เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 1330
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1330
นักบู๊ทั่วไป กลัวว่าเมื่อต้องปะทะต่อสู้ด้วยแล้ว ก็คงจะต้องยอมแพ้ลงอย่างศิโรราบ
ว่านกั๋วผู้น่าสงสาร เพิ่งจะขึ้นมาบนสังเวียนก็กลายเป็นน้ำแข็งไปแล้ว โดยที่ยังไม่ได้แสดงกระบวนท่าอะไรเลยเหมือนเดิม ดูเหมือนว่าชื่อเล่นหินฝึกซ้อมวิชาของเขานี้ สักวันหนึ่งคงจะกลายเป็นชื่อเรียกเพียงหนึ่งเดียวของเขาในอันดับรายชื่อของประเทศแล้ว!
“ยกเขาลงไปจากสังเวียนเถอะ หากไม่รีบรักษา จะต้องเกิดโรคแทรกซ้อนรักษาไม่หายแน่! ”
ธิดาเทพพูดขึ้น
ทันใดนั้น องครักษ์เกราะทองก็รีบขึ้นมาบนสังเวียน ยกตัวว่านกั๋วลงไป
ส่วนคนอื่นเมื่อมองเห็นสภาพที่อเนจอนาถของว่านกั๋วที่ถูกผนึกโดยน้ำแข็งแล้ว ก็มีสีหน้าที่ผิดแปลกกันออกไป
“ยังมีใครที่อยากจะขึ้นมาอีกไหม? ”
ธิดาเทพกวาดสายตามองไปทั่วทั้งบริเวณ
เวลานี้ เจ้าบ้านตระกูลหลิ่วหันมองไปที่ด้านหลัง และพูดขึ้นว่า: “หลิ่วเจิน นายลองขึ้นไปประลองดูหน่อยไหม”
หลิ่วเจินมองไปที่เงาร่างของธิดาเทพ แล้วก็ส่ายศีรษะเบา ๆ
“เจ้าบ้าน ฉันกลัวว่าเมื่อขึ้นไปแล้ว ก็คงจะต้านทานเธอได้ไม่เกินสิบกระบวนท่า”
เจ้าบ้านตระกูลหลิ่วครุ่นคิดชั่วครู่ ก็คิดว่าหลิ่วเจินพูดได้ถูกต้อง สายตาจ้องมองไปที่ปลายนิ้วของธิดาเทพ เจ้าบ้านตระกูลหลิ่วมองออกได้ว่า นั่นคือวิถียอดน้ำแข็งที่ผสานพลังฟ้าดิน
ผนึกทุกสรรพสิ่ง ทำลายทุกวิชา แข็งตัวอากาศธาตุ!
วิทยายุทธในวิถีดังกล่าวของธิดาเทพนั้น เกรงว่าจะถึงระดับขั้นนักบู๊ปราณฟ้าแล้วอย่างแน่นอน
เป็นไปได้ว่า ธิดาเทพเอง ก็คือยอดฝีมือปราณฟ้าคนหนึ่งแล้ว!
ตระกูลสือ สือเฉินค่อย ๆ ลุกยืนขึ้นและพูดว่า: “ฉันขอประลองสักตั้ง”
เจ้าบ้านตระกูลสือตกใจขึ้นอย่างกะทันหัน จากนั้นก็รีบส่งกระแสจิตให้กับสือเฉินว่า: “สือเฉิน อย่าบุ่มบ่าม! ”
สือเฉินกลับไม่ฟังในคำพูดของเจ้าบ้านสือ แล้วก็รีบเดินขึ้นไปบนเวที
สือเฉินมองไปที่ธิดาเทพ แล้วพูดว่า: “ธิดาเทพ เชิญ! ”
ธิดาเทพพยักหน้า และพูดว่า: “คุณชายสือ ยังไงก็นำโล่เสวียนเจวี๋ย ออกมาก่อนเถอะ! ”
เมื่อพูดคำนี้ออกไป ก็ทำให้ผู้คนตกตะลึงกันไม่น้อย
ธิดาเทพมาที่อู่อานเป็นครั้งแรก ไม่นึกว่าจะรู้จักโล่เสวียนเจวี๋ยของตระกูลสือด้วย ได้ศึกษาเรียนรู้มามากมายระดับไหนกันเชียว หรือว่าก่อนหน้าที่เธอจะมานั้น ได้เตรียมความพร้อมเอาไว้หมดแล้ว?
