เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 136
การเปลี่ยนแปลงยี่สิบเท่า เท่ากับปราณชี่ที่มีผลการฝึกตนปราณในแค่ขั้น 5-6 สามารถปลดปล่อยพลังนักบู๊แดนปราณในทั่วไปถึงยี่สิบเท่า นี่เป็นการเพิ่มขึ้นที่น่ากลัวขนาดไหนกัน ลู่ฝานคิดว่าตอนนี้ ตัวเองประลองกับนักบู๊ปราณนอก ก็ไม่ใช่ปัญหาแล้ว นักบู๊ปราณนอกทั่วไป น่าจะสู้เขาไม่ได้แล้ว
ลู่ฝานตกใจกับทักษะของตัวเองเป็นอย่างมาก ได้ยินศิษย์พี่หานเฟิงเรียกอยู่ข้างหูไม่หยุด “ศิษย์น้องลู่ฝาน นายฝึกสำเร็จหรือยัง”
ลู่ฝานกลืนน้ำลาย แล้วพูดว่า “คงฝึกสำเร็จแล้วมั้งครับ”
เมื่อพูดออกมา ทุกคนสีหน้าเปลี่ยนไป อาจารย์อี้ชิงและอาจารย์เต้ากวงก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที
อีกด้านหนึ่ง หลางเจี้ยนเห็นคนคณะหนึ่งเดียว สีหน้าเปลี่ยนไปมาก เข้าใจว่าพวกเขามองออกว่าฉู่สิงจะแพ้
ตลก เพิ่งแพ้ก็เครียดกันขนาดนี้แล้ว หรือว่านักเรียนที่กำลังสู้กับเถาสิง คือนักเรียนที่แข็งแกร่งสุดในคณะหนึ่งเดียวสินะ
หลางเจี้ยนคิดว่าตัวเองเดาความจริงได้ ยิ้มกว้างจนปากแทบจะฉีกถึงหู
จางเยว่หานหัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “ศิษย์พี่เถาสิงเก่งมาก พละกำลังของคณะหนึ่งเดียวแย่ขนาดนี้ สมกับเป็นคณะที่แย่ที่สุด”
ผู้หญิงข้างๆ อีกคน เห็นด้วยกับคำพูดของเธอ ศิษย์พี่ที่โดนจางเยว่หานดึงแขนเสื้อตลอดเวลา ก็หัวเราะออกมา
แต่ขณะนั้น สถานการณ์เปลี่ยนไปทันที
ทันใดนั้น กระบี่ยาวฟาดฟันม่านแสงสีม่วง คนที่โดนกดมาตลอดอย่างฉู่สิง แตะกระบี่ไปที่ข้อพับแขนขวาของเถาสิง
“โดนซะ!”
ฉู่สิงแผดเสียงออกมาเบาๆ กระบี่ยาวพุ่งทะลุพลังปราณที่คุ้มกันตัวเถาสิง
เถาสิงอึ้งไป ใช้การเคลื่อนไหวร่างกายจนเป็นเงาสามเงา เพื่อที่จะโจมตีกลับ แต่ต่อมากระบี่ของฉู่สิงพาดผ่านเป็นเส้นโค้งอันงดงาม และแตะไปที่หนึ่งในเงานั้น
“โดนอีก!”
ใบหน้าฉู่สิงมีรอยยิ้ม ฟาดฟันไปที่ข้อมือเถาสิงอีกครั้ง จนเลือดสาดออกมา
ลู่ฝานยิ้มแล้วพูดว่า “ดูเหมือนศิษย์พี่ฉู่สิงจับการเคลื่อนไหวของเถาสิงได้แล้ว และจับทางจุดอ่อนของพลังปราณที่คุ้มกันเถาสิงได้ด้วย”
หานเฟิงและคนอื่น ตั้งสติได้ ข่าวที่ลู่ฝานฝึกวิชาหนึ่งเดียวสำเร็จ น่าตกใจมาก จนพวกเขาเกือบลืมว่าฉู่สิงกำลังต่อสู้อยู่
ศิษย์พี่ใหญ่เก็บงำความตกใจไว้ รอยยิ้มเต็มใบหน้า “ความสามารถในการคิดคำนวณของศิษย์น้องฉู่สิง น่าตกใจมาก กระบวนท่าที่เหมือนกัน ใช้ต่อหน้าศิษย์น้องฉู่สิงไม่นาน ก็โดนเขาจับได้ และชนะได้ง่ายดาย เป็นรูปแบบการต่อสู้ของศิษย์น้องฉู่สิงมาตลอด”
เมื่อศิษย์พี่ใหญ่พูดออกมา ฉู่สิงโจมตีกลับทั้งหมด
