เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 1419
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1419
เปลวไฟดำลุกโชน เจ้าดำกระพือปีกสองข้าง ทะเลเพลิงก็ลุกท่วมไปทั่ว
ทหารที่ไล่ตามนั้นก็ถอยร่นออกมาทันที ทางลู่ฝานก็ได้ตะโกนเสียงดังว่า: พวกเราไม่ได้จี้จับตัวฝ่าบาทของพวกนายสักหน่อย หล่อนยังไม่ตาย ฉันก็แค่รักษาอาการบาดเจ็บให้กับหล่อน พวกนายหยุดลงมือกันก่อนได้ไหม! ”
เสียงของลู่ฝานดังสนั่นอย่างมาก เสียงตะโกนดังราวกับฟ้าร้อง
แต่วินาทีต่อมา ราชาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ก็ใช้เสียงตะโกนที่ดังยิ่งกว่าพูดขึ้นว่า: “อย่าไปเชื่อคำพูดโกหกของเขา เขากำลังยืดเยื้อเวลาอยู่ บุกเข้าไป! ทุกคนตามฉันมา! ”
ราชาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์นำทุกคนบุกโจมตีเข้าใส่ลู่ฝาน กระบี่ของลู่ฝานเมื่อครู่ไม่เพียงแต่จะทำร้ายร่างกายของเขาเท่านั้น ที่สำคัญกว่านั้นคือ ยังเป็นการตบหน้าของเขาอย่างรุนแรงอีกด้วย
ราชาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังโกรธแค้นสุดขีด ดวงตากระพริบเจตนาสังหารอย่างน่าครั่นคร้าม พลังปราณทั้งหมดในร่างกายแปรเปลี่ยนเป็นลำแสงที่สว้างจ้า พุ่งสังหารตรงเข้าใส่ลู่ฝาน
ต้องพูดเลยว่า มีปีกเพิ่มขึ้นคู่หนึ่งนั้น ในด้านความเร็วแล้ว มันช่างเพิ่มความรวดเร็วขึ้นได้ไม่น้อยเลย
เมื่อราชาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์พูดจบ ก็พุ่งกระโจนมาถึงด้านหน้าของลู่ฝาน
แขนขวาแปรเปลี่ยนเป็นดาบไม้ในทันที แล้วฟันลงไปที่ศีรษะของลู่ฝาน
ลู่ฝานชูกระบี่หนักไร้คมขึ้น พลังความเป็นความตายวนเวียน ครั้งที่สาม เปลี่ยนเทพมาร!
ปราณชี่พุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ปราณกระบี่ที่ไร้รูปร่าง ได้แผ่ซ่านออกจากด้านบนของกระบี่หนักไร้คม
ช่วงอากาศธาตุสั่นสะเทือนจนเกิดระลอกคลื่น บริเวณที่พัดผ่าน ไม่มีจุดใดที่สมบูรณ์เลย โดยเจ้าดำที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าก็ยังตกใจกลัวพลังที่แกร่งกล้าของลู่ฝาน จนเงาร่างหยุดชะงักลงไปชั่วขณะ
ปังงง!
