เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 14
“ไอ้น้องชายขยะ ปีนี้นายเตรียมที่จะขายหน้าอย่างไรเหรอ?”
ในขณะที่มีความสุข เสียงที่น่ารำคาญของลู่หมิง และเสียงหัวเราะเยาะของพวกลู่เทียนกังก็ดังมาจากด้านหลัง
ลู่ฝานไม่สนใจที่จะหันไปมอง และยังคงดูการแสดงต่อไป
ลู่เทียนกังตบไหล่ของลู่ฝาน และพูดด้วยเสียงต่ำว่า “ในคืนนี้ นายเตรียมตัวที่จะถูกฉันทุบตีอย่างแรงได้เลย”
ลู่ฝานเงยหน้าขึ้นและเหลือบมองที่ลู่เทียนกัง และพูดอย่างสงบว่า “รอคอยอยู่เสมอ”
“เยาะ อวดดียิ่งนัก โอเค ช่วงค่ำคืนนี้ฉันจะคอยดูว่านายจะคุกเข่าขอความเมตตาจากฉันอย่างไรบ้าง”
หลังจากพูดแล้ว ลู่เทียนกังก็เดินจากไปอย่างรวดเร็ว และคนที่อยู่ข้างๆ เขาต่างก็ซุบซิบ และพูดคุยดูถูกลู่ฝาน
ลู่ฝานไม่ได้พูดอะไร และนั่งอยู่อย่างเงียบๆ
คุกเข่าขอความเมตตางั้นเหรอ? แต่ก่อนเขาก็ไม่เคยทำอยู่แล้ว และตอนนี้ก็ยิ่งจะเป็นไปไม่ได้เลย
ลู่ฝานวางแก้วเหล้าลงอย่างเบาๆ ในดวงตาของลู่ฝานเป็นประกายแสง
ช่วงค่ำคืน กำลังจะมาถึงในไม่ช้านี้
ตระกูลลู่ที่สว่างไสวกำลังจะเข้าสู่ช่วงต้อนรับปีใหม่ที่จะมาถึง
ลู่เฮ่าหรานหัวหน้าตระกูลลู่กำลังนั่งอยู่บนที่นั่งหลักในชุดยาว ถัดไปก็คือลู่เฟิงพ่อของลู่หมิง ลู่หาวพ่อของลู่ฝาน และคุณลุงคุณอาอีกหลายคนที่ลู่หมิงไม่ค่อยได้พบหน้า
การแสดงหยุดลงอย่างช้าๆ และลู่ฝานรู้ว่าช่วงเวลาต่อไปก็คือช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดของเขา
ลู่เฮ่าหรานยกแก้วเหล้าของเขาขึ้นมา ยืนขึ้น และกล่าวว่า “เหล่าลูกศิษย์ของตระกูลลู่ ขอพรจากสวรรค์ฟ้าดิน!”
สมาชิกในตระกูลลู่ยืนขึ้นมาทุกคน และยกแก้วเหล้าขึ้นมา
ลู่เฮ่าหรานกล่าวต่อไปว่า “เริ่มต้นปีใหม่ วิชาบู๊จะคงอยู่ตลอดไป”
หลังจากพูดจบ แก้วเหล้าก็ถูกเทลงพื้น ทุกคนต่างทำตามลู่เฮ่าหรานและเทเหล้าในแก้วลงไปที่พื้น
หลังจากทำทั้งหมดนี้ ลู่เฮ่าหรานก็นั่งลงกลับที่ และโบกมือเพื่อให้เคลื่อนหินศิลาดำที่วางอยู่ข้างหลังเขาออกมา
จากนั้น คุณลุงของลู่ฝานก็เดินออกมา และพูดด้วยเสียงดังว่า “ลูกศิษย์ของตระกูลลู่ทั้งหลาย เริ่มการทดสอบ!”
