เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 1415
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1415
บริเวณโดยรอบของแท่นสูง ต่างเงียบกริบไปกันหมด
ราวกับว่าตกใจในวิทยายุทธอันแกร่งกล้าของธิดาเทพ ผ่านไปสักพักหนึ่ง ก็ยังคงไม่มีนักบู๊ประเทศหลิงคนใดขึ้นไปบนสังเวียนเลย
รอไปอีกสักพักใหญ่ ในที่สุดก็มีคนหนึ่งเหาะขึ้นมาบนสังเวียน
นักบู๊ของประเทศหลิงคนนี้ ใส่เสื้อเกราะอ่อน บนใบหน้ามีรอยแผลเป็น มือถือกระบี่ไม้ และพูดขึ้นว่า: “ฉันคือซือหลาง ธิดาเทพ เชิญ! ”
พูดยังไม่ทันจะจบ ร่างกายของซือหลางก็ปลดปล่อยพลังปราณออกมาก่อนแล้ว
วิทยายุทธระดับแดนปราณชีวิตชั้นสุดยอด ดูเหมือนว่าจะพอใช้ได้ แต่สำหรับธิดาเทพแล้วก็แค่นั้นแหละ
แต่นักบู๊ประเทศหลิงที่อยู่บริเวณโดยรอบ กลับเริ่มพากันอุทานโห่ร้องไม่หยุด
เหมือนว่าซือหลางผู้นี้ จะค่อนข้างมีชื่อเสียงในประเทศหลิงอยู่บ้าง ผู้คนที่มามุงดูจำนวนไม่น้อย ต่างก็ตะโกนเรียกชื่อของซือหลางกันยกใหญ่ และยังมีหญิงสาวของประเทศหลิงที่หน้าตาสวยงามอีกไม่น้อย ที่กรีดร้องดังจนสลบไป แล้วก็ร่วงตกจากอากาศลงไปสู่ทะเลสาบด้านล่างในทันที
ในที่สุดลู่ฝานก็รู้ได้ว่า ทำไมภายในเมืองท้องฟ้า ถึงได้มีแม่น้ำที่กว้างขวางเต็มไปหมด ซึ่งอาจจะเป็นวิธีการรับรองช่วยเหลือชีวิตของประชาชนอีกอย่างหนึ่งด้วย
เหมือนว่าซือหลางได้เรียนรู้ถึงบทเรียนจากคนก่อนหน้านี้แล้ว เมื่อขึ้นมาบนสังเวียน ก็รีบโจมตีใส่ธิดาเทพในทันที
ร่างกายพลิ้วไหวราวกับสายลม และเริ่มใช้กระบี่ฟาดฟันใส่ธิดาเทพอย่างดุเดือด
ลู่ฝานมองดูการเคลื่อนไหวของซือหลาง ด้วยความงุนงง
เขามองว่า ทักษะวิชาบู๊ของซือหลาง มันช่างย่ำแย่อย่างน่าประหลาดใจ
วิทยายุทธแดนปราณชีวิตชั้นสุดยอด หากพูดกันตามหลักทั่วไปแล้ว ก็ถือว่าไม่เลวเลย แม้ว่าภายในประเทศอู่อาน ก็ไม่ถือว่าย่ำแย่นัก
ตอนนั้นที่ลู่ฝานเพิ่งจะเข้ามาที่เมืองหลวง ก็มีวิทยายุทธระดับนี้
แต่หากว่าซือหลางที่อยู่เบื้องหน้านี้ประลองยุทธกับลู่ฝานในตอนนั้น ทั้งที่สองคนมีวิทยายุทธเท่าเทียมกัน ลู่ฝานกลับรู้สึกว่า ตนเองในตอนนั้นใช้เพียงแค่มือข้างเดียวก็สามารถเอาชนะเขาลงได้
เหตุผลง่ายมาก เพราะทักษะวิชาบู๊ของซือหลางกระจอกเกินไป คาดว่าแม้แต่ระดับดินก็ยังไม่ถึง อย่างมากที่สุดก็คงจะแค่ทักษะวิชาบู๊ระดับคนชั้นสูง
ส่วนลู่ฝานในตอนนั้น ไม่รู้ว่าได้ฝึกฝนทักษะวิชาบู๊ระดับดินมากี่กระบวนท่าแล้ว
นักบู๊ลำพังแค่มีวิทยายุทธนั้นมันไม่เพียงพอหรอก ทักษะวิชาบู๊ก็มีความสำคัญมากด้วยเช่นกัน
แต่ในประเทศหลิง ลู่ฝานยังไม่เห็นว่าจะมีใครที่ใช้ทักษะวิชาบู๊ได้อย่างยอดเยี่ยมเลย
เมื่อวานตอนที่ปะทะกับนักบู๊ปีกเงิน นักบู๊ปีกทองนั้น ลู่ฝานก็รู้สึกว่า ฝ่ายตรงข้ามมักจะอาศัยแต่ความเร็วของตนเอง บุกเข้าโจมตีอย่างสุดกำลัง
อะไรที่เรียกว่าทักษะแรงสั่นสะเทือน แรงกวัดแกว่ง แรงกระเพื่อมซ้อนเหล่านี้ ไม่มีให้เห็นเลย
หรือว่า ระดับทักษะวิชาบู๊ของนักบู๊ประเทศหลิงจะต่ำต้อยมาก?
