เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 148
“ต่างกันมาก ต่างกันมาก!”
หานเฟิงร้องโอดครวญออกมา
เสียงของเขาเรียกความสนใจของนักเรียนคณะอื่นที่เดินผ่านมา กลุ่มคนมองหานเฟิง เหมือนมองคนโง่ สายตากำลังบ่งบอกว่า คนคนนี้ประสาท
ลู่ฝานกลืนน้ำลาย ความแตกต่างระหว่างคณะมันมากขนาดนี้เลยเหรอ แล้วความแตกต่างระหว่างนักเรียน จะต่างจนโอเวอร์เลยหรือเปล่า
ลู่ฝานฟังถึงตรงนี้ ก็สงสัยว่าตัวเองเลือกคณะผิดหรือเปล่า
เมื่อเทียบกับอย่างนี้ แตกต่างเหมือนเล้าหมูกับพระราชวังจริงๆ
มิน่าล่ะ ตอนคนคณะบังเหินมาหา เห็นคณะหนึ่งเดียวถึงพูดออกมาว่าเล้าหมู
เขาพูดความจริงนิ!
ทั้งสี่คนถอนหายใจออกมาพร้อมกัน แล้วเดินขึ้นไปเรื่อยๆ
ไม่นาน เดินมาถึงยอดเขา ภาพตรงหน้ากว้างใหญ่
เมื่อถึงที่นี่ เห็นความหรูหราของเขาวิพากษ์อย่างชัดเจน ร้านน้ำชา ร้านเหล้าเป็นแถบ เห็นแล้วไม่ธรรมดามาก
ศิษย์พี่ฉู่เทียนชะงักฝีเท้าลง แล้วพูดว่า “หานเฟิง นายพาศิษย์น้องลู่ฝาน ไปเดินเล่นรอบๆ ฉันจะไปซื้ออาวุธกับฉู่สิงก่อน พรุ่งนี้เราเจอกันที่ตีนเขา”
หานเฟิงยิ้มแล้วพูดว่า “ได้เลย ศิษย์น้องลู่ฝาน มาๆ เดี๋ยวฉันพานายไปที่ดีๆ ก่อน นายชอบฟังเพลงไหม ฉันรู้จักที่ฟังเพลงดีๆ สาวสวยของคณะสงบใจชอบขึ้นไปร้องเพลงบนเวทีบ่อยๆ เราไปฟังกันเถอะ”
ลู่ฝานไม่อยากไป เขาแค่อยากเดินเล่นรอบๆ สัมผัสความหรูหราของเขาวิพากษ์ ทำไมต้องฟังเพลงอะไรนั่นด้วย
แต่หานเฟิงไม่ให้เขาได้พูด ลากเขาเดินไปทันที
เห็นแววตาเหมือนหมาป่าหิวโหยของศิษย์พี่หานเฟิง ลู่ฝานกลืนคำที่จะพูดลงไปทันที ตอนนี้ถึงเป็นมารหรือเทพ ก็ไม่สามารถขัดขวางศิษย์พี่หานเฟิงได้
เลี้ยวมาบนถนนกว้าง หานเฟิงพาลู่ฝาน มาหน้าประตูอาคารแห่งหนึ่ง
เห็นได้ชัดว่าเจ้าของอาคารนี้หรูหราฟุ่มเฟือยมาก ข้างหน้าวางนกหงส์หยกขาวคู่หนึ่ง เหมือนจริงมาก
ป้ายด้านบนตึก มีตัวอักษรขนาดใหญ่ “หงส์วอนรัก!”