ด้วยคำสั่ง รุ่นน้อยของตระกูลลู่ต่างพากันลุกขึ้นยืน และต่อมาลู่เฟิงก็เริ่มเรียกชื่อให้ออกมาข้างหน้าทีละคน ลูกศิษย์ของตระกูลลู่ที่ถูกเรียกชื่อนั้น บางคนรู้สึกกระวนกระวาย และบางดูสีหน้าผ่อนคลาย
ด้านบน ลู่เฮ่าหรานคอยดูอยู่อย่างเงียบๆ เมื่อเขาได้เห็นรุ่นน้อยของตระกูลลู่เติบโตขึ้นอย่างแข็งแรง ลู่หห่าวหรันก็รู้สึกมีความสุขอย่างยิ่ง
ลู่หาวซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ เขาคอยมองไปทางลู่ฝานอยู่ตลอดเวลา แม้ว่าการแสดงออกของลู่ฝานจะดูสงบ แต่ลู่หาวก็ยังรู้สึกกังวลยิ่งนัก
“หลู่หาว นายดูเหมือนจะไม่ค่อยสบายนัก”
เสียงของลู่เฮ่าหรานที่ดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน และหันมามองที่ลู่หาว
ลู่หาวกล่าวว่า “รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยจริงๆ”
ลู่เฮ่าหรานกล่าวต่อไปว่า “เป็นเพราะลู่ฝานใช่หรือไม่? นายก็ได้มอบยาเม็ดที่ได้มาอย่างยากลำบากให้เขาไปแล้วไม่ใช่เหรอ?”
ลู่หาวพูดด้วยเสียงหัวเราะที่ขมขื่นว่า “คนที่เป็นพ่อคน สามารถช่วยได้เล็กน้อยก็ต้องช่วย กลัวแค่ว่าผมจะไม่สามารถช่วยเขาได้อีกแล้วในอนาคต”
ในเวลานี้ลู่เฟิงที่อยู่ข้างๆ เขายิ้มและพูดว่า “พี่ชาย พี่ก็ยังใจอ่อนเกินไป ลู่ฝานถ้าไม่ใช่เพราะไม่ขยันในการฝึกฝนและขี้เกียจจนเป็นนิสัย ก็คือเขาขาดพรสวรรค์ โง่เขลาและดื้อรั้น มันไม่ใช่ยาของพี่เพียงเม็ดเดียวก็จะสามารถชดเชยมันได้หรอก”
ลู่หาวขมวดคิ้ว อยากจะโต้กลับ
ในเวลานี้ลู่หาวโบกมือห้ามไม่ให้ทั้งสองคนพูดคุย และพูดว่า “ลูกหลานมีพรของลูกหลานเอง ถ้าเขาทำไม่ได้จริงๆ ออกห่างจากตระกูลก็เป็นเรื่องดีเหมือนกัน อย่างน้อยอยู่ข้างนอกก็จะสามารถใช้ชีวิตแบบธรรมดาได้”
ลู่หาวพยักหน้าเบาๆ และหยุดพูด เขาไม่ได้บอกใครเลยว่า อันที่จริงยาเม็ดนั้นคุณปู่ของเขาเป็นคนมอบให้กับเขาเอง แม้ว่าจะเป็นรางวัลสำหรับการช่วยเหลือของเขาในการช่วยตระกูลแย่งตลาดใหญ่ได้แห่งหนึ่งในครั้งที่แล้ว ลู่หาวรู้ว่าลู่เฮ่าหรานก็คือตั้งใจจะช่วยลู่ฝานเช่นกัน อย่างไรก็ตาม คุณท่านก็ยังคงรักใคร่หลานชายของเขาอยู่ แม้ว่าหลานชายคนนี้ จะไม่ค่อยเอาไหนสักเท่าไหร่ก็ตาม
ด้านล่าง เหล่าลูกศิษย์ของตระกูลลู่ได้รับการทดสอบเกือบเสร็จแล้ว ในเวลานี้ก็มีเสียงร้องดังขึ้นมา
“ลู่เทียนกัง เดินขึ้นไปทดสอบ”
ลู่เทียนกังที่นั่งอยู่ถัดจากลู่หมิงกำหมัดของเขาแน่นและก้าวไปข้างหน้า กล้ามเนื้อของเขาโผล่ขึ้นมาทั้งร่างกาย และต่อยเข้าที่หินศิลาดำอย่างแรง
“แดนฝึกร่างชั้นห้า ระดับกลาง”
บนใบหน้าลู่เทียนกังเต็มไปด้วยความผิดหวัง เขายังไม่ถึงแดนฝึกร่างชั้นหก ผลลัพธ์นี้ค่อนข้างอันตราย แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร เมื่อถึงการแข่งขันในช่วงต่อไป ตัวเองก็แค่เอาชนะคนสองสามคนก็พอแล้ว
