เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 143
จางเยว่หานและคนอื่นยังยืนอยู่ที่เดิม จนกระทั่งคนข้างๆ ดึงปลายเสื้อเธอ จางเยว่หานจึงตั้งสติได้
คนคณะบังเหินมาอย่างรวดเร็ว แต่ไปเร็วยิ่งกว่า เหมือนมีผีไล่ตามหลังพวกเขาอย่างไรอย่างนั้น หายลับไปจากสายตาอย่างรวดเร็ว
ลู่ฝานมองเสื้อผ้าที่โดนทำลายของตัวเอง ขมวดคิ้วขึ้นมาเบาๆ เหมือนเขามีเสื้อผ้าให้เปลี่ยนไม่มากเท่าไรแล้ว
ศิษย์พี่หานเฟิงหัวเราะเสียงดัง เดินเข้ามาตบไหล่ลู่ฝาน
“ศิษย์น้องลู่ฝาน นายเจ๋งจริงๆ ครั้งนี้คณะบังเหิน แพ้จนสภาพน่าเวทนาเช่นนี้ ฉันจะดูสิว่ายังมีคณะไหนกล้ามาฝึกฝีมือกับคณะหนึ่งเดียวของเราอีก จะเอาให้ตายเลย”
หานเฟิงหัวเราะพลางเหวี่ยงหมัดไปมา
ฉู่เทียนก็หัวเราะ แล้วพูดว่า “ดูเหมือนครั้งนี้ หลินฉีจะเข้าร่วมการสู้จัดอันดับของสถาบันไม่ได้แล้ว วิชาดาบที่เขาใช้เมื่อครู่ พลานุภาพรุนแรง แต่ฝืนใช้พลังปราณออกมา ร่างกายต้องบาดเจ็บ กลับไปครั้งนี้ หลินฉีคงเสียใจไปจนตาย”
หานเฟิงโบกมือไปมา แล้วพูดว่า “ใครสนใจเขากันล่ะ”
ทันใดนั้น หานเฟิงโอบคอลู่ฝาน แล้วพูดเบาๆ ว่า “ศิษย์น้องลู่ฝาน นายต้องบอกพี่ ว่านายฝึกวิชาหนึ่งเดียวสำเร็จได้ยังไง”
ลู่ฝานยิ้มแหยแล้วพูดว่า “ศิษย์พี่หานเฟิง ผมก็ไม่รู้ว่าฝึกสำเร็จได้ยังไง เพราะได้เจอกับช่วงเป็นตายของชีวิตครั้งหนึ่ง จึงฝึกสำเร็จเลย”
หานเฟิงเลิกคิ้วขึ้น แล้วพูดว่า “เจอกับช่วงเป็นตายของชีวิต แล้วฝึกได้งั้นเหรอ”
ลู่ฝานกะพริบตา พยักหน้าพูดว่า “ผมฝึกได้เพราะแบบนี้แหละ”
ศิษย์พี่หานเฟิงมีแววตาเข้าใจ ตบไหล่ลู่ฝานเบาๆ อีกครั้ง
ลู่ฝานยิ้มแห้ง เขาบอกศิษย์พี่หานเฟิงไม่ได้ ว่าในตัวเขามีปราณชี่ที่เกิดจากการรวมตัวของพลังปราณกับพลังชี่
อาจารย์อี้ชิงรอยยิ้มเต็มใบหน้า “ลู่ฝาน นายทำได้ดีมาก ดูเหมือนการต่อสู้จัดอันดับสถาบัน ในปีนี้ คณะหนึ่งเดียวของเรา คงเข้าร่วมได้เหมือนกัน”
อาจารย์เต้ากวงยืนกลอกตามองบนอยู่ข้างๆ ไม่พูดอะไร ศิษย์พี่ใหญ่ลูบท้อง แล้วพูดว่า “ต้องเข้าร่วมเหรอครับ ผมไม่อยากลงมือเลย การต่อสู้เป็นเรื่องที่เหนื่อยมาก ทำให้ไขมันลดลง”
หานเฟิงพูดเสียงดังว่า “ศิษย์พี่ใหญ่ มีศิษย์น้องลู่ฝานอยู่ ศิษย์พี่ใหญ่คงไม่ต้องลงมือ คณะหนึ่งเดียวของเรามีนักเรียนห้าคนครบพอดี พี่รวมอยู่ในจำนวนก็พอแล้ว”
ศิษย์พี่ใหญ่คิดครู่หนึ่ง เขายังคงลังเล
หานเฟิงหันไปมองเจ้าดำ แล้วพูดว่า “ศิษย์พี่ใหญ่ รอให้พวกเราไปสู้กับคณะอื่น เจ้าดำจะต้องไปด้วย มันเป็นสัตว์อสูรของศิษย์น้องลู่ฝาน เป็นกำลังเสริมใหญ่ พี่จะอยู่ที่คณะกับอาจารย์เต้ากวง กินอาหารป่า กินเนื้อย่างหรือเปล่า”
