เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 1359
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1359
เทียนชิงหยางสีหน้าย่ำแย่ วันนี้ที่เข้าถูกโจมตีทำร้าย ไม่ใช่เพียงแค่ที่ร่างกายเท่านั้น ที่สำคัญยิ่งกว่าคือด้านสภาพจิตใจ
นักบู๊ที่ไม่มีภูมิหลังอะไร และมาจากสถานที่เล็ก ๆ แห่งหนึ่ง กลับสามารถต่อสู้เอาชนะเขาได้แล้ว โดยเอาชนะเขาต่อหน้าของทุกคน ด้วยวิธีการที่ไม่สามารถทำให้หาข้อแก้ตัวใด ๆ ได้เลย
อีกทั้ง ในตอนสุดท้าย อีกฝ่ายหนึ่งก็ยังไม่ฆ่าตนเองด้วย เทียนชิงหยางคงจะจดจำคู่ดวงตาที่สงบนิ่งของลู่ฝานนั้นไปชั่วชีวิต ราวกับว่าการเอาชนะเขา ไม่ได้มีค่าถึงกับต้องตื่นเต้นอะไรเลยแม้แต่น้อย
เทียนชิงหยางริมฝีปากสั่นเทาและพูดขึ้นว่า: “ไม่ต้อง เจ้าบ้าน แขนของฉันไม่ต้องรักษา นับตั้งแต่วันนี้ไป ฉันจะใช้เพียงแค่แขนซ้ายในการฝึกฝนกระบี่! ”
เทียนหลิงพูดเสียงดังว่า: “ชิงหยาง นายอย่าได้ล้มเลิกความทะเยอทะยานเด็ดขาด ก็แค่พ่ายแพ้ในการประลองยุทธรอบหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้พ่ายแพ้สูญสิ้นทุกอย่างไปสักหน่อย นายดูเขาสิ ตอนสุดท้ายก็ยังไม่กล้าที่จะฆ่านายเลย นี่แสดงว่าเขาก็ยังหวาดกลัวนายอยู่บ้าง นายแค่พยายามใช้ทุกสิ่งทุกอย่างที่นายมีอยู่นี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด แล้วต่อไปนายก็จะสามารถเอาชนะเขาลงได้แน่นอน”
เทียนชิงหยางสูดหายใจลึก และค่อย ๆ พูดว่า: “ฉันทำมันแน่ แต่ความอับอายในวันนี้ ฉันเองก็จะต้องล้างแค้นกลับคืนด้วย เขาตัดแขนฉันทิ้งข้างหนึ่ง วันหลังฉันจะเอาคืนกลับจากเขาสองเท่า”
เทียนหลิงมองเห็นความเด็ดเดี่ยวแน่วแน่จากสายตาของเทียนชิงหยาง แล้วถอนหายใจและพูดว่า: “นายจะทำแบบนี้จริงเหรอ? ”
เทียนชิงหยางหันหน้ามองไปที่เงาร่างของลู่ฝาน และพูดว่า: “ฉันจะต้องทำแบบนี้แน่ มิเช่นนั้น ชั่วชีวิตนี้ของฉันก็คงจะไล่ตามเขาไม่ทันแล้ว! ”
เมื่อพูดจบ เทียนชิงหยางก็หลับตาสองข้างลงด้วยความเจ็บปวด เทียนหลิงส่ายศีรษะและโบกมือ บอกให้ลูกหานตระกูลเทียน ออกไปจากที่นี่โดยเร็ว ซึ่งในสนามบู๊ สายตาของลู่ฝาน ก็แฝงไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ
หน่วยองครักษ์เสิ่นหวา และอาศัยอยู่ที่ประเทศอู่อานไปตลอด ฝ่าบาทช่างใจกว้างเสียจริงเลย!
