เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 1362
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1362
ลู่ฝานถามว่า “ใคร”
หวูเฉินยิ้มแล้วพูดว่า “นายก็เคยเจอ ไอ้อ้วนตงเจ้าของร้านเหล้าไง”
ลู่ฝานขมวดคิ้วพูดว่า “ฉันจำเป็นต้องฝากตัวเป็นศิษย์เขาเหรอ”
หวูเฉินพยักหน้าพูดว่า “จำเป็นมาก แม้ฉันมีฉายาว่าฝึกทั้งบู๊และชี่ แต่สิ่งที่เข้าใจและสามารถสอนนายได้อย่างแท้จริงคือทักษะของผู้ฝึกชี่ แต่นายเป็นนักบู๊ครึ่งหนึ่ง อีกทั้งดูท่าทางการต่อสู้ของนาย เหมือนนายจะชอบเป็นนักบู๊มากกว่า ดังนั้นนายจำเป็นต้องมีอาจารย์ที่เป็นนักบู๊สักคน ให้เขาสอนทักษะบู๊ แนะนำการเข้าสู่แดน มีอาจารย์ดีๆ คอยช่วยสักคน สามารถลดเวลาไปได้เยอะมาก นายจะได้ไม่ต้องลองผิดลองถูกเยอะด้วย”
ลู่ฝานพูดว่า “อาจารย์คิดว่าเถ้าแก่อ้วนเป็นอาจารย์ที่ดีเหรอ”
หวูเฉินยิ้มแล้วพูดว่า “ใช่ ในใต้หล้านี้ถ้านายอยากเลือกอาจารย์นักบู๊ดีๆ สักคน ฉันคิดว่าไม่มีใครเหมาะสมเท่าเขาแล้ว อีกทั้งตอนนั้นฉันกล่อมให้เขามาเป็นอาจารย์นายไม่ได้ แต่ตอนนี้ฉันแค่เล่าเรื่องนายให้ฟัง เขาคงวิ่งแจ้นมารับนายเป็นศิษย์เลยล่ะ”
ลู่ฝานครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วถามเสียงเบาว่า “อาจารย์ เถ้าแก่อ้วนเป็นใครกันแน่ เขาเคยเป็นขุนพลังสุดเหนือฟ้าเหมือนอาจารย์เหรอ”
หวูเฉินถอนหายใจแล้วพูดว่า “เคยเป็นขุนพลังสุดเหนือฟ้างั้นเหรอ ไม่ใช่ ในใต้หล้านี้ขุนพลังสุดเหนือฟ้าที่ยังมีชีวิตอยู่ส่วนใหญ่ล้วนเป็นเช่นนี้ ต่อไปถ้านายเข้าสู่แดนเซียนบู๊แล้วจะรู้เอง ได้หรือเปล่าล่ะลู่ฝาน”
ลู่ฝานยิ้มแล้วพยักหน้าพูดว่า “อาจารย์พูดขนาดนี้แล้ว ฉันจะพูดอะไรได้อีก แค่เขายอมรับฉันเป็นศิษย์ ฉันยินดีฝึกฝนติดตามเขา”
หวูเฉินหัวเราะร่าแล้วพูดว่า “ติดตามเหรอ ไม่จำเป็นหรอก นายแค่เรียนรู้สิ่งที่มีประโยชน์จากเขาก็พอแล้ว! อ้อ อันที่จริงนายได้เรียนแล้วนิดหน่อยใช่ไหม พอพูดขึ้นมาฉันก็แปลกใจมาก คิดไม่ถึงว่านายฝึกฝนวิชาที่ฝึกยากสุดๆ ได้สำเร็จ ดูเหมือนพวกนายมีวาสนาของครูกับศิษย์จริงๆ”
ลู่ฝานขมวดคิ้วพูด “วิชาเหรอ วิชาไหน”
หวูเฉินพูดช้าๆ ว่า “พลังความเป็นความตายวนเวียน!”
ลู่ฝานตกใจมาก เขาอุทานออกมาด้วยความตกใจว่า “อะไรนะ เถ้าแก่อ้วนคือเทพอักษรในตำนานเหรอ”
หวูเฉินหัวเราะร่าแล้วพูดว่า “ไม่เหมือนเลยสักนิดใช่ไหมล่ะ แต่เขาคือเทพอักษรที่หลายคนพูดถึงจริงๆ คนที่มีความรู้ความสามารถ ท่องไปในใต้หล้า ยอดเยี่ยมทั้งสุราและบทกลอนคือไอ้อ้วนตงจริงๆ!”
