เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 1520
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1520
ลู่ฝานรู้สึกว่าตัวเองทนดูต่อไปไม่ได้อีกแล้ว เขารีบเดินเข้ามาแล้วพูดว่า “ผู้อาวุโสไป๋ โปรดเมตตาด้วย!”
ไป๋หยินหันมามองลู่ฝาน แล้วหันไปมองหั่วตันซู “ลู่ฝาน คนคนนี้ก็เป็นเศษขยะบนเขาเหมือนกัน นายจัดการเถอะ!”
พูดจบ ตัวของไป๋หยินหายไปพร้อมสายลม ผู้อาวุโสคนอื่นตำหนิหั่วตันซูแล้วพากันเดินออกไป
ลู่ฝานกับหลิงเหยาประคองหั่วตันซูขึ้นมาแล้วพูดว่า “หัวหน้าเก้า ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย”
หั่วตันซูหน้าซีดเผือด หอบหายใจพูดว่า “ลู่ฝาน ตาเฒ่าไป๋……ผู้อาวุโสไป๋เป็นคนดูแลนายแล้วเหรอ”
ลู่ฝานพยักหน้าเบาๆ ใบหน้าหั่วตันซูกระตุกอีกหลายครั้ง
“เฮ้อ ช่างเถอะ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ช่วยไม่ได้ นายอยู่กับผู้อาวุโสไป๋ต้องฝึกฝนเร็วขึ้นแน่นอน คนมุ่งเดินสู่ที่สูง เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว ฉันไปละ ลู่ฝานนายต้องมาหาฉันบ่อยๆ นะ ถือว่าเราเป็นเพื่อนกันแล้วใช่ไหม!”
ลู่ฝานพยักหน้าพูดว่า “ใช่เพื่อนกันอยู่แล้ว”
ระหว่างพูด ลู่ฝานประคองหั่วตันซูเดินลงเขาช้าๆ
ลู่ฝานรู้สึกถึงความปั่นป่วนในตัวหั่วตันซู เห็นได้ชัดว่าบาดเจ็บสาหัส
พาหั่วตันซูลงมาถึงล่างเขาเทียนนู่ หั่วตันซูดันมือลู่ฝานออกแล้วพูดว่า “ทำให้เต็มที่เถอะ เขาให้นายทำงานอะไรล่ะ”
ลู่ฝานยกไม้กวาดที่มือซ้ายแล้วพูดว่า “กวาดขยะ!”
หั่วตันซูสีหน้าเหยเกทันที เขาเงียบอยู่นานแล้วถอนหายใจออกมา จากนั้นค่อยๆ เดินออกไป
ด้านหลังเขาดูอ้างว้าง ลู่ฝานก็ไม่รู้จะพูดอะไรดี
หลิงเหยาพูดว่า “ลู่ฝาน เหมือนหั่วตันซูอยากเป็นเพื่อนกับนายจริงๆ นะ!”
ลู่ฝานยิ้มแล้วพูดว่า “คงงั้นมั้ง แต่น่าเสียดาย ฉันคงไม่ค่อยได้พูดคุยกับเขาแล้ว เพราะฉันยังมีเรื่องต้องทำ”
ลู่ฝานเงยหน้ามองไปยังยอดเขาเทียนนู่ แววตาดุดันขึ้นเรื่อยๆ……
ในเวลาเดียวกัน ภายในตำหนักประชุมหารือของตระกูลหั่ว
ผู้อาวุโสห้ามองลูกหลานตระกูลจินที่อยู่ตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม แต่นัยน์ตากลับมีความเย็นชา
ผู้อาวุโสห้ายกแก้วชาขึ้นมาจิบเบาๆ แล้วพูดว่า “จินเซ่าเหยียน นายมาเป็นตัวแทนตระกูลจิน ต้องแสดงความจริงใจหน่อยสิ ทำไมมาถึงก็ขอประลองกับตระกูลหั่วของเราเลยล่ะ”
จินเซ่าเหยียนยิ้มแล้วพูดว่า “ผู้อาวุโสหั่ว ตระกูลส่งฉันมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้วิชายา ประลองวิทยายุทธกับตระกูลผู้อาวุโส ฉันเป็นคนเปิดเผยพูดตรงๆ ใกล้ถึงการต่อสู้ห้าปีแล้ว ห้าตระกูลใหญ่ตระกูลไหนไม่ฮึกเหิมบ้างล่ะ เตรียมส่งลูกหลานอายุน้อยที่แข็งแกร่งสุดในตระกูลออกมาสู้ตัดสินกันแล้ว ตระกูลจินของเราก็เช่นกัน คิดว่าตระกูลของผู้อาวุโสก็ไม่ต่างกัน ด้วยเหตุนี้เจ้าบ้านจึงส่งฉันมาดู แน่นอนว่าไม่ใช่ฉันแค่คนเดียว ยังมีตระกูลอื่นด้วย”
รอยยิ้มบนใบหน้าผู้อาวุโสห้าค่อยๆ หายไป “บางคำพูดถ้าพูดตรงประเด็นเกินไปก็หมดสนุก”
จินเซ่าเหยียนหัวเราะแล้วพูดว่า “ฉันเป็นคนพูดไม่ค่อยเก่ง ไม่ว่ายังไงก็โดนผู้อาวุโสหั่วดูออกอยู่ดี สู้ฉันพูดออกมาตรงๆ ดีกว่า แบบนี้ดูได้ใจกว่าเยอะ!”
รอยยิ้มบนใบหน้าจินเซ่าเหยียนดูมีความได้ใจ เหมือนชื่นชมการกระทำของตัวเองมาก
ผู้อาวุโสห้าแอบแสยะยิ้มกับการแสดงออกของเขา
ตระกูลจินส่งคนอายุน้อยที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำมาลองเชิง นี่ดูถูกตระกูลหั่วของเขาอย่างนั้นเหรอ
ในใจผู้อาวุโสห้ารู้สึกโมโหเล็กน้อย แต่ไม่ได้แสดงออกมาภายนอก
ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ผู้อาวุโสห้าพูดว่า “เอางี้แล้วกัน อีกสามวัน ฉันให้หั่วหลงชิ่งประลองกับพวกนายเป็นไง”
จินเซ่าเหยียนพูดว่า “แบบนี้ยิ่งดี แต่ฉันได้ยินข่าวลือบอกว่าลูกหลานอายุน้อยที่แข็งแกร่งสุดของตระกูลหั่ว ไม่น่าใช่หั่วหลงชิ่งใช่ไหม”
ผู้อาวุโสห้าโบกมือไปมาพูดว่า “แค่ข่าวลือเท่านั้น อีกสามวันฉันจะสร้างสนามบนเขาเทียนนู่ เพื่อให้พวกนายประลองกัน ถึงตอนนั้นคนตระกูลหั่วจะไปชมด้วย!”
พวกจินเซ่าเหยียนหน้าตาสดใสขึ้นมาทันที ยืดหลังตรงแล้วพูดว่า “งั้นขอบคุณผู้อาวุโสหั่วมาก”
พวกจินเซ่าเหยียนลุกขึ้นแล้วเดินออกจากตำหนัก
ผู้อาวุโสห้าวางแก้วชาลงแล้วส่งเสียงหึเบาๆ “จะมาเหิมเกริมในตระกูลหั่วของฉัน ต้องดูว่าพวกนายมีความสามารถหรือเปล่า!”