เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 1401
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1401
ประเทศหลิง ดินแดนแห่งภูเขาและสายน้ำที่สวยงาม
ภูเขาเขียวชอุ่ม น้ำใสสะอาด อากาศทั้งสี่ฤดูราวกับฤดูใบไม้ผลิ และมีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน
ประเทศนี้เป็นเมืองในอากาศ ที่ลอยอยู่สูงเหนือท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ไพศาล ไม่มีกำแพงเมือง มีแต่ต้นไม้โบราณที่สูงตระหง่านเสียดฟ้าทอดยาวเป็นแถบ ซึ่งมีภูเขาและแม่น้ำที่สวยงามซ่อนอยู่ภายใน
ด้านนอกเมืองเป็นน้ำตก ที่ไหลลงมาจากบริเวณขอบเขตแดน และไหลทอดยาวลงไป
การไหลลงของน้ำดูเหมือนจะทอดยาวลงไปอย่างไม่รู้จบ ภายในนั้นมีปลาบินหลากหลายชนิดแหวกว่ายน้ำกระโดดไปมามากมาย จนทำให้ลู่ฝานและพวกพ้องที่อยู่ในรถม้านั้น ตกตะลึงกันอย่างที่สุด
ช่างเป็นเมืองหลวงที่มีทิวทัศน์บรรยากาศธรรมชาติที่สวยงามเสียจริง
ลู่ฝานและคนอื่น ๆ ที่ติดตามรถม้าของมหาเสนาบดีหลินมานั้น ได้ลงจากรถม้าที่เขตชายแดนเมือง
เวลานี้ทุกคนมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่า น้ำตกที่ไหลลงมานั้น ได้แบ่งแยกออกเป็นหลายลักษณะ
มีทั้งแบบที่ไหลลงมา ไหลวน และไหลกระจาย
มหาเสนาบดีหลินหันหลังไปมองลู่ฝานและคนอื่น ๆ อย่างยิ้มแย้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า: “แขกทุกท่าน ในเมืองไม่สะดวกที่จะขับเคลื่อนรถม้า ขอเชิญขึ้นไปบนเรือของฉันเถอะ! ”
ลู่ฝานและคนอื่น ๆ จ้องหน้าสบตากัน แล้วก็พยักหน้า
ธิดาเทพเก็บรถม้าขึ้น แล้วทุกคนก็กระโดดขึ้นไปบนเรือของมหาเสนาบดีหลิน
เรือใหญ่ได้แล่นตามกระแสน้ำเข้าไปในเมืองอย่างช้า ๆ เวลานี้บนท้องฟ้า เต็มไปด้วยผู้คนของประเทศหลิงที่กำลังเหาะเหินโบยบินอยู่ราวกับผีเสื้อ
พวกเขาตัวเบาอย่างที่สุด และมองไปยังลู่ฝานกับพวกพ้องอย่างตกตะลึง ราวกับว่ามองเห็นอสูรสัตว์ประหลาดอย่างไรอย่างนั้น
“พวกเขาเป็นใครกัน? คนพวกนี้มาจากที่ไหน”
“ไม่รู้สิ พวกเขามีรูปร่างหน้าตาที่แปลกประหลาดเสียจริง”
ลู่ฝานเองก็เป็นผู้ที่ดึงดูดสายตาของทุกคนให้มาจับจ้องอยู่บ่อยครั้ง แต่วันนี้กลับเป็นครั้งแรกที่รู้สึกได้ว่ากำลังถูกผู้คนมองว่าเป็นอสูรร้าย
ลู่ฝานยิ้ม และพูดขึ้นว่า: “เกรงว่าพวกเขาคงยากที่จะเข้าใจ ว่าทำไมพวกเราถึงไม่มีปีก! ”
มหาเสนาบดีหลินหันมายิ้มและพูดว่า: “ถูกต้อง ผู้คนในประเทศหลิง พบเห็นคนจากประเทศอื่นน้อยครั้งมาก คุณชาย ฉันเห็นว่าดวงตาของนายไม่เหมือนผลึกน้ำแข็ง น่าจะไม่ใช่คนของประเทศเป่ยเสินล่ะสิ! ”
