เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 151
หานเฟิงเชิดหน้าขึ้น ด้วยใบหน้ารักความยุติธรรม เดินขึ้นมาไม่กี่ก้าว เหมือนนิ้วจะทิ่มรูจมูกเหลิ่งหาน
“เหลิ่งหาน ก่อนหน้านี้ นายเพิ่งทำชั่วกับศิษย์น้องหญิงของคณะบังเหิน วันนี้นายจะมาทำชั่วใส่ศิษย์น้องคณะสงบใจอีกแล้วเหรอ ให้ตายเถอะ นายไม่ได้เปิดสถาบันสอนวิชาบู๊นะ”
หลิงเหยาได้ยินคำพูดของหานเฟิง มองเหลิ่งหานอย่างตกใจ แล้วรีบเว้นระยะห่างกับเหลิ่งหาน
เยียนหรานที่อยู่ข้างเธอ หน้าซีดเผือด แววตาวูบไหว
นักเรียนรอบๆ ไม่พูดอะไรสักคำ ดูสีหน้าพวกเขา ไม่ค่อยตกใจเท่าไร เหมือนมีคนรู้อยู่ไม่น้อยเลย
สายตาเหลิ่งหานเหมือนมีด ถ้าเขาฝึกจนสามารถปล่อยพลังปราณ ออกจากตาได้ ตอนนี้หานเฟิงคงโดนฟันเป็นชิ้นๆ แล้ว
เหลิ่งหานพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “อะไรที่เรียกว่าทำชั่ว นายพูดมาให้ชัดเจน”
ตอนพูดออกมา บนตัวเหลิ่งหาน มีพลังปราณออกมาเบาๆ พลังปราณที่รวมตัวกัน กับแสงสว่างที่กะพริบในฝ่ามือ ทำให้ลู่ฝานขมวดคิ้ว
พลังปราณของหมอนี่ แข็งแกร่งกว่าหลินฉี งั้นแสดงว่าเขาคือนักบู๊ปราณนอก
ลู่ฝานเดินขึ้นมายืนหลังหานเฟิง เขารู้ว่าความสามารถศิษย์พี่หานเฟิงไม่แย่ แต่กันไว้ดีกว่าแก้ เขาต้องจับตาดูเอาไว้
หานเฟิงส่งเสียงหึแล้วพูดว่า “ได้แล้วทิ้ง ทำลายความบริสุทธิ์คนอื่น เรียกว่าทำชั่วไหม หลายปีมานี้ นายทำเรื่องชั่วน้อยหรือไง ให้ฉันเตือนสตินายหน่อยไหม”
เหลิ่งหานดึงกระบี่ออกมา เป็นกระบี่ที่ก่อตัวจากพลังปราณ มีความทนทานเหมือนกระบี่ที่สร้างจากเหล็กกล้า อีกทั้งดูมีพลานุภาพกว่าด้วย
ลายกระบี่เต็มไปหมด ดูแกร่งกล้ามาก เหลิ่งหานพูดออกมาว่า “ศิษย์น้องท่านนี้ นายสร้างข่าวลือแบบนี้ ทำให้ฉันโมโหมาก นายเป็นนักเรียนคณะไหน ถึงกล้าอวดดีแบบนี้ ไม่กลัวฉันทำให้นายไสหัวออกไปจากสถาบันสอนวิชาบู๊หรือไง”
หานเฟิงไม่กลัวกระบี่ด้านหน้าสักนิด แคะขี้หู เหมือนคำพูดของเหลิ่งหานไร้สาระ
หานเฟิงพูดช้าๆ ว่า “ฉัน หานเฟิงแห่งคณะหนึ่งเดียว ถ้านายมีความสามารถจริง ก็ทำให้ฉันออกจากสถาบันจริงๆ สิ ถ้าทำไม่ได้ นายมันก็แค่ไอ้พวกผู้หญิง”
เมื่อพูดออกมา นักเรียนหญิงในที่นี้ต่างมีสีหน้าลำบากใจ สายตาจ้องไปที่หานเฟิงอย่างโหดเหี้ยม
หานเฟิงยังยิ้มอย่างได้ใจ ไม่รู้เลยว่าคำพูดของเขา ทำลายการมาหาความรักของเขาในวันนี้แล้ว
เหลิ่งหานได้ยินคำว่าคณะหนึ่งเดียว เขาอึ้งไปก่อน จากนั้นหัวเราะออกมา
“ฮ่าๆๆ คณะหนึ่งเดียว ที่แท้เป็นสวะคณะหนึ่งเดียวนี่เอง ฉันว่าแล้ว จะมีนักเรียนสมองไม่ปกติคณะไหน มาพูดใส่ร้ายฉัน ที่แท้ก็คณะหนึ่งเดียวนี่เอง”
นักเรียนคณะอื่น พากันหัวเราะตาม
