เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 1356
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1356
ปราณชี่แปรเปลี่ยนเป็นวิญญาณ พุ่งเข้าไปในจิตญาณของเทียนชิงหยาง
คู่ดวงตาของลู่ฝาน ภายใต้การฉายสะท้อนบนม่านน้ำสรวงสวรรค์นั้น เวลานี้ดูล้ำลึกเป็นอย่างมาก ราวกับความว่างเปล่าอันมืดมิดที่กำลังกลืนกินชีวิตคน ถึงขนาดทำให้จิตใจของผู้คนนับไม่ถ้วนในเมืองหลวง ตื่นตระหนกกันไปทั้งหมด ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ถูกทำร้ายด้วยพลังวิญญาณของลู่ฝาน แต่เพียงแค่มองเห็นดวงตาของลู่ฝานเท่านั้น
เทียนชิงหยางที่อยู่เบื้องหน้า ยิ่งมีร่างกายแข็งทื่อไปหมด
กระบวนท่าที่ลู่ฝานแสดงออกมาในวันนี้ มีพลังอานุภาพที่เหนือกว่าของหลินหย่าเป็นอย่างมาก
หลินหย่าที่นั่งอยู่บนแท่นผู้ชม เมื่อมองเห็นดวงตาของลู่ฝานแล้ว ก็รีบหันหน้าหนีไปทันที ไม่กล้าที่จะมองดูมากไปกว่านี้แล้ว
หลินหย่าตกตะลึงอย่างมาก และพูดขึ้นว่า: “ไม่นึกว่าเขาจะใช้งานได้อย่างทรงพลังกว่าฉันเสียอีก! ”
อีกฝั่งหนึ่ง เทียนหลิงถึงกับเบิกตาโพลง และพลันร้องตะโกนเสียงดังขึ้น
“เทียนชิงหยาง ตั้งสติกลับคืนมา! ”
น้ำเสียงดุจดั่งฟ้าร้อง จนเกิดเป็นระลอกคลื่นเสียงขึ้น
เสียงนี้ กลบปกคลุมเสียงอุทานทั้งหมดของผู้ชมทุกคน
เทียนชิงหยางที่เดิมทีถูกวิชาชิงวิญญาณของลู่ฝานครอบงำไปแล้วนั้น เวลานี้ในคู่ดวงตา ก็เริ่มที่จะประกายแสงขึ้นมาอีกครั้งแล้ว
หานอู่ซวงชี้ไปที่เทียนหลิง และตวาดใส่ว่า: “ไอ้เฒ่าไร้ยางอาย นายยังจะรักษาหน้าตาของนายอยู่อีกไหม? ไม่นึกว่าจะช่วยเหลือจากด้านล่างสังเวียนด้วย! มีใครมาช่วยจัดการบ้างไหมเนี่ยะ! ”
ฉินซางต้าตี้พลันส่งสายตาที่เฉียบขาดไปยังเทียนหลิง และตวาดใส่ ด้วยสีหน้าที่โกรธแค้น
เทียนหลิงสามารถที่จะไม่สนใจความเห็นของผู้อื่น แต่ความโมโหของฉินซางต้าตี้ เขาไม่เกรงกลัวไม่ได้
เทียนหลิงจึงรีบปิดปากลงทันที และนั่งลงไป
ฉินซางต้าตี้พูดขึ้นอย่างดุดันว่า: “หากว่าเทียนหลิงกระทำแบบนี้อีกครั้ง ก็เชิญเขามาดื่มชาที่ในพระราชวัง! ”
ฉินอวิ่น ฉินฝาน และพวกนายพลทหารที่อยู่ด้านหลังต่างตอบรับ สายตาที่พวกเขามองไปยังเทียนหลิงนั้น ก็แฝงไปด้วยความโมโหบ้างแล้ว