คิดถึงตอนนั้น ตอนที่ไท่จื่อ เคยให้คำมั่นสัญญากับเขาเองเหมือนกันว่า จะให้เขาไปดำรงตำแหน่งหัวหน้าเขต
แต่เขาคนเดียวกลับไปเป็นหัวหน้าเขต จะไปมีความสุขเท่ากับทั้งตระกูลอยู่อาศัยในประเทศอู่อานไปตลอดได้อย่างไรล่ะ
ใบหน้าของลู่ฝานเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เมื่อคุณพ่อและคุณปู่พวกเขารับทราบข่าวคราวนี้แล้ว ก็คงจะต้องดีใจอย่างมากเป็นแน่!
ลู่ฝานชูมือสองข้างขึ้น และโบกมือทักทายให้กับผู้ชมทั้งหมดบนแท่นผู้ชม
คนจำนวนไม่น้อยพากันตะโกนเรียกชื่อของลู่ฝาน นับตั้งแต่วันนี้ไป ชื่อของลู่ฝานนี้ จะกลายเป็นตำนานบทหนึ่งแห่งเมืองหลวง
วันนี้ เป็นวันของลู่ฝาน!
และค่ำคืนนี้ ก็จะเป็นคืนที่สนุกสนานร่าเริง
การประลองยุทธคัดเลือกได้เสร็จสิ้นลง แม้ว่าในช่วงกลางจะเกิดความวุ่นวายขึ้นมาบ้าง แต่สำหรับผลลัพธ์ในตอนสุดท้ายก็เป็นที่พอใจของทุกคนอย่างมาก
ลู่ฝานนักกระบี่แห่งตงหวา เก่งกาจสมคำร่ำลือ คว้าอันดับหนึ่งไปครอง และก็ขึ้นแท่นเป็นอันดับหนึ่งของการจัดอันดับในประเทศ กลายเป็นที่หนึ่งของกลุ่มเด็กรุ่นใหม่ในประเทศอู่อาน
เทียนชิงหยางแห่งตระกูลเทียน แม้จะพ่ายแพ้แต่ก็ยังไม่ตาย โดยลู่ฝานได้ไว้ชีวิตเขาในช่วงเวลาสุดท้าย อีกทั้งคำพูดของลู่ฝานทั้งหมด ก็ได้ฉายผ่านม่านน้ำสรวงสวรรค์ ให้ทุกคนรับรู้รับทราบโดยทั่วกัน
มีคนพูดว่า ที่ลู่ฝานไม่ฆ่าเทียนชิงหยางนั้น ก็แค่ไม่อยากที่จะก่อเรื่อง ตระกูลเทียนมีอิทธิพลอำนาจที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ หากสร้างความแค้นขึ้นอย่างไร้เหตุผล มันไม่มีความจำเป็นเลย อภัยคนได้ก็พึงให้อภัย เอาชนะได้แล้วก็ถือว่าสำเร็จตามเป้าหมายแล้ว การอภัยให้กัน ถือเป็นการกระทำที่ชาญฉลาด สำหรับคำพูดของลู่ฝานนั้น ไม่ต้องไปจริงจังกับมันมาก
แต่ก็มีคนพูดอีกว่า คำพูดของลู่ฝานนั้น ที่จริงแล้วเป็นการพูดแทนหานหยวนหนิง
ทุกคนต่างก็ทราบดีว่า ลู่ฝานมีความสัมพันธ์อันดีกับตระกูลหาน ดีถึงขั้นที่เหมือนจะเป็นคนของตระกูลหานไปครึ่งหนึ่งแล้ว
หานหยวนหนิงถูกทำลายตันเถียน ลู่ฝานจะต้องช่วยเขาระบายความแค้นนี้อย่างแน่นอน ดังนั้นจึงทำลายแขนข้างหนึ่งของเทียนชิงหยาง