ทุกกระบี่โดนตำแหน่งข้อต่อของเถาสิง ตรงนั้นเป็นจุดอ่อนของพลังปราณที่คุ้มกันร่างกายเถาสิง พลังปราณคุ้มกันร่างกายที่ได้ความแข็งแกร่งมาจากดาบโค้งสีม่วงในมือ เถาสิงคิดมาตลอดว่าพลังปราณของตัวเองแข็งแกร่งและทนทาน ระดับแดนปราณนอกลงไป ไม่มีนักบู๊คนไหนสามารถทำลายพลังปราณของเขาได้ง่ายๆ
แต่ฉู่สิงใช้กระบี่ในมือ ให้บทเรียนเขาอย่างดี ไม่ว่าพลังปราณแบบไหนล้วนมีจุดอ่อน ยิ่งไปกว่านั้น เป็นพลังปราณที่อาศัยพลังภายนอกเพิ่มความแข็งแกร่ง
ไม่มีกระบวนท่างดงาม ไม่มีพลังปราณที่พลุ่งพล่าน อาศัยแค่การโจมตีที่แม่นยำ ไม่นาน ตัวของเถาสิงเต็มไปด้วยบาดแผล
ลู่ฝานมองดูเงียบๆ กระบวนท่าของทั้งสองคน อยู่ในหัวของเขา เหมือนภาพสโลวโมชั่น
ลู่ฝานไม่รู้ว่าตัวเองเอาความสามารถนี้มาจากไหน แต่เขารู้สึกว่าการเคลื่อนไหวของทั้งสองคนช้ามาก ทุกการโจมตีจะต้องทะลุผ่านพลังฟ้าดินที่หนามาก ถึงจะโจมตีโดนอีกฝ่าย ลู่ฝานรู้สึกว่า ถ้าทุกการโจมตีไม่ต้องทะลุผ่านพลังฟ้าดิน งั้นความเร็วการโจมตีของพวกเขา อย่างน้อยต้องยกระดับขึ้นสิบเท่าขึ้นไป
ตาลู่ฝานเป็นประกาย ตอนนี้ขนาดตัวลู่ฝานเองยังไม่รู้ ว่าดวงตาของเขาทั้งสองข้าง ดูชั่วร้ายเล็กน้อย
ในดวงตาข้างซ้าย แอบมีสีขาวดำ บริเวณตาขวามีแสงห้าธาตุเคลื่อนไหวอยู่
แม้จะเบาบาง มองแทบจะไม่เห็น แต่มันมีอยู่จริงๆ
ในการต่อสู้ เถาสิงฝืนไม่ไหวแล้ว เขากัดฟันง้างดาบโค้งแสงม่วงขึ้นมา แผดเสียงออกมาว่า “เมฆสีม่วงปรากฏที่ทิศตะวันออก!”*
แสงสีม่วงพลุ่งพล่าน เหมือนจะปล่อยท่าไม้ตายออกมา แต่ต่อมากระบี่ของฉู่สิงดีดดาบโค้งแสงม่วงในมือเขาจนกระเด็น อีกทั้งยังทำให้ฝ่ามือเขาเป็นรอยแผลลึก
เถาสิงร้องโอดครวญออกมา โดนฉู่สิงถีบจนกระเด็น
ฉู่สิงลงมาบนพื้น จับดาบโค้งแสงม่วงเอาไว้ แล้วโยนไปตรงหน้าเถาสิง แล้วพูดว่า “นายยังไม่มีคุณสมบัติมาท้าประลองคณะหนึ่งเดียว”
เถาสิงโกรธจนกระอักเลือดออกมา และสลบไป
ศิษย์คณะบังเหินมองภาพตรงหน้าอย่างตกตะลึง ทุกคนสีหน้าบูดเบี้ยว เหมือนได้กินของน่าขยะแขยง
หลางเจี้ยนเดินเข้ามาป้อนยาเถาสิง จากนั้นหันไปพูดกับผู้หญิงข้างจางเยว่หานว่า “จ้าวหลิง เธอไปสู้รอบสอง”
จ้าวหลิงพูดตอบรับเสียงสูง และเดินออกมา
จ้าวหลิงพูดโดยไม่มองเถาสิง “พวกนายใครจะมาสู้”
ฉู่เทียนมองหานเฟิง ศิษย์พี่ใหญ่ก็มองหานเฟิง จากนั้นอาจารย์อี้ชิง ลู่ฝาน อาจารย์เต้ากวง หันไปมองหานเฟิง พาเจ้าดำวิ่งออกมามองหานเฟิงด้วย
หานเฟิงชี้ตัวเองแล้วพูดว่า “ให้ตายเถอะ ผมไปสู้เหรอ เธอเป็นผู้หญิงนะ”
ศิษย์พี่ใหญ่ตบไหล่หานเฟิง แล้วพูดว่า “ถูกต้อง เพราะเป็นผู้หญิง ถึงให้นายไปไง ผู้ชายไม่พูดว่าไม่ได้นะ”
พูดจบ ศิษย์พี่ใหญ่กับฉู่เทียน ร่วมมือกันดันหานเฟิงออกไป