เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 1395
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1395
ตำหนักเสินอู่
ธิดาเทพค่อยๆ นั่งลงบนเก้าอี้
บนตัวเธอเต็มไปด้วยเหงื่อ เหมือนเพิ่งขึ้นมาจากน้ำ
หอบหายใจแรง ธิดาเทพโมโหจนตัวสั่น ตอนนี้บนใบหน้างดงาม เต็มไปด้วยความโมโห
“ทุเรศ น่าเกลียด”
ธิดาเทพสะบัดมือทำลายข้าวของข้างๆ
ผู้อาวุโสที่ยืนอยู่ข้างเธอตลอดเวลา พูดเสียงเบาว่า “คุณหนู เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ไม่สามารถเอาอะไรกลับมาได้อีก แพ้ก็แพ้เถอะครับ!”
ธิดาเทพพูดเสียงดังว่า “ฉันรู้ว่าแพ้ นายไม่ต้องมาย้ำ ธิดาเทพแต่ละสมัย คงมีแค่ฉันที่ไม่เอาไหนที่สุด ออกมาท่องใต้หล้าครั้งแรก ยังไม่มีความสำเร็จอะไรเลย ก็พ่ายแพ้ให้นักบู๊กระจอกๆ ของประเทศอู่อาน ถ้าเรื่องนี้รู้ถึงประเทศเป่ยเสิน ประมุขหอเทวาลัยจะมองฉันยังไง พวกคนที่รอหัวเราะเยาะฉันพวกนั้น คงหัวเราะเยาะฉันจนฟันหัก!”
ผู้อาวุโสพยักหน้าพูดว่า “ใช่ ครั้งนี้แพ้ให้นักบู๊กระจอกๆ ของประเทศอู่อาน น่าอับอายมากจริงๆ ถ้าข่าวเรื่องนี้ถูกส่งกลับไป คุณหนูต้องอับอายขายหน้าเป็นอย่างมาก แต่ชนะก็คือชนะ แพ้ก็คือแพ้ ไม่มีเหตุผลและช่วยไม่ได้ คุณหนูอย่าให้การแพ้ชนะครั้งนี้ส่งผลกับจิตใจวิถีบู๊ของตัวเอง”
ธิดาเทพเงยหน้าขึ้น มองผู้อาวุโสด้วยแววตาเศร้า “ฉันล้มเหลวมากใช่ไหม ถึงธิดาเทพแต่ละสมัยแพ้ แต่ก็แพ้ให้กับพวกอัจฉริยะไร้เทียมทานในการแข่งนานาประเทศ แต่ฉันกลับแพ้ให้กับคนกระจอก ถึงเป็นคนกระจอกที่มีพรสวรรค์น่าทึ่งอย่างลู่ฝานก็เถอะ!”
พอธิดาเทพพูดชื่อลู่ฝาน ก็กัดฟันกรอดทันที
ผู้อาวุโสพูดว่า “คุณหนู การแพ้ชนะของนักบู๊เป็นเรื่องปกติ แค่ประลองแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันเท่านั้น อย่างแรกวิทยายุทธไม่เสียหาย อย่างที่สองไม่ถึงแก่ชีวิต อีกอย่างลู่ฝานไม่ใช่คนกระจอก ฉันเคยท่องไปในใต้หล้า เจอนักบู๊นับไม่ถ้วน แต่ยังไม่เคยเจอใครยกระดับอย่างรวดเร็วและดุดันเหมือนลู่ฝานสักคน อีกทั้งวันนี้ดูเหมือนยังใช้เขตวิถีที่เซียนบู๊เท่านั้นถึงจะใช้ได้ออกมาด้วย ถึงเอาชนะคุณหนูได้ภายในครั้งเดียว”
ธิดาเทพแววตาวูบไหวแปลกๆ เธอพึมพำว่า “เขตวิถีเหรอ อันที่จริงกระบวนท่าสุดท้ายที่เขาปล่อยออกมา เหมือนเขตวิถีของเซียนบู๊จริงๆ แต่เขาไม่ใช่นักบู๊แดนปราณฟ้าด้วยซ้ำ จะใช้เขตวิถีได้ยังไง”
ผู้อาวุโสตอบว่า “ใช่ คุณหนูลองคิดดูดีๆ ตั้งแต่เราเห็นลู่ฝานขึ้นเวทีประลองครั้งแรก พละกำลังของเขาพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วหรือเปล่า ตอนสู้กับผู้ฝึกชั่วร้ายอย่างเสอหลิง เขายังใช้วิชาอสูรเข้าสิงอยู่เลย สู้กันแบบทุ่มสุดชีวิต แต่เมื่อเขาสู้กับเทียนชิงหยาง กลับแสดงวิทยายุทธแดนปราณดินชั้นแปดออกมา ไม่จำเป็นต้องใช้วิชาอสูรเข้าสิง สู้จนเทียนชิงหยางที่ใช้วิชาออกมาจนหมดพลังปราณผกผัน ยังไม่ใช่แค่นั้น หลังผ่านไปครึ่งเดือน พอเขากลับมาจากเจดีย์ยา ก็เอาชนะจ้าวหมิงหยู่ ศิษย์ของอสูรศักดิ์ได้ด้วยกระบวนท่าเดียว สุดท้ายยังแสดงทักษะวิชาบู๊ที่เหมือนเขตวิถีออกมา เอาชนะคุณหนูได้อีก”