ลู่เทียนกังเดินลงมาอย่างช้าๆ และเสียงจากด้านบนก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง
“ลู่หมิง ขึ้นไปทดสอบ”
ทันใดนั้น ทุกคนต่างมุ่งความสนใจไปที่ลู่หมิง ลู่หมิงก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นใจ และทุบหมัดของเขาไปที่หินศิลาดำ
ไฟสว่างขึ้น แม้ว่าจะยังคงอยู่ที่แดนฝึกร่างชั้นแปด แต่ทุกคนก็สามารถเห็นได้ชัดเจนว่ารอยร้าวบนหินศิลาดำนั้นใหญ่กว่ารอยร้าวก่อนหน้าที่อยู่ในจัตุรัสอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าในหนึ่งเดือนที่ผ่านมาลู่หมิงก็ไม่ได้เสียเวลาเปล่าเลย
ด้านบน บนใบหน้าลู่เฟิงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม และยกแก้วของเขาให้ลู่หมิง
ลู่เฮ่าหรานก็ยิ้มขึ้นและกล่าวว่า “การฝึกฝนของลู่หมิงดีขึ้นเรื่อยๆ ลู่เฟิง รอให้ลู่หมิงกลับมาจากสถาบันในปีหน้า คาดว่าน่าจะพัฒนาถึงระดับพลังปราณได้แล้ว เมื่อถึงเวลานั้นอย่าลืมพาเขามาหาฉัน ฉันจะส่งมอบวิชากายทองไฟอาบของตระกูลให้แก่เขา”
รอยยิ้มบนใบหน้าของลู่เฟิงสดใสยิ่งขึ้น เขาโค้งคำนับและพูดว่า “ครับ ท่านพ่อ”
ลู่เฮ่าหรานยิ้มและพยักหน้า ถ้าไม่เกิดเหตุอื่น ลู่หมิงก็น่าจะเป็นทายาทรุ่นที่สามของตระกูลลู่ สิ่งเดียวที่ลู่เฮ่าหรานกังวลก็คือ ลู่หมิงเป็นคนใจร้อนไปเล็กน้อย ท่าทีโอ้อวด หยิ่งทะนงไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ ด้วยนิสัยเช่นนี้ สักวันก็ต้องเจอดีอย่างแน่นอน หวังว่าเขาจะสามารถเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคตเถอะ
ลู่หมิงเดินกลับอย่างรวดเร็ว ลูกศิษย์ของตระกูลลู่ยังคงส่งเสียงเชียร์ สำหรับพวกเขาแล้ว ลู่หมิงก็เป็นแบบอย่างของพวกเขา
“ลู่ฝาน ขึ้นไปทดสอบ”
อีกเสียงตะโกนก็ดังขึ้น และลู่ฝานก็ค่อยๆ ลุกขึ้น
ในที่สุด ช่วงเวลานี้ก็มาถึง
คนรอบข้างหันความสนใจมาที่ลู่ฝาน และทุกคนต่างก็แสดงรอยยิ้มประชดประชัน รอให้ลู่ฝานอับอายขายหน้าอีกครั้ง บางคนถึงกับถอนหายใจและส่ายหัว ไม่อยากดูเลย ในวันนี้ คาดว่ามันจะเป็นการทดสอบครั้งสุดท้ายของลู่ฝานแล้ว หลังจากผ่านวันนี้ไป ไอ้ขยะที่น่าสงสารคนนี้ก็จะถูกปล่อยตัวออกจากตระกูลไปแล้ว ต่อจากนี้ไปก็จะสามารถเป็นได้แค่บทบาทรองในตระกูลแล้วเท่านั้น
ลู่ฝานกำหมัดของเขา ยืนอยู่ข้างหน้าหินศิลาดำ
ลู่ฝานชกด้วยกำลังทั้งหมด ราวกับจะชกต่อยความเจ็บปวดตลอดหลายปีที่ผ่านมาให้พังทลายไปเลย
ด้วยเสียงอู้อี้ แสงของหินศิลาดำก็สว่างขึ้นมา
ตัวอักษรขนาดใหญ่หลายตัวนั้น ทันใดนั้นก็ได้ทำให้หัวใจของทุกคนที่อยู่ในสถานที่หยุดไปชั่วขณะ
“แดนฝึกร่างชั้นหก ระดับกลาง!”