ลู่ฝานตะลึงจนอ้าปากค้าง
ในหัวสมองของเขา เทพอักษรควรเป็นชายวัยกลางคนที่รูปหล่องดงาม ชุดขาวดุจหิมะไม่ใช่เหรอ
ให้แย่ยังไงก็ควรเป็นผู้อาวุโสท่าทางเหมือนเทพเซียนสิถึงจะถูก
ทำไมถึง……ทำไมถึงเป็นไอ้อ้วนพุงกลมที่เปื้อนคราบเหล้าเต็มไปหมด
ลู่ฝานรู้สึกว่าการเพ้อฝันของตัวเองแตกสลายไปในพริบตา เรื่องบนโลกช่างโหดเหี้ยม ไม่เหลือจินตนาการให้สักนิด
เทพอักษรผู้ยิ่งใหญ่ สกปรกมอมแมมขนาดนี้
ลู่ฝานคิดว่าถ้าพูดเรื่องนี้ออกไป คนบนโลกไม่รู้ตั้งเท่าไรต้องหดหู่ใจมาก และไม่เชื่อตำนานอีกต่อไป
ลู่ฝานสูดหายใจลึก พยายามระงับความตกตะลึงของตัวเองเอาไว้ พูดด้วยใบหน้ากระตุกว่า “ถ้าเป็นอย่างนี้ ฉันฝึกวิชาของเขาก็เท่ากับเป็นศิษย์เขาแล้วครึ่งหนึ่ง แล้วทำไมตอนเขาเจอฉันถึงไม่พูดกับฉันตรงๆ ล่ะ”
หวูเฉินพูดว่า “เพราะเขายังไม่แน่ใจว่าจะรับนายเป็นศิษย์ ศิษย์คนก่อนของเขาตายอย่างน่าเวทนามาก ในใจเขายังกลัวไม่หาย จนทุกวันนี้ยังไม่กล้ารับศิษย์ กลัวประวัติศาสตร์ซ้ำรอย แต่นายไม่รู้สึกเลยเหรอว่าเขาดูแลนายดีมาก”
ลู่ฝานนึกย้อนไปตอนที่เจอกับไอ้อ้วนตงทุกครั้ง เหมือนเถ้าแก่อ้วนดูแลเขาดีจริงๆ
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องหาเซียนบู๊มาถ่ายทอดทักษะบู๊ให้เขา หนำซ้ำยังช่วยเขาทำให้อู่ชิงเฉิงบาดเจ็บสาหัส กำจัดยอดฝีมือที่อู่ชิงเฉิงพามา สิ่งสำคัญกว่านั้นคือทุกครั้งที่ไปดื่มเหล้าที่ร้านไอ้อ้วนตง เขาไม่เคยเก็บเงินเลย
นี่ใช่ความสัมพันธ์ทั่วไปเหรอ ไอ้อ้วนตรงคงเห็นเขาเป็นศิษย์นานแล้ว แต่แค่ยังลังเลใจเท่านั้นเอง!
ทุกสิ่งชัดเจนแจ่มแจ้ง ลู่ฝานหัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นฉันคงต้องไปฝากตัวเป็นศิษย์อาจารย์คนนี้แล้วล่ะ”
หวูเฉินพูดว่า “อืม ทางที่ดีนายเป็นฝ่ายไปเอง ไอ้หมอนี่รักศักดิ์ศรีมาก ถ้านายทำให้เขาได้หน้า อะไรก็พูดง่าย ถ้าเขาไม่ยอม นายก็เอากระบี่หนักไร้คมให้เขา ให้เขาดูชัดๆ บอกเขาว่านี่คือของของจักรพรรดิอู่ เฮ้อ ฉันดูไม่ออกเลยว่าที่มาของกระบี่หนักไร้คมจะยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ถูกต้องมากที่เก็บกระบี่เล่มนี้มาในตอนนั้น!”
ศิษย์และอาจารย์หัวเราะเบาๆ
ทันใดนั้น มีเสียงเท้าดังขึ้นด้านล่าง
คนยังไม่ทันมาถึง เสียงตะโกนก็ลอยมาแล้ว
“สหายลู่ฝาน ฉันมาเยี่ยมนายอีกแล้ว”
ลู่ฝานได้ยินเสียงก็รู้ว่าเป็นใคร เขายิ้มแล้วพูดว่า “องค์ชายรองฉินฝานมาแล้ว”
หวูเฉินพยักหน้าพูดว่า “80 เปอร์เซ็นต์คือพานายไปวัง ไปกับเขาสิ มีอะไรดีๆ ก็เก็บไว้ ไม่ต้องเกรงใจ!”
ลู่ฝานพยักหน้าพูดว่า “อาจารย์วางใจได้เลย ฉันไม่เกรงใจหรอก!”