ขัดขวางนักบู๊ที่กำลังประลองยุทธ คือการกระทำที่ละเมิดข้อห้าม การต่อสู้ที่เดิมพันกันด้วยชีวิตโดยทั่วไปนั้น หากผู้คนรอบข้างมีส่วนร่วมด้วยก็จะถูกคนดูหมิ่นเหยียดหยาม ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการประลองยุทธที่เป็นที่น่าจับตาของจักรวรรดิแบบนี้แล้ว
ขณะนั้น ผู้ชมจำนวนไม่น้อยต่างก็ส่งสายตาที่เหยียดหยามไปให้กับเทียนหลิง
เพียงแค่เป็นนักบู๊ที่มีความรู้ความเข้าใจ ต่างก็มองออกได้ถึงความกระหายในชัยชนะของตาเฒ่าเทียนหลิง ซึ่งช่างทำให้ผู้คนดูหมิ่นดูแคลนเสียจริง
แต่เทียนหลิงเองก็ไม่สนใจอะไรพวกนี้แล้ว เพราะเทียนชิงหยางถูกวิชาชิงวิญญาณของลู่ฝานครอบงำ จนตัวแข็งเกือบที่จะกลายเป็นหินไปแล้ว
เมื่อได้ยินเสียงของเจ้าบ้านเทียนหลิง เทียนชิงหยางจึงพยายามควบคุมในจิตญาณ ให้หลงเหลือสติความรู้สึกตัวบ้างเล็กน้อย เพราะยังต้องการที่จะชักกระบี่มังกรคำรามที่ปักอยู่ในตัวของลู่ฝานออกมา!
ลู่ฝานจะปล่อยโอกาสให้เทียนชิงหยางโต้ตอบกลับได้อย่างไร ยกกระบี่หนักไร้คมขึ้น ปราณชี่ในร่างกายพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า!
บริเวณที่ปลายกระบี่ มีแสงสีดำขาวกะพริบขึ้น
ลู่ฝานเพิ่มพลังความสามารถของตนเองขึ้นสู่ชั้นสุดยอด
การโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุด ห้าธาตุรวมเป็นหนึ่ง!
ที่ใต้ฝ่าเท้า พลังห้าธาตุได้รวมตัวกันมาที่กระบี่ของลู่ฝานอย่างรวดเร็ว
พลังห้าธาตุที่ดุจดั่งกระแสน้ำไหลเชี่ยวนั้น ทุกคนที่เห็นแล้วต่างก็พากันกุมศีรษะและร้องอุทานขึ้น
“โอ้วพระเจ้า ลู่ฝานเองก็สามารถใช้พลังห้าธาตุได้ด้วย! ”
แม้ว่าลู่ฝานจะไม่ค่อยกล้าใช้วิชาของผู้ฝึกชี่ต่อหน้าทุกคน แต่เขาสามารถเลียนแบบเทียนชิงหยาง โดยการดูดซับพลังห้าธาตุ เข้าไปสู่ตัวกระบี่ ซึ่งสำหรับเขาแล้ว ไม่ใช่เรื่องที่ยากอะไรเลย
สำหรับกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวเกินจริงนั้น ก็เป็นเพียงแค่การแสดงออกของปราณชี่ที่กำลังดูดซับพลังอันแข็งแกร่ง ถ้าหากไม่กลัวว่าจะถูกคนอื่นมองออกว่ามีอะไรที่ไม่ถูกต้อง ที่จริงแล้วลู่ฝานสามารถที่จะดูดซับพลังของเทียนชิงหยางได้เลย ถ้าเป็นแบบนั้น เทียนชิงหยางก็จะพ่ายแพ้เร็วขึ้นอีก แต่ก็จะไม่องอาจน่าเกรงขามอย่างกับกระบวนท่านี้
พลังห้าธาตุหลอมรวมเข้าด้วยกันแล้ว โดยเป็นสายลมหมุนวนเวียนอยู่บนกระบี่ของลู่ฝาน
ด้านหลังของลู่ฝานพลันปรากฏเงาร่างยักษ์มหึมาขึ้น กระบี่หนักไร้คมที่อยู่ในมือ ก็กลายร่างเป็นกระบี่ห้าธาตุที่มีขนาดใหญ่เป็นร้อยเท่า!