ลู่ฝานยกมือแสดงความเคารพและตอบกลับว่า: “ฉันชื่อลู่ฝาน เป็นคนของประเทศอู่อาน! ”
มหาเสนาบดีหลินมีสีหน้าที่แปลกไป ยิ้มและพูดขึ้นว่า: “ที่จริงแล้วก็คือคุณชายลู่แห่งประเทศอู่อานนั่นเอง ต้องขออภัยด้วย ถ้าอย่างนั้นคุณชายลู่ ก็คงจะเป็นองค์ชายแห่งประเทศอู่อานล่ะสิ! ”
ลู่ฝานยิ้มและตอบกลับว่า: “ฉันก็แค่ทหารนักบู๊คนหนึ่งเท่านั้น”
มหาเสนาบดีหลินคิดว่าลู่ฝานก็แค่ถ่อมตัว แต่เวลานี้ธิดาเทพกลับยิ้มและพูดขึ้นว่า: “คุณชายลู่ฝานไม่ใช่องค์ชายของประเทศอู่อานจริง ๆ เขาคือขุนนางระดับป๋อขั้นที่หนึ่งคนใหม่แห่งประเทศอู่อาน”
มหาเสนาบดีหลินขมวดคิ้วขึ้น เมื่อได้ยินว่าลู่ฝานเป็นแค่ขุนนางระดับป๋อขั้นที่หนึ่งเท่านั้น ดวงตาก็พลันแฝงไปด้วยความดูถูกขึ้นมาเล็กน้อย
มหาเสนาบดีหลินหันหน้ามองไปที่ธิดาเทพ พร้อมกับยิ้มและพูดขึ้นว่า: “อย่างนั้นก็คงจะร่วมเดินทางมาพร้อมกับธิดาเทพเพื่อเปิดประสบการณ์มองดูโลกทรรศน์ใหม่ ๆ ล่ะสิ ธิดาเทพ การเดินทางมาในครั้งนี้ ก็เพื่อจะมาทำการประลองยุทธคัดเลือกใช่ไหม? ”
ธิดาเทพพยักหน้าและพูดว่า: “ถูกต้อง คิดว่ามหาเสนาบดีหลิน ก็คงจะรู้ดีอยู่แล้วว่า ธิดาเทพในสมัยก่อนจะต้องท่องตระเวนไปในใต้หล้า เพื่อแสวงหาคู่พรหมลิขิต”
มหาเสนาบดีหลินหัวเราะและพูดขึ้นว่า: “เข้าใจ ฉันเข้าใจดี ที่จริงแล้ว ฉันเองก็เคยต้อนรับธิดาเทพมาหลายรุ่นหลายยุคสมัยแล้ว”
คำพูดของมหาเสนาบดีหลิน กลับทำให้ลู่ฝาน ธิดาเทพและคนอื่น ๆ พากันตกตะลึงเล็กน้อย
ไม่ถึงว่าคนผู้นี้จะเคยต้อนรับธิดาเทพมาหลายยุคสมัยแล้ว ถ้าอย่างนั้นอายุของคนผู้นี้ ก็คงจะต้องเกินหลักร้อยแล้วเป็นแน่
มหาเสนาบดีหลินอมยิ้มโดยที่ไม่ได้พูดอะไรอีก ธิดาเทพเองก็ไม่ได้สอบถามอะไรมาก ทุกคนต่างก็มองดูวิวทิวทัศน์ของเมืองท้องฟ้ากันอย่างสงบ
แน่นอนว่า เมืองหลวงของประเทศหลิงนี้ มีความสวยงามอย่างมาก ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับเมืองหลวงของประเทศอู่อานแล้ว เมืองท้องฟ้าแห่งนี้ ถึงแม้จะมีความยิ่งใหญ่และโออ่าที่เทียบไม่ได้ แต่ความสวยงามของธรรมชาตินั้นเหนือกว่าอย่างแน่นอน
มิต้องพูดถึงประชาชนของประเทศหลิงที่เหาะเหินโบยบินราวกับผีเสื้อ เพียงแค่มองดูบ้านพักอาศัยบริเวณโดยรอบที่ล้วนสร้างขึ้นมาด้วยต้นไม้ดอกไม้ ก็ถือเป็นความพิเศษแปลกใหม่ในอีกลักษณะหนึ่งแล้ว
เป็นครั้งแรกที่ลู่ฝานได้พบเห็น ดอกไม้ดอกหนึ่ง ก็สามารถทำเป็นบ้านพักอาศัยได้