ศิษย์พี่หานเฟิงเกี่ยวแขนลู่ฝานมาหน้าประตู ยังไม่ทันเข้าไป ก็โดนผู้หญิงคนหนึ่งขวางไว้
“ค่าเข้าสามเหรียญทอง”
หานเฟิงหยุดลง แล้วพูดว่า “ให้ตายเถอะ ครั้งก่อนแค่เหรียญทองเดียว ทำไม่ถึงขึ้นล่ะ คณะสงบใจของพวกเธออย่าเอาแต่ได้สิ ไม่มีกฎเกณฑ์หรือไง”
ผู้หญิงกลอกตามองบน แล้วพูดว่า “ครั้งก่อนคือครั้งก่อน ครั้งนี้มีศิษย์น้องหลิงเหยาบรรเลงเพลง เก็บสามเหรียญทองให้นายได้ฟังเพลง นับว่ามีสิทธิพิเศษมากแล้ว คำพูดของนายเมื่อกี้ ฉันควรไล่นายออกไปซะ”
ลู่ฝานพึมพำว่า “หลิงเหยา เหมือนเคยได้ยินชื่อนี้”
หานเฟิงตาเป็นประกาย “นายรู้จักเหรอ”
ลู่ฝานครุ่นคิดอย่างละเอียด ในที่สุดก็คิดออก “อ้อ ผู้หญิงที่เลือกคณะสงบใจ ผมนึกออกแล้ว เป็นนักเรียนใหม่ที่ต่อสู้ได้สิบอันดับแรกเหมือนผม”
ผู้หญิงมองลู่ฝานอย่างประเมิน “นายก็เป็นนักเรียนใหม่สิบอันดับแรกเหรอ งั้นก็ได้ เห็นแก่นาย เก็บนายคนละสองเหรียญทองก็ได้”
ศิษย์พี่หานเฟิงดึงเสื้อลู่ฝาน “ลู่ฝาน ผู้หญิงคนนั้นสวยไหม”
ลู่ฝานพยักหน้า “สวยมาก”
ศิษย์พี่หานเฟิงหัวเราะออกมา ล้วงมือเข้าไปตรงเป้า หยิบเหรียญทองออกมาสี่เหรียญ ยื่นให้ผู้หญิงหน้าประตู “สวยก็ดี สี่เหรียญทองก็สี่เหรียญทอง”
ผู้หญิงเห็นหานเฟิง หยิบเหรียญทองออกมาจากตรงนั้น จึงโกรธจนหน้าแดง เธอไม่รับมันมา
หานเฟิงยัดเข้าไปในมือเธอ ทำให้ผู้หญิงกรีดร้องออกมา พลังปราณบนตัวเธอ ถูกปล่อยออกมา
ลู่ฝานเห็นท่าไม่ดี รีบดึงศิษย์พี่หานเฟิงเข้าไปด้านใน
ยังดีที่ทั้งสองคนว่องไว พุ่งไปเหมือนควัน ผู้หญิงกระทืบเท้าโมโหอยู่หน้าประตู ปาเหรียญทองสี่เหรียญลงพื้นอย่างแรง
เมื่อเข้ามาในอาคาร หานเฟิงไม่พูดพร่ำทำเพลง วิ่งขึ้นไปบนอาคารทันที
เพิ่งขึ้นมาถึงชั้นสาม ลู่ฝานได้ยินเสียงอันไพเราะ ลอยมาเบาๆ
เสียงพิณจีนดังไพเราะชัดเจน
เสียงเหมือนธรรมชาติ เหมือนความฝัน
ลู่ฝานชะงักฝีเท้า มองไปด้านใน อาคารขนาดใหญ่ ดูเรียบง่ายและสวยงาม มีโต๊ะชา เรียงตามลำดับ ภาพสาวงามบนกำแพง เต็มไปด้วยเสน่ห์
ตอนนี้คนนั่งเต็มชั้นสาม ไม่ไกล หญิงคนหนึ่งกำลังดีดพิณ นิ้วเรียวขาว ตาเป็นประกายงดงาม ดีดสายพิณเหมือนดีดใจ
“สายลมพัดมาเมื่อคืน ฝนร่วงโปรยปราย พิงประตูมองไปนอกหน้าต่าง คนที่ลุ่มหลงในความรักยืนอยู่กลางสายฝน ใครร้องเพลง เสียงดังตามทำนอง จิตใจหญิงสาวตั้งเท่าไร นิมิตยุทธจักรตั้งเท่าไร”
ลู่ฝานฟังจนเคลิ้มทันที ยืนมองผู้หญิงดีดพิณอยู่ที่เดิม
ถูกต้อง เธอคือหลิงเหยาแห่งคณะสงบใจ
หานเฟิงยืนอยู่อีกด้าน ตกอยู่ในสภาวะเคลิบเคลิ้ม
มองหลิงเหยาแล้วน้ำลายไหล ไม่ใช่เขาเพียงคนเดียว คนทั้งชั้นสามที่เป็นเหมือนเขา มีอยู่นับไม่ถ้วน
ลู่ฝานหลับตาลง ฟังเงียบๆ ตอนนี้จิตใจเขาสงบลง
พลังฟ้าดินบริเวณรอบๆ หยุดลง ลู่ฝานจมอยู่ในแดนอัศจรรย์