ในขณะที่หัวสมองของลู่ฝานกำลังนึกคิดถึงเรื่องที่วุ่นวายเหล่านี้อยู่นั้น ก็พลันมีเสียงตะโกนของอีกคนหนึ่งดังผ่านมาที่ข้างหู
ขุนนางฝ่ายบู๊หลายคนของประเทศหลิง เห็นว่าซือหลางใช้กระบี่ทิ่มแทงออกไปหลายสิบกระบวนท่าอย่างรวดเร็ว ก็ตะโกนชื่นชมขึ้น: “ดีมาก วิชากระบี่นี้ช่างล้ำเลิศเป็นที่สุด! ”
“วิชากระบี่ที่ยอดเยี่ยมนี้ คิดไม่ถึงว่าเด็กหนุ่มรุ่นหลังจะเป็นผู้ที่ใช้มัน ประเทศหลิงของพวกเรามีผู้สืบทอดวิชานี้ต่อแล้ว”
ลู่ฝานไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรจริง ๆ หลิงเหยากระซิบพูดขึ้นว่า: “ลู่ฝาน วิชากระบี่นี้ถือว่ายอดเยี่ยมแล้วเหรอ? ทำไมฉันถึงไม่รู้สึกอย่างนั้นเลยล่ะ”
ลู่ฝานจับมือของหลิงเหยา และส่ายศีรษะเบา ๆ ส่งสัญญาณบอกกับเธอว่าไม่ต้องพูดอะไร
บนแท่นสูง ธิดาเทพมองดูซือหลางที่ใช้วิชากระบี่อยู่ข้างกายเธออย่างไม่หยุดนั้นด้วยความสงบนิ่ง แล้วก็ค่อย ๆ ยกมือขึ้นมา
เหมือนว่าซือหลางจะไม่สังเกตเห็นโดยเขาได้ใช้วิชากระบี่ติดต่อกันนับร้อยกระบวนท่าแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถทำอันตรายอะไรธิดาเทพได้แม้แต่ชายเสื้อเลย
ทั้ง ๆ ที่ธิดาเทพยืนอยู่ตรงนั้นโดยที่ไม่ได้เคลื่อนไหวไปไหน แต่กลับสามารถหลบหลีกแต่ละกระบวนท่ากระบี่ของเขาได้อย่างน่าแปลกใจ
ทุกคนในสถานที่แห่งนี้ ที่สามารถมองดูได้อย่างเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นนั้น มีเพียงแค่ไม่กี่คน
ลู่ฝานคือหนึ่งในนั้น ด้วยพลังสายตาของเขาแล้ว สามารถมองเห็นได้ว่าที่จริงแล้วธิดาเทพได้ใช้ความรวดเร็ว หลบหลีกทุกกระบวนท่ากระบี่ของซือหลาง
เพียงแต่การเคลื่อนไหวของเธอนั้นรวดเร็วมาก ในระดับที่เกินกว่านักบู๊ทั่วไปจะสามารถใช้สายตาจ้องมองได้ ดังนั้นจึงเห็นว่าเหมือนจะไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรเลย