เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 1367
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1367
พวกองครักษ์เกราะทองที่อยู่ข้างๆ พากันเงียบกริบ
ฉินซางต้าตี้กระทืบเท้าอยู่ในห้องทรงพระอักษรของวัง ครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วตะโกนว่า “รีบไปบอกให้หลู่เฉิงเซี่ยงมาพบฉัน!”
องครักษ์เกราะทองขานรับเสียงดัง แล้วรีบออกไปทันที
ที่ตระกูลหลู่ หลู่เฉิงเซี่ยงกำลังฟังรายงานจากลูกน้อง เขายิ้มแล้วพูดว่า “นับวันเมืองหลวงยิ่งคึกคักขึ้นเรื่อยๆ ดูเหมือนต่อไปต้องเสนอให้ฝ่าบาทวางด่านไว้ในอุโมงค์ข้ามมิติ ไม่งั้นคนอื่นเข้ามาถึงในเมืองหลวงแล้ว แต่เราเพิ่งจะรู้ข่าว”
หลู่ยินที่รดน้ำดอกไม้อยู่ข้างๆ พูดว่า “ก็ตอนนั้นพ่อเสนอให้ฝ่าบาทเปิดอุโมงค์ข้ามมิติของอู่อานเองนี่นา ตอนนี้รู้สึกว่าไม่ดีแล้วหรือไง”
หลู่เฉิงเซี่ยงกระแอมเบาๆ สองครั้งแล้วพูดว่า “เธอนี่รู้เยอะจริงๆ ไม่คุยกับเธอแล้ว ฉันจะเข้าวังไปพบฝ่าบาท ตอนนี้คงกำลังโกรธอยู่!”
ตำหนักเสินอู่
ธิดาเทพหลับตาสองข้าง นั่งอยู่บนดอกบัวผลึกน้ำแข็ง
จู่ๆ มีน้ำแข็งปรากฏขึ้นด้านหน้า เหมือนกระจกน้ำแข็งลอยกลางอากาศ สะท้อนเงาผู้อาวุโสอยู่ด้านใน
ผู้อาวุโสพูดเบาๆ ว่า “คุณหนู เกิดเรื่องขึ้นครับ จ้าวหมิงหยู่ ศิษย์ของอสูรศักดิ์สิทธิ์แห่งอาณาจักรอสูรซีเหลียงต้องการท้าสู้กับคุณหนู”
ธิดาเทพลืมตาขึ้นช้าๆ เธอยิ้มแล้วพูดว่า “ศิษย์ของอสูรศักดิ์สิทธิ์แห่งอาณาจักรอสูรซีเหลียงเหรอ เราเคยไปอาณาจักรอสูรซีเหลียงไหม”
ผู้อาวุโสพูดว่า “เหมือนยังไม่เคยครับ”
ธิดาเทพพูดอย่างสงสัยว่า “งั้นเขารู้ได้ยังไงว่าเราอยู่ประเทศอู่อาน เขาสะกดรอยตามเรามาเหรอ”
ผู้อาวุโสหัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “คุณหนู เขาคงบังเอิญเจอเราเท่านั้น”
ธิดาเทพพูดว่า “แล้วพละกำลังของเขาเป็นยังไง”
ผู้อาวุโสตอบว่า “เกือบเข้าสู่แดนปราณฟ้า เงาอสูรกลืนพิภพ น่าจะได้รับการถ่ายทอดจากอสูรศักดิ์สิทธิ์ พละกำลังน่าจะไม่ด้อย!”
สายตาธิดาเทพฉายแววประหลาด “งั้นก็ดี งั้นบอกตัวตนของฉันกับเขา และบอกผลการต่อสู้ของฉันให้เขารู้ด้วย บอกเขาว่าฉันมาครั้งนี้ต้องการประลองกับนักบู๊ประเทศอู่อาน ฉันจะไปอาณาจักรอสูรซีเหลียงแน่นอน ดังนั้นตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาประลองกับเขา”
ผู้อาวุโสยิ้มแล้วพูดว่า “คุณหนู เขาไม่ยอมแน่ๆ แล้วยังไงต่อครับ”
ธิดาเทพพูดว่า “จากนั้นนายบอกเขาว่าจะประลองกับฉัน ใช่ว่าจะไม่มีวิธี เอาชนะนักบู๊ประเทศอู่อานให้ได้สิ โดยเฉพาะลู่ฝานอะไรนั่น ถ้าเขาเอาชนะลู่ฝานได้ ฉันจะสู้กับเขา อีกทั้งถ้าเอาชนะฉันได้ เขาสามารถตามฉันกลับประเทศเป่ยเสินด้วย”
ผู้อาวุโสพยักหน้าเบาๆ แล้วพูดเสียงเบาว่า “เข้าใจแล้วครับคุณหนู!”