แน่นอนว่า ดอกไม้ใหญ่ดอกนั้น ก็มีขนาดที่เทียบเท่าได้กับบ้านหลังหนึ่งเลยทีเดียว
เมื่อเจ้าของบ้านยังไม่กลับมาถึง กลีบดอกไม้ก็หุบปิดลง เมื่อเจ้าของบ้านกลับมาแล้ว ก็เบ่งบานสะพรั่ง ทันใดนั้นก็พบเห็นข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันแต่ละชนิดที่ทำขึ้นมาจากดอกไม้ทั้งหมด
นอกจากนี้ยังมีคนที่อาศัยอยู่ท่ามกลางต้นไม้ โดยสร้างขึ้นในบริเวณริมน้ำ และรากต้นไม้ฝังอยู่ในน้ำ
เมื่อเรือของมหาเสนาบดีหลินแล่นผ่านมา ต้นไม้นั้นก็เก็บรากขึ้น แล้วเคลื่อนตัวถอยหลังไป
บนต้นไม้ คนกลุ่มหนึ่งมองทะลุผ่านโพรงต้นไม้ เห็นพวกลู่ฝาน แล้วก็วิพากษณ์วิจารณ์กันขึ้น โดยต่างก็กำลังวิพากษณ์วิจารณ์กันว่า พวกเขามาจากที่ไหน
ต้นไม้ใหญ่สูงเสียดฟ้า กิ่งเถาวัลย์ผูกมัดติดกัน ผู้คนที่เหาะเหินในอากาศเหนื่อยแล้ว ก็สามารถที่จะพักผ่อนอยู่บนกิ่งเถาวัลย์ระหว่างต้นไม้เหล่านั้นได้
ลู่ฝานมองดูอยู่ตั้งนาน ก็ไม่เห็นว่าคนในประเทศหลิงจะมีวัสดุเหล็ก หรือเนื้อที่ปรุงสุกแล้วแต่อย่างใด
คนเหล่านี้ เหมือนว่าจะกินแต่พวกต้นหญ้าและกลีบดอกไม้ รวมไปถึงผลไม้ที่มีสีสันสวยงาม แต่ลู่ฝานเรียกชื่อไม่ถูก ขณะที่กำลังกินผลไม้กินนั้น ก็ยังส่งเสียงตะโกนที่ไม่น่าฟังออกมาด้วย
“ช่างเป็นประเทศที่น่าแปลกน่าอัศจรรย์เสียจริง”
ลู่ฝานแอบพูดสรุปสภาพของประเทศนี้อยู่ในใจ
ไม่นานนัก เรือก็แล่นไหลตามกระแสน้ำ มาถึงที่บริเวณใต้ภูเขาสูงแห่งหนึ่ง
ภูเขามีสีเขียว มีต้นไม้ปกคลุมไปหมด ต้นดอกแดงเบ่งบานสะพรั่ง
ต้นดอกแดงที่เต็มไปทั่วทั้งภูเขานั้น ได้ก่อตัวรวมกันขึ้นเป็นคำว่าประเทศหลิง
มหาเสนาบดีหลินได้พูดอธิบายให้กับธิดาเทพฟังว่า: “ธิดาเทพ นี่คือเขาเทพที่มีชื่อเสียงของพวกเราประเทศหลิง บนยอดสูงสุดของเขาเทพนั้น ก็คือพระราชวังของพวกเราประเทศหลิง”
ธิดาเทพยิ้มและพูดว่า: “ได้ยินมาว่าบนเขาเทพมีดอกไม้เทพสามสี ที่อยู่ยงคงกระพัน คือดอกไม้สีแดง ที่เพิ่มวิทยายุทธ ดอกไม้สีฟ้า ที่เพิ่มอายุขัย และดอกไม้สีม่วง ที่กระตุ้นการไหลเวียนของเส้นลมปราณ ไม่ทราบว่าเรื่องนี้เป็นความจริงหรือไม่? ”
มหาเสนาบดีหลินชี้ไปยังดอกไม้สีแดงบนเขาเทพนั้นและพูดว่า: “ธิดาเทพ นั่นคือดอกไม้เทพสามสีของพวกเราประเทศหลิง ตอนนี้คือช่วงเวลาที่ดอกไม้สีแดงกำลังเบ่งบาน เมื่อท่านไปถึงพระราชวัง จะถวายมงกุฎดอกไม้เทพสามสีให้กับท่านแน่นอน ซึ่งนั่นคือมงกุฎที่ใช้กลีบของดอกไม้สามสีถักร้อยขึ้น! ”
ธิดาเทพยิ้มแย้มดีใจ ผู้หญิง ก็ต้องรักสวยรักงานเป็นธรรมดาอยู่แล้ว