ลู่ฝานขมวดคิ้วเบาๆ ดูเหมือนศิษย์คณะหนึ่งเดียว ในสายตานักเรียนทุกคน คงไม่ใช่แค่ชื่อไม่ดีอย่างเดียวแล้วล่ะ
เหลิ่งหานยิ้มเย้ยหยัน จากนั้นเก็บพลังปราณ “ฉันไม่ถือสาเอาความสวะเพียงคนเดียวหรอก นั่นจะทำให้ฉันลดระดับลงไปเหมือนนาย สวะคณะหนึ่งเดียว รีบไสหัวไปซะ อย่าให้ฉันลงมือ”
เหลิ่งหานชี้หานเฟิง แล้วหันไปพูดกับหลิงเหยา “แม่นางหลิงเหยา เธอคงไม่เชื่อคำพูดของคนปัญญาอ่อนแห่งคณะหนึ่งเดียวเพียงแค่คนเดียวหรอกนะ”
เยียนหรานก็พูดว่า “ใช่ ศิษย์น้องหลิงเหยา คณะหนึ่งเดียวที่อยู่ในลำดับเก้า นักเรียนที่นั่นสมองมีปัญหาทั้งนั้น อย่าไปเชื่อพวกเขา”
หลิงเหยาขมวดคิ้ว แล้วพูดว่า “แต่ศิษย์พี่ คณะสงบใจของเรา ก็อยู่ในลำดับแปดเองนะ ไม่ได้ดีไปกว่าคณะหนึ่งเดียวเท่าไรหรอก”
เยียนหรานอึ้งไป พูดอะไรไม่ออกสักคำ
ทันใดนั้น หานเฟิงกวาดตามองทุกคน พูดเสียงดังว่า “หัวเราะบ้าบออะไร มีปัญญาก็เข้ามาสู้กับฉัน ลำดับคณะสูงหรือต่ำ เกี่ยวข้องอะไรกับพละกำลัง คนปัญญาอ่อนแบบพวกนาย ฉันใช้แค่มือเดียว พวกนายยังเอาชนะฉันไม่ได้เลย”
ลู่ฝานถอนหายใจออกมา เอาเถอะ ศิษย์พี่หานเฟิง เริ่มสร้างความเกลียดชังอีกแล้ว
สายตานักเรียนรอบๆ ที่มองหานเฟิง ดูไม่เป็นมิตรทันที เหลิ่งหานพูดว่า “นายสมองมีปัญหาจริงๆ นั่นแหละ”
จู่ๆ เหลิ่งหานหันมาชี้นักเรียนคนหนึ่ง “อี้ว์หวา นายมาสู้กับศิษย์น้องคณะหนึ่งเดียวคนนี้ สักสองกระบวนท่าสิ ให้เขารู้ว่าทำไมคณะหนึ่งเดียวถึงอยู่อันดับต่ำขนาดนั้น”
นักเรียนที่โดนเรียกชื่อเดินออกมา กำหมัดพูดว่า “ศิษย์พี่เหลิ่งหาน วางใจเถอะ ผมจะทำให้เขารู้ความเก่งกาจของคณะหยินหยาง ไอ้หนุ่ม กล้าออกไปประลองกับฉันสักสองกระบวนท่าหรือเปล่า ที่นี่ประลองไม่ได้”
หานเฟิงส่งเสียงหึ แล้วพูดว่า “นายเนี่ยนะ อยากจะประลองกับฉัน นายคิดมากไปแล้ว ศิษย์น้องลู่ฝาน สู้กับพวกเขาหน่อยสิ”
ลู่ฝานอึ้งไป หันมามองหานเฟิงอย่างประหลาด พูดเบาๆ ว่า “ศิษย์พี่หานเฟิง ทำไมพี่ไม่ไปสู้เอง”
ศิษย์พี่หานเฟิงหัวเราะคิกคัก แล้วพูดว่า “ศิษย์น้องหานเฟิง ฉันบาดเจ็บอยู่ไง พละกำลังนายแข็งแกร่ง ช่วยฉันกระทืบพวกเขาหน่อย ให้พวกเขารู้ความเก่งกาจของคณะหนึ่งเดียว พอจบเรื่องแล้ว ฉันจะได้รับคำชมจากพวกนักเรียนหญิงด้วย รอให้ฉันจัดการเรื่องใหญ่ในชีวิตเสร็จ ฉันจะช่วยนายหาสาวงามแน่นอน เป็นไง”
ลู่ฝานมองหานเฟิงอย่างดูหมิ่น ไม่มีท่าทีจะเข้าไป
ศิษย์พี่หานเฟิงพูดเบาๆ ว่า “ศิษย์น้องลู่ฝาน นายทำให้ฉันต้องโดนพวกพี่กระทืบ จนเกือบตาย เรื่องนี้นายจะไม่ช่วยหน่อยเหรอ ก็ได้ งั้นฉันไปเองก็ได้ ถ้าพวกเขาทำฉันตาย อย่าลืมเก็บศพฉันด้วย”
พูดพลาง หานเฟิงกำลังจะเดินออกไป ด้วยสีหน้าเหมือนจะไม่กลับมา