อาวุธของทั้งสองคนกระทบกัน ดาบไม้ยักษ์ในมือของราชาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ก็เริ่มแตกร้าวขึ้นทีละน้อย
โดยอาวุธที่เปลี่ยนแปลงขึ้นมาอย่างอัศจรรย์นั้น จะไปเทียบเท่ากับอาวุธวิเศษที่แท้จริงได้อย่างไร
นี่เองที่เป็นเหตุผลว่าทำไม นักบู๊ทั้งหมด ที่ไม่ว่าจะแข็งแกร่งมากเพียงใด ก็จำเป็นต้องมีอาวุธวิเศษประจำกาย
อาวุธวิเศษหนึ่งชิ้น ไม่เพียงแต่จะนำมาซึ่งความมั่นใจเท่านั้น ยังจะเป็นการเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับทักษะวิชาบู๊อย่างมากด้วย
นักบู๊ของประเทศหลิงที่จู่โจมมาจากรอบด้านนั้น ทั้งหมดได้กลายเป็นสายฝนสีเลือดร่วงตกลงมากันทีละคน
ราชาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ส่งเสียงตะโกนออกไป เส้นเอ็นบนหน้าผากผุดขึ้นอย่างเด่นชัด เลือดสูบฉีดอย่างหนักจนใบหน้าแดงก่ำไปหมดแล้ว
เขาคิดไม่ถึงอย่างมากว่า ลู่ฝานที่ยังหนุ่มขนาดนี้จะมีวิทยายุทธที่แข็งแกร่งเหนือกว่าตัวเขาอีก ทั้งสองคนประจัญหน้าต่อสู้กันอย่างดุเดือด โดยเขาได้ใช้พลังทั้งหมดอย่างเต็มที่แล้ว แต่ก็ยังถูกลู่ฝานควบคุมกดทับเอาไว้ได้อย่างอยู่หมัด
พลังในร่างกายของลู่ฝานที่หนักแน่นเข้มแข็งดุจดั่งภูเขานี้ ได้ฟาดฟันทำลายพลังปราณทั้งหมดในร่างกายของราชาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์จนแหลกสลาย ทันใดนั้น ก็เกิดเสียงระเบิดตูมตามดังขึ้น แล้วราชาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ก็กระเด็นลอยไปไกลเพราะแรงระเบิดของพลังปราณนั้น
พลังกระบี่ของลู่ฝาน ได้ทำลายกวาดล้างช่วงอากาศธาตุโดยรอบไปไกลกว่าร้อยวา แต่พวกนักบู๊ของประเทศหลิงนั้น ก็ยังคงบุกโจมตีกันเข้ามาอย่างกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก
ชูอาวุธขึ้น และตะโกนสังหารเสียงดัง เมื่อลู่ฝานเห็นภาพเหตุการณ์นี้แล้ว ก็ตะโกนเสียงดังขึ้นต่อ แต่ในครั้งนี้ เสียงตะโกนของเขานั้น กลับถูกกลบมิดด้วยเสียงร้องตะโกนสังหาร
ลู่ฝานจำใจทำอะไรไม่ได้ จึงต้องกระทืบเท้าอย่างหนักอีกครั้ง และพูดเสียงดังว่า: “รีบหนีเร็ว และนำฝ่าบาทประเทศหลิงมาไว้ที่ตรงด้านหน้า! ”
สิบสามได้ยินดังนั้นก็ยกตัวของธิดาเทพขึ้นสูงอย่างไม่ลังเล สำหรับนักฆ่าอย่างเขานั้น ความรู้สึกสงสารเอ็นดูแบบนี้ มันไม่เคยเกิดขึ้นจริงมาก่อน
ฝ่าบาทสาวน้อยราวกับเป็นธงผืนหนึ่ง ปรากฏขึ้นในสายตาของทุกคน
นักบู๊ที่กำลังจู่โจมกันเข้ามาทั้งหมดนั้น ก็ไม่กล้าที่จะใช้ค่ายกลสังหารจากระยะไกลอีกแล้ว
อีกฝั่งหนึ่ง
เงาร่างของธิดาเทพร่วงตกลงมาจากท้องฟ้า ราวกับว่าวที่เส้นเชือกขาดอย่างไรอย่างนั้น
ผลึกน้ำแข็งแตกสลาย ชายชราข้างกายธิดาเทพนั้น ก็มีเลือดออกมาที่มุมปาก พลิกคว่ำตกลงมาบนพื้น ดวงตาแดงก่ำไปทั้งหมด
ต้นไม้ยักษ์ก็ยังคงเป็นปกติ ด้านบนยอดไม้นั้น กิ่งไม้ในมือของซงเหวินก็กลายเป็นผุยผงลอยไปในอากาศ
“ฉันพูดแล้วว่า พวกเธอไม่ใช่คู่ต่อกรของฉัน”
น้ำเสียงสงบนิ่งราวกับน้ำ ดวงตาเย็นชาอย่างกับน้ำแข็ง แล้วซงเหวินก็ค่อย ๆ หักกิ่งไม้อีกกิ่งหนึ่งที่อยู่ด้านข้าง และชี้ตรงมาที่พวกธิดาเทพทั้งสองคน
“เป็นตาเฒ่าที่แข็งแกร่งไม่เบาเลย”
ธิดาเทพกัดฟันพูดขึ้น
เมื่อพูดจบ ซงเหวินก็แกว่งมือ ลำสงดวงหนึ่งปรากฏขึ้นในอากาศ จากนั้นก็กลายเป็นเสาแสงตกลงมาบนพื้น