ผู้อาวุโสชะงักไป แล้วพูดต่อ “เรื่องที่เกิดขึ้นแต่ละเรื่อง ฉันคิดว่าเขาไม่ได้จงใจซ่อนพละกำลังเอาไว้ แต่ทุกครั้งที่เขาผ่านการต่อสู้ครั้งใหญ่ พละกำลังของเขาจะเพิ่มขึ้นมาก เขาเหมือนสัตว์อสูรกลืนกินที่มีความสามารถในการดูดกลืนอันแข็งแกร่ง ดูดกลืนทักษะวิชาบู๊รวมถึงข้อดีต่างๆ ของคนอื่น สุดท้ายกลายเป็นวิชาใหม่ของตัวเอง อย่างเช่นวิชาที่ใช้สายตาชิงวิญญาณของหลินหย่า หรือวิชาเงาลวงตาของเทียนชิงหยาง”
ยิ่งฟังดวงตาธิดาเทพยิ่งเป็นประกาย แต่เธอพูดแบบยังไม่ค่อยเชื่อว่า “บนโลกนี้มีคนที่สู้กับคนอื่น แล้วเรียนรู้วิชาจากอีกฝ่ายได้ด้วยเหรอ”
ผู้อาวุโสครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “มี อริยบุคคลอู๋เซี่ยงในตำนาน เป็นผู้แข็งแกร่งที่กวาดตามองวิชาในใต้หล้าและเอามาเป็นของตัวเอง และยังมีราชาที่สถาปนาประเทศอู่อานในตอนนั้น เป็นนักบู๊ที่มีพรสวรรค์มากมายเช่นกัน เชี่ยวชาญการผสานพลังฟ้าดิน ทักษะวิชาบู๊ที่อาศัยฟ้าดินเป็นพื้นฐาน ไม่มีทักษะไหนที่เขาไม่ชำนาญ เขาเชี่ยวชาญทุกทักษะ!”
ธิดาเทพพูดช้าๆ ว่า “ถ้าเป็นเช่นนี้ ลู่ฝานอาจได้รับการถ่ายทอดบางอย่างที่เก่งกาจหรือเปล่า เขาเลยพัฒนาได้เร็วขนาดนี้”
ผู้อาวุโสไม่พูดอะไร การคาดเดาเอาเอง ไม่ใช่จุดแข็งของเขา ตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าธิดาเทพจะคิดยังไง
ในที่สุดใบหน้าธิดาเทพก็มีรอยยิ้ม “ถ้าอย่างนั้นลู่ฝานก็ไม่ใช่ลูกหลานขุนนางชั้นสูงของประเทศอู่อาน แล้วก็ไม่ใช่ลูกหลานตระกูลวิถีบู๊ ลู่ฝานนักกระบี่แห่งตงหวา ดูจากชื่อก็รู้แล้วว่าเขามาจากเขตตงหวา เขตเล็กๆ ในประเทศอู่อาน คิดไม่ถึงว่าคนที่มาจากสถานที่เล็กๆ แบบนี้จะได้ที่หนึ่งในการแข่งคัดเลือก อีกทั้งยังเหนือกว่าศิษย์หัวกะทิที่ถูกบ่มเพาะจากหอเทวาลัยตั้งแต่เด็กอย่างฉัน ถ้าไม่มีโอกาสและความโชคดีครั้งใหญ่ ฉันไม่มีทางเชื่อ นายว่าบนตัวเขามีอะไรบางอย่างคอยพัฒนาเขาอย่างต่อเนื่องหรือเปล่า”
ผู้อาวุโสครุ่นคิดแล้วพูดว่า “มีโอกาสเป็นไปได้ แต่แค่มีโอกาสเป็นไปได้เท่านั้น คุณหนูไม่ได้คิดจะ……”
ธิดาเทพยิ้มแล้วพูดว่า “สวรรค์ลิขิตโอกาสและโชคชะตา แต่ผู้มีความซื่อสัตย์ถึงจะได้ครอบครองสมบัติล้ำค่า ไม่แน่ความโชคดีของเขาอาจกลายเป็นของฉันก็ได้ นายว่าไหมล่ะ”
ผู้อาวุโสพูดอย่างเข้าใจว่า “คุณหนู ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะไปแจ้งเขา ให้เขาร่วมเดินทางไปกับเราในวันพรุ่งนี้”
ธิดาเทพพยักหน้าเบาๆ มองผู้อาวุโสเดินออกไป
ยกยิ้มร้ายกาจตรงมุมปาก เธอไม่เชื่อว่าวิทยายุทธของลู่ฝานทั้งหมดในตอนนี้ ได้มาจากการฝึกฝนอย่างยากลำบากของเขา
ต้องมีสมบัติล้ำค่าอยู่บนตัวลู่ฝานแน่ๆ
ธิดาเทพมั่นใจในความคิดของตัวเอง เหมือนการทำแบบนี้ทำให้เธอสบายใจขึ้นมานิดหน่อย
เพราะเธอไม่ได้แพ้เพราะลู่ฝาน แต่แพ้เพราะสมบัติบางอย่างในมือลู่ฝานต่างหาก
……