ร่างกลายเป็นฟ้าดิน กระบี่กลายเป็นภูเขา
ลู่ฝานใช้กระบี่ ที่แฝงไปด้วยพลังอานุภาพฟ้าดิน ฟาดฟันไปที่ร่างของเทียนชิงหยางในทันที
ตูมม!
ราวกับเกิดเสียงฟ้าร้องขึ้นจนทุกอย่างราบเรียบเป็นหน้ากลอง ภายในสายตาของทุกคน หลงเหลือเพียงแค่อากาศธาตุที่มืดมิด
ทั้ง ๆ ที่ประสาทสัมผัสทั้งห้ายังคงมีอยู่ แต่กลับทำให้ผู้คนรู้สึกว่า เกิดการถล่มทลายโดยกระบี่พลังฟ้าดิน
ด้านนอกของสนามต่อสู้แปดทิศ พวกผู้ชมที่กำลังรับชมทางม่านน้ำสรวงสวรรค์นั้น เห็นเพียงแต่ความมืดมิด พวกเงาร่างอะไรนั้น ได้สูญหายไปหมดแล้ว
ทุกคนพากันวิพากษ์วิจารณ์ ตะโกนโห่ร้องกันขึ้น
“ตกลงเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ”
“กระบี่ที่น่าสะพรึงกลัวมากขนาดนี้ แล้วผลลัพธ์ล่ะ? ”
“ลู๋ฝานชนะแล้วใช่ไหม? ” ……
ภายในสนามต่อสู้แปดทิศ อากาศธาตุที่มืดมิด เริ่มที่จะฟื้นฟูกลับคืนอย่างรวดเร็ว
เวลานี้ทุกคนมองเห็นอย่างชัดเจนว่า เดิมทีความมืดมิดนั้น ล้วนเป็นอากาศธาตุที่ถูกฟาดฟันจนแหลกสลาย
ในขณะนั้น แม้แต่ปราณเกราะป้องกันของสนามต่อสู้แปดทิศ ก็ยังแตกสลายไปทั้งหมด ส่วนผู้ชมที่นั่งอยู่ด้านหน้านั้น ก็ได้ยื่นมือออกไป แต่ก็สัมผัสปราณเกราะป้องกันไม่ได้แล้ว
ทันใดนั้นคนกลุ่มหนึ่งก็วิ่งหลบหนีไปด้านหลังอย่างตื่นตระหนก แม้ว่าพวกเขาอยากที่จะชมการประลองยุทธอย่างมาก แต่ก็ยังไม่อยากที่จะให้ชีวิตของตนเองนั้น ถึงขั้นสูญหายไปอย่างไร้เหตุผล
ที่บริเวณมุมของแท่นผู้ชม ท่านแปดตะลึงงันไปหมดแล้ว
เขาได้ทำการคุ้มครองป้องกันการประลองยุทธครั้งสุดท้ายนี้อย่างดีที่สุดแล้ว แต่ใครจะไปคิดว่า ขนาดนี้ก็ยังไม่เพียงพอ
พลังอานุภาพกระบวนท่านี้ของลู่ฝาน เหนือกว่านักบู๊ปราณฟ้าโดยทั่วไปแล้ว
พลังการทำลายล้างระดับนี้ ท่าแปดมองดูจนถึงกับเบิกตาโพลง นิ้วมือสั่นเทาไปหมด
กระบวนท่านี้ เป็นพลังที่สามารถคุกคามความปลอดภัยและชีวิตของนักบู๊แดนฟ้าได้อย่างแน่นอน
ช่วงอากาศฟื้นฟูกลับคืนดังเดิม ภายในสนามบู๊ เขตวิถีห้าธาตุได้สูญหายไปอย่างไร้ร่องรอย
หินห้าธาตุที่ท่านแปดยอมจ่ายเงินจำนวนมหาศาลกว่าจะได้มานั้น คราวนี้ ได้ถูกลู่ฝานทำลายลงอย่างสิ้นซาก ไม่เหลืออะไรเลย เมื่อทุกคนก้มหน้ามองไปดู ก็สามารถเห็นพื้นทรายด้านล่างที่เปลือยเปล่า และน้ำใต้ดินที่กระเด็นไปโดยรอบแล้ว