กระจกน้ำแข็งด้านหน้าหายไป ธิดาเทพยกยิ้มชั่วร้ายมุมปาก
นอกประตูอู่เซิ่ง ผู้อาวุโสมองจ้าวหมิงหยู่ด้วยรอยยิ้มแล้วพูดว่า “คุณชายกลืนพิภพ เชิญทางนี้ ฉันมีเรื่องคุยกับนาย!”
ในเวลาเดียวกันในเจดีย์ยา
หานเฟิง หลิงเหยาและคนอื่นนั่งอยู่ในเจดีย์ขาว พูดคุยกับเซียวเฮ่าและอูลี่คุนอย่างมีความสุข ตักตวงสมุนไพรไม่หยุด
หลิงเหยาถามไม่หยุดว่า “ลู่ฝานเคยเป็นเภสัชกรที่นี่เหรอ”
เซียวเฮ่าพยักหน้าหงึกๆ แล้วพูดว่า “ใช่ ตอนพี่ลู่ฝานเป็นเภสัชกร มีผู้ฝึกชี่จำนวนมากมาให้เขาสอนทุกวัน”
หลิงเหยาพูดด้วยตาเป็นประกายว่า “ที่แท้ลู่ฝานมีพรสวรรค์ด้านการกลั่นยาถึงขนาดนี้เลย!”
หานเฟิงหัวเราะร่าแล้วพูดว่า “ฉันว่าแล้ว ตอนอยู่ที่สถาบันสอนวิชาบู๊ในตอนนั้น ทำไมผู้ฝึกชี่คนนั้นถึงมอบจวนให้เขา คงเป็นเพราะสาเหตุนี้!”
ศิษย์พี่ใหญ่ ฉู่สิงและคนอื่น พากันดูยาสมุนไพรไปทั่ว สมุนไพรแต่ละต้นทำให้แววตาลุกโชน
หลิงเหยามองไปนอกประตูแล้วพูดเบาๆ ว่า “ลู่ฝานเก่งมากจริงๆ หวังว่าครั้งนี้เรื่องที่เขากับอาจารย์เขาทำจะสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี”
ศิษย์พี่ใหญ่และคนอื่นหัวเราะร่า แล้วพูดว่า ถึงตอนนั้นเธอต้องแนะนำพวกเรานะ ให้เราได้เห็นหน่อยว่าอาจารย์ของลู่ฝานคือใคร”
หลิงเหยาพยักหน้าเบาๆ
ชั้น 98 ของเจดีย์ยา
นี่เป็นพื้นที่มิติเก้าสี
พื้นที่ทั้งหมดไร้รูปร่าง ไม่สามารถจับต้องได้ สิ่งที่เห็นคือแสงหลากสีสะดุดตา
แสงเก้าสีล้วนเป็นพลังฟ้าดินทั้งหมด นั่นหมายความว่าที่นี่เต็มไปด้วยพลังฟ้าดินอันบริสุทธิ์ ไม่มีสิ่งอื่นเลย
ลู่ฝานกับหวูเฉินยืนอยู่ในพื้นที่มิติแห่งนี้
หวูเฉินพูดกับลู่ฝานว่า “นายพร้อมหรือยัง”
ลู่ฝานพยักหน้าเบาๆ แล้วพูดว่า “อาจารย์ สมุนไพรที่อาจารย์ให้ฉันเตรียม ฉันเตรียมไว้หมดเรียบร้อยแล้ว”
หวูเฉินพูดว่า “ดีมาก เรามีโอกาสเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ลู่ฝาน นายต้องดูให้ละเอียด ครั้งนี้ถือเป็นประสบการณ์ด้านยาอันยิ่งใหญ่สำหรับนาย นายต้องยืนหยัดต่อไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ห้ามยอมแพ้”
ลู่ฝานพูดอย่างสงสัยว่า “อาจารย์ ทำไมฟังดูเหมือนฉันกลั่นยาล่ะ!”
หวูเฉินยิ้มแล้วพูดว่า “แม้นายไม่ได้เป็นคนกลั่น แต่เชื่อฉันสิ กำลังกายและกำลังใจที่นายต้องเสียไป ไม่น้อยไปกว่าการกลั่นยาหรอก”
ลู่ฝานขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ แล้วขานรับเสียงเบา