ศิษย์พี่ใหญ่กับอาจารย์เต้ากวงมองหน้ากัน
อาจารย์เต้ากวงกระแอม แล้วพูดว่า “การต่อสู้ของคณะ เป็นเรื่องใหญ่ของสถาบันสอนวิชาบู๊ คนเป็นอาจารย์ต้องไปกับพวกนายด้วย”
ศิษย์พี่หานเฟิงหัวเราะ มองศิษย์พี่ใหญ่แล้วพูดว่า “งั้นศิษย์พี่ใหญ่อยู่คณะคนเดียวเหรอ”
ศิษย์พี่ใหญ่สีหน้าไม่สู้ดี ทันใดนั้น เขาถอนหายใจแล้วพูดว่า “จากประหยัดมาฟุ่มเฟือยนั้นง่าย จากฟุ่มเฟือยมาประหยัดนั้นยาก กินอาหารฝีมือเจ้าดำจนชินแล้ว นายจะให้ฉันแทะหัวไชเท้าเขียวเหรอ ช่างเถอะๆ ไปกับพวกนายละกัน คณะหนึ่งเดียวของเรา ควรจะได้อันดับรายชื่อดีสักหน่อย”
ฉู่สิงหัวเราะ แล้วพูดว่า “ขนาดศิษย์พี่ใหญ่ยังเข้าร่วมด้วย ครั้งนี้อันดับรายชื่อมั่นคงแล้ว ในเมื่อต้องเตรียมตัว งั้น พรุ่งนี้เราไปเขาวิพากษ์กันดีกว่า จะได้ซื้ออาวุธมาด้วย”
ฉู่เทียนพยักหน้าข้างๆ อาวุธของพวกเขาสองคนพังแล้ว ใช้กระบี่ธรรมดาของคณะหนึ่งเดียว สู้นักบู๊ทั่วไปพอได้ แต่ถ้าจะใช้สู้ในการจัดอันดับของสถาบัน ต้องซื้อของดีสักหน่อย
ศิษย์พี่ใหญ่โบกมือไปมา แล้วพูดว่า “ตามใจพวกนาย พวกนายไม่ต้องซื้อให้ฉัน ไขมันทั้งตัวฉันเหมือนอาวุธวิเศษแล้ว”
ศิษย์พี่ใหญ่ตบพุงตัวเอง เตรียมจะเดินกลับไปพักผ่อนที่ห้อง
ในหนึ่งวัน อย่างน้อยเขาหลับไปสิบกว่าชั่วโมง ขนาดลู่ฝานยังไม่รู้ว่าผลการฝึกตนของศิษย์พี่ใหญ่ฝึกมาได้อย่างไร
ตอนนี้หานเฟิงกับฉู่สิงเดินกลับไปเอาของในห้องตัวเอง อย่างน้อยพวกเขาก็มีทรัพย์สินที่ตระกูลให้ไว้ แล้วยังไม่ได้ใช้ ไปเขาวิพากษ์ครั้งนี้ ต้องเอาไปด้วย
อาจารย์อี้ชิงเรียกลู่ฝานเอาไว้ “ลู่ฝาน นายตามฉันมา”
ลู่ฝานเดินตามอาจารย์อี้ชิงออกไปข้างนอก อาจารย์เต้ากวงรีบตามไปเช่นกัน
ทั้งสามเดินออกจากคณะหนึ่งเดียว มาถึงในป่า
ลมพัดปะทะหน้า ต้นไม้สะบัดปลิวไปมา แสงส่องผ่านช่องว่างใบไม้ ลงมาบนหน้าลู่ฝาน
เดินคดเคี้ยวเลี้ยวลดไปตามทางเล็กๆ จนถึงสถานที่ที่เกือบมองไม่เห็นคณะหนึ่งเดียว อาจารย์อี้ชิงชะงักฝีเท้าลง
ด้านหน้ามีต้นไม้สูงเสียดฟ้าต้นหนึ่ง สูงประมาณสามร้อยกว่าเมตร ลำต้นใหญ่มาก ประมาณหลายสิบคนโอบ รากต้นไม้ยืดยาวไปบริเวณรอบๆ ใบไม้ราวกับเมฆสีเขียว ปกคลุมไปทั่ว
ใต้ต้นไม้มีสุสานเครื่องทรง ข้างๆ มีอาวุธผุพังปักไว้สองเล่ม เป็นดาบหนึ่งเล่มและกระบี่หนึ่งเล่ม มันผุพังตามกาลเวลา ที่ผ่านมายาวนาน
อาจารย์อี้ชิงเดินเข้าไป ทำความเคารพสุสาน จากนั้นพูดกับลู่ฝานว่า “ลู่ฝาน นายมาจับอาวุธสองเล่มนี้”
แม้ลู่ฝานไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ก็ทำตามที่อาจารย์อี้ชิงบอก เดินเข้าไปจับอาวุธเอาไว้
ต่อมา ลู่ฝานรู้สึกว่าปราณชี่ในตัว เคลื่อนไหวอย่างไม่สามารถควบคุมได้