แต่ไม่ฆ่าเทียนชิงหยาง ก็เพื่อรอให้หานหยวนหนิงกลับมาแก้แค้นด้วยตัวเขาเอง
การพูดคุยโต้เถียงของทั้งสองฝ่ายดุดันหนักหน่วง โต้แย้งกันอย่างไม่หยุด
หลังจากที่ตระกูลเทียนกลับมากันแล้ว ก็ปิดประตูไม่ต้อนรับแขก ไม่พบกับผู้คนที่มาเยี่ยมหา
ครั้งนี้พวกเขาถือว่า อับอายขายหน้ามาถึงที่ตระกูลโดยสิ้นเชิงแล้ว
โดยเฉพาะเทียนหลิงเจ้าบ้านตระกูลเทียน ที่ในระหว่างการต่อสู้ ได้ตะโกนเรียกออกไปนั้น ยิ่งกลายเป็นคำครหากันไปทั่ว ช่วงเวลานี้ ลูกหลานตระกูลเทียน ไม่มีหน้าที่จะไปพบเจอกับใครได้อีก
หากพวกเขายังกล้าจะออกมา สิ่งที่รอคอยพวกเขาอยู่นั้น ก็คือคำเยาะเย้ยถากถางต่างๆ นา ๆ เกรงว่านับตั้งแต่ที่ตระกูลเทียนลงหลักปักฐานอยู่ที่ประเทศอู่อานจวบจนวันนี้ ก็ยังไม่เคยได้รับการดูหมิ่นเหยียดหยามหนักขนาดนี้มาก่อนเลย
สิ่งนี้เกิดจากผลการกระทำของลู่ฝานส่วนหนึ่ง ซึ่งส่วนมากนั้นก็คือผลของการกระทำที่เทียนหลิงจะต้องได้รับมันมากกว่า แน่นอนว่าตรงจุดนี้ เทียนหลิงไม่มีทางยอมรับเด็ดขาด
ตรงกันข้ามกับตระกูลเทียนนั้น ก็คือตระกูลหานที่กำลังครึกครื้นเต็มไปด้วยผู้คน
ช่วงเวลาสั้น ๆ แค่หนึ่งชั่วโมง ด้านหน้าประตูของตระกูลหานกว้างขวางทอดยาวถึงขนาดที่ชายฉกรรจ์บึกบึนนับสินคนเดินเรียงแถวหน้ากระดานได้เลย เนืองแน่นแออัดไปด้วยรถม้าที่ทยอยกันมาส่งมอบของขวัญ
แขกผู้มาเยือนทยอยกันมาถึงอย่างไม่ขาดสาย โดยลูกหลานตระกูลหานได้รวมกันเป็นกลุ่มเพื่อขัดขวางผู้คนเหล่านี้เอาไว้
ผู้คนที่มาส่งมอบของขวัญเหล่านี้ ไม่ได้ต้องการอะไรอื่น ก็แค่อยากจะมองดูลู่ฝานในระยะใกล้เท่านั้น
ถึงขนาดที่มีพวกนักบู๊หญิงที่บ้าคลั่ง ไม่เกรงกลัวยามอารักขาของตระกูลหาน กระโดดข้ามกำแพงเข้าไป แล้วมุ่งหน้าตรงไปที่ภูเขาด้านหลัง
ตระกูลหานอลหม่านวุ่นวายไปหมดแล้ว แต่แน่นอนว่าก็ยังมีคนที่อยู่ท่ามกลางความสุขด้วยเช่นกัน
“วางตรงนี้ วางตรงนี้ สิ่งของของนายวางไว้ตรงนี้ทั้งหมด มีใบรายการของหรือไม่? อะไรนะ? ไม่มีใบรายการของนายก็ยังจะกล้าส่งอีก นายคือพ่อบ้านของตระกูลไหน แค่ส่งมอบของขวัญก็ยังไม่เป็นเลย! วางของลง แล้วกลับไปซะ! ”
หานเฟิงเหงื่อไหลไคลย้อยคอยชี้สั่งผู้คนที่มาส่งมอบของขวัญให้จัดวางสิ่งของไว้ในห้องเก็บของ