็นประโยชน์กับเธอบ้าง”
เมื่อพูดแบบนี้แล้ว ลู่ฝานก็แตะไปที่ฝ่ามือของหลินหย่า แล้วก็แปรเปลี่ยนปราณชี่ของตนให้กลายเป็นพลังวิญญาณส่วนหนึ่ง เพื่อเข้าสู่ในร่างกายของหลินหย่า
หลินหย่ารับรู้ได้ถึงพลังวิญญาณของลู่ฝานอย่างละเอียด แล้วพลันอุทานขึ้นว่า: “นี่คือ……นี่คือ……”
ลู่ฝานยิ้มแล้วก็เอามือกลับมาและพูดว่า: “เธอเข้าใจแล้วใช่ไหม? ”
ดวงตาของหลินหย่าเป็นประกายและพูดว่า: “มิน่าล่ะที่เธอไม่กลัววิชาชิงวิญญาณของฉันเลย ที่จริงแล้วนายมีพลังคุ้มกันกายแบบนี้เอง พลังนี้สามารถที่จะยกระดับพลังการโจมตีของวิชาชิงวิญญาณได้อย่างแน่นอน ถึงขนาดที่ว่ายังสามารถช่วยฉันให้ฝึกฝนอีกวิชาหนึ่งนั้นได้สำเร็จอีกด้วย”
สีหน้าท่าทางของหลินหย่าแฝงไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ
ลู่ฝานยิ้มและถามขึ้นว่า: “ฉันอยากจะถามหน่อยว่า วิชาชิงวิญญาณของเธอนั้นได้ร่ำเรียนมาจากที่ไหน ฟังสิ่งที่เธอพูดแล้วหมายความว่าจะยังมีวิชาอื่นที่เป็นแบบนี้เหมือนกันอีกเหรอ? ”
หลินหย่าพูดว่า: “ใช่เลย นี่คือวิชาที่ฉันเสี่ยงชีวิตนำมาจาก จวนของผู้ฝึกชั่วร้ายแห่งหนึ่ง ซึ่งยังมีวิชาทำลายวิญญาณอีกอย่างหนึ่ง ที่เหมือนกัน นายอยากดูไหมล่ะ? ”
ลู่ฝานพูดขึ้นอย่างตกตะลึงว่า: “อยากดูแน่นอน”
หลินหย่ายิ้มพร้อมกับยื่นมือออกมาให้กับลู่ฝาน และพูดว่า: “ยาเม็ดสิบขวด และต้องเป็นยาเสวียนขึ้นไปเท่านั้น”
ลู่ฝานมองไปที่หลินหย่าด้วยสีหน้าที่กล้ำกลืนและพูดว่า: “เธอไปรู้มาจากไหนว่าฉันมียาเม็ด”
หลินหย่ายิ้มและพูดว่า: “ศิษย์พี่คนดีของนายยังไงล่ะ หานเฟิงเป็นคนพูด พวกเขาต่างก็พูดว่านายเป็นผู้ที่ครอบครองยาเม็ดจำนวนมาก โดยได้รับจวนของผู้ฝึกชี่มาหลังหนึ่ง ลำพังแค่ยาเสวียนทั่วไป ยังไงก็สามารถมีให้ได้อยู่แล้ว! ”
ลู่ฝานยิ้มอย่างขมขื่นพร้อมกับหยิบยาเม็ดสิบขวดออกมาจากอ้อมอก แล้วนำมาจัดวางไว้ตรงหน้าของหลินหย่า
หลินหย่าพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่ตกตะลึงว่า: “นายมีจริง ๆ ด้วย! ”
ลู่ฝานแทบจะกระอักเลือดออกมา รู้สึกว่าสาวน้อยคนนี้กำลังต่อรองเงื่อนไขที่สูงมาก
ยังไม่ทันรอให้ลู่ฝานได้ตั้งตัว หลินหย่าก็รีบหยิบยาเม็ดสิบขวดนั้นไปทันที แล้วก็ล้วงมือเข้าไปหยิบแผ่นเหล็กออกมาจากอ้อมอก และโยนให้กับลู่ฝาน
ลู่ฝานจึงรับมา และเมื่อได้สัมผัสก็รู้สึกถึงความเย็นยะเยือก
เมื่อมองดูอย่างละเอียด ก็พบว่าบนแผ่นเหล็กนั้น มีวิชาที่สมบูรณ์ชุดหนึ่งที่บันทึกไว้ด้วยตัวหนังสือบรรจงขนาดเล็ก
“วิชาดับวิญญาณ! ”
เมื่อลู่ฝานกวาดตามองไปดู ก็ถึงกับตกตะลึง ที่จริงแล้ววิชาชิงวิญญาณนั้น ก็เป็นเพียงแค่ส่วนครึ่งแรกของวิชานี้ ส่วนครึ่งหลังก็คือวิชาดับวิญญาญที่อาจารย์หวูเฉินของเขาก็ยังไม่ทราบ
แต่ละตัวอักษร ต่างก็แทบจะแฝงไปด้วยพลังที่สั่นสะเทือนจิตญาณ
แต่ลู่ฝานที่เคยฝึกฝนพลังความเป็นความตายวนเวียนและเพลงเต๋าหนึ่งเดียวมาแล้ว ก็จะมีประสบการณ์ในการรับมืออย่างมากกับสิ่งเหล่านี้
เพียงชั่วครู่ เขาก็ท่องจำวิชาทั้งหมดได้แล้ว
ทุกตัวอักษร ทุกท่วงท่า เหมือนจะฝังลึกอยู่ในหัวสมองของเขาทั้งหมดแล้ว
เวลานี้พูดได้ว่าลู่ฝานกวาดสายตาอ่านได้ครั้งละจำนวนมาก เมื่อผ่านตาแล้วก็จะจดจำไม่ลืม ซึ่งนี่ก็คือผลดีจากการที่จิตญาณได้แผ่ขยายขึ้น
เมื่อจดจำทั้งหมดได้แล้ว ลู่ฝานก็พลิกแผ่นเหล็กไปอีกด้านหนึ่ง
ด้านหลัง ไม่นึกว่ายังจะมีตัวอักษรอยู่อีก เหมือนจะใช้เลือดเขียนบันทึกเอาไว้
“เคล็ดลับวิชา ของจิตใจเต๋าสำนักมาร ผู้ฝึกฝนต้องเป็นคนในสำนัก ผู้ใดถ่ายทอดให้กับคนนอกผู้นั้นก็ต้องตาย! ”
“จิตใจเต๋าสำนักมาร? ”
ลู่ฝานพูดพึมพำขึ้น
วิชานี้ คิดไม่ถึงว่าจะเป็นวิชาของจิตใจเต๋าสำนักมาร หรือว่า อาจารย์หวูเฉินได้ไปแย่งชิงวิชานี้ มาจากพวกคนของจิตใจเต๋าสำนักมาร?
หรือว่า จะเป็นเหมือนกับหลินหย่า ที่ได้รับวิชามาจาก ในจวนของผู้ฝึกชั่วร้ายคนใดคนหนึ่ง?
ลู่ฝานถึงกับขมวดคิ้วขึ้น