ที่กลางสระเหยา เกรงว่าจะมีลู่ฝานเพียงคนเดียวที่ไม่ตกตะลึง
เพราะมีเพียงลู่ฝานเท่านั้นที่รู้ว่า ช่วงก่อนหน้านี้ธิดาเทพ ก็พักอยู่ในเมืองหลวง และยังจะเหมาที่นั่งเพื่อชมการประลองคัดเลือกอยู่บนแท่นผู้ชมด้วย
ข้อมูลเหล่านี้ของสือเฉิน หากเธอไม่รับรู้ ถึงจะน่าแปลก
สือเฉินนำโล่เสวียนเจวี๋ยออกมาอย่างระมัดระวัง และสวมเกราะปราณ โล่เสวียนเจวี๋ยประกายแสง แล้วสือเฉินก็พุ่งตรงเข้าใส่ธิดาเทพทันที
“ลุย! ”
สือเฉินใช้เท้าย่ำลงไปบนพื้นอย่างแรง บนโล่เสวียนเจวี๋ย ก็มีพลังปราณพวยพุ่งออกมา ช่วงอากาศบริเวณโดยรอบแตกสลายลงอย่างต่อเนื่อง เผยให้เห็นอากาศธาตุที่มืดมิด เงาดำด้านหลังดุจดั่งหมี!
ลู่ฝานตกตะลึงเล็กน้อย ช่วงนี้สือเฉินพัฒนาฝีมือขึ้นไม่น้อยเลย กระบวนท่าที่ถือโล่เข้าปะทะ เดิมทีนั้นสือเฉินยังไม่สามารถทำได้
สายตาของเจ้าบ้านสือเป็นประกายขึ้น เขาเข้าใจแล้วว่าสือเฉินกำลังทำอะไร เขากำลังเข้าใจในวิถีเต๋า!
เกรงว่าสือเฉินจะสามารถรับรู้เข้าใจวิชาบู๊อะไรบางอย่างได้แล้ว ดังนั้นจึงร้อนใจอยากที่จะต่อสู้ ประลองกับยอดฝีมือ!
ชัดเจนว่า ในสายตาของสือเฉินนั้นธิดาเทพก็คือยอดฝีมือ โดยไม่นึกว่าเขาจะเอาธิดาเทพมาเป็นหินซ้อมลับมีดแบบนี้!
ธิดาเทพมองเห็นท่วงท่าของสือเฉินแล้ว ก็เข้าใจอะไรได้ในทันที
ผลึกน้ำแข็งในดวงตา ก็กะพริบแสงสีฟ้าขึ้น
ธิดาเทพใช้มือสองข้างผลักไปข้างหน้าเบา ๆ พร้อมกับพูดขึ้นว่า: “ผนึกน้ำแข็งพันลี้! ”
เมื่อพูดจบลง น้ำแข็งลี้ลับก็แผ่กระจายเป็นวงกว้าง
ไม่ว่าจะเป็นพลังฟ้าดิน หรือว่าเป็นอากาศธาตุที่แหลกสลาย ทั้งหมดต่างก็แข็งตัวขึ้นอย่างกะทันหัน แม้แต่สือเฉินที่พุ่งกระโจนเข้ามาด้านหน้าพร้อมทั้งคนและโล่ ก็ถูกผนึกเป็นน้ำแข็งในชั่วพริบตาเดียว
สือเฉินยังคิดที่จะดิ้นรน ใช้พลังปราณโจมตีก้อนน้ำแข็งอย่างสุดกำลัง
แต่ทันใดนั้น ธิดาเทพก็ชี้เบา ๆ ไปทางเขา
ลำแสงสีฟ้าเข้าสู่ภายในร่างกายของเขา ทันใดนั้น สือเฉินก็ชะงักหยุดอยู่กับที่ ไม่สามารถตอบโต้อะไรได้อีกแล้ว!
“แพ้แล้ว! ”
เจ้าบ้านสือพูดพึมพำขึ้นอย่างเหลือเชื่อ
นักบู๊ทั้งหมด ต่างก็พากันสูดหายใจ
ธิดาเทพแกว่งมือสะบัดให้สือเฉินที่ถูกผนึกน้ำแข็งนั้นตกลงไปจากสังเวียน ด้วยพลังความสามารถของสือเฉินก็ไม่นึกว่าจะได้แสดงเพียงกระบวนท่าเดียวต่อหน้าของเธอเท่านั้น
ธิดาเทพยิ้ม แล้วหันมองไปโดยรอบ และพูดว่า: “นักบู๊ของประเทศอู่อาน คงจะไม่ได้มีระดับความสามารถเพียงเท่านี้หรอกนะ คิดต้องการที่จะเป็นคู่พรหมลิขิตของฉัน แบบนี้ไม่ได้นะ นายว่าใช่ไหมล่ะ คุณชายลู่ฝาน นายคิดที่จะขึ้นมาประลองกับฉันดูบ้างไหม? ”