เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 1524
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1524
ผู้อาวุโสทั้งสองคนส่ายหน้าช้าๆ ผู้อาวุโสสามพูดว่า “ระยะนี้ผู้อาวุโสห้าเป็นคนจัดการดูแล นายเป็นคนประกาศเถอะ!”
ผู้อาวุโสห้าพยักหน้า มองรอบๆ แล้วพูดเสียงกังวานว่า “คิดว่าทุกคนคงรู้กันหมดแล้ว วันนี้เป็นวันประลองระหว่างลูกหลานตระกูลจินแห่งสวรรค์ชั้นสองกับลูกหลานตระกูลหั่วของฉัน เพื่อความสงบสุขระหว่างตระกูลจินกับตระกูลหั่ว และมิตรภาพที่มีมายาวนาน ตระกูลจินตั้งใจส่งคุณชายจินเซ่าเหยียนและพวกมาก่อนการต่อสู้ห้าปี เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเรา นี่สามารถพิสูจน์มิตรภาพของเราสองตระกูลได้แล้ว”
ผู้อาวุโสห้ามองจินเซ่าเหยียนด้วยรอยยิ้ม จินเซ่าเหยียนรีบเอามือขวาวางไว้ตรงหน้าอกแล้วคำนับเบาๆ ให้คนรอบๆ
ผู้อาวุโสห้าพูดต่อ “วันนี้ตระกูลเราส่งพวกหั่วหลงจู้ออกมาประลอง ทั้งสองฝ่ายสู้พอเป็นพิธี อย่าทำลายมิตรภาพ”
ลูกหลานตระกูลหั่วที่อยู่รอบๆ ตะโกนเสียงสูง ในเวลาเดียวกันกลุ่มคนหลีกทาง หั่วหลงจู้และผู้ฝึกชี่ตระกูลหั่ว ทั้งสี่คนปรากฏตัวออกมา
วินาทีที่จินเซ่าเหยียนเห็นหั่วหลงจู้ แววตาเขาดุดันขึ้นทันที
เมื่อสบตากัน แอบเห็นว่าพลังฟ้าดินรอบตัวเริ่มแยกเป็นสองด้าน และปะทะกันอย่างต่อเนื่อง
ผู้อาวุโสห้ามองทั้งสองฝ่ายอย่างเฉยเมย แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “โอเค ขอไม่พูดอะไรไร้สาระ เริ่มการประลองเลย คุณชายจินเซ่าเหยียนเป็นแขก บอกวิธีการประลองมาได้เลย”
จินเซ่าเหยียนละสายตาออกจากหั่วหลงจู้ จากนั้นหัวเราะแล้วพูดว่า “ฉันมีข้อเสนอหนึ่งอย่าง ในเมื่อจะประลองกัน สู้ประลองกันให้ครบทุกด้านไปเลย เรามาประลองกันทั้งวิชายาและการต่อสู้เถอะ อันที่จริงพวกคนด้านหลังฉันไม่ค่อยถนัดเรื่องสู้เท่าไร แต่ในตระกูลจิน พวกเขามีชื่อเสียงด้านการกลั่นยามาก คุณชายหั่วหลงจู้ เราสองคนมาสู้กัน ส่วนคนด้านหลังนายให้เริ่มกลั่นยาเป็นไง ใช้เวลาการต่อสู้ของเราเป็นตัวกำหนด”
หั่วหลงจู้หัวเราะเบาๆ “คุณชายจินเซ่าเหยียนมั่นใจขนาดนั้นเลยเหรอ ได้ ฉันจะสู้กับนายหั่วเล่อ หั่วซี หั่วจี๋ พวกนายเปิดเตาหลอมกลั่นยา!”
เมื่อพูดจบ หั่วหลงจู้เดินเข้าไปในค่ายกลก่อนเพื่อน
จินเซ่าเหยียนสะบัดมือ สามคนด้านหลังรีบเอาหม้อยาของตัวเองออกมา!
ทันใดนั้น ห้าธาตุฟ้าดินเปลี่ยนแปลง สมุนไพรมากมายปรากฏออกมา ผู้ฝึกชี่ทั้งสองฝั่งเริ่มกลั่นยา
จินเซ่าเหยียนก็เดินเข้าไปในค่ายกลแร่หินเหมือนกัน พลังชี่บนตัวพลุ่งพล่าน
“เกือบเข้าสู่เซียนบำเพ็ญชี่!”
ลู่ฝานพึมพำออกมา
หลิงเหยาดึงแขนลู่ฝานแล้วพูดว่า “คงจะใช่ทั้งสองคน นายอยากให้ใครชนะ”
ใบหน้าลู่ฝานมีรอยยิ้ม สายตามองอยู่ที่จินเซ่าเหยียน “ฉันอยากให้จินเซ่าเหยียนชนะ”
ในค่ายกล หั่วหลงจู้พูดเสียงกังวาน “คุณชายจินเซ่าเหยียนจะสู้ตามกฎหรือสู้ตามใจชอบ!”
จินเซ่าเหยียนพูดเสียงดังว่า “สู้ตามกฎไม่ค่อยสะใจ คุณชายหั่ว ฉันเพิ่งได้เครื่องรางใหม่มาไม่นาน ให้ฉันลองพลานุภาพของเครื่องรางนี้หน่อยสิ!”
เมื่อพูดเช่นนี้ จินเซ่าเหยียนเอาตราประทับสี่เหลี่ยมออกมา
ลู่ฝานคุ้นตาตราประทับอันนี้มาก นี่เป็นเครื่องรางที่ต้านทานวิชาชิงวิญญาณของเขาได้นี่นา
หั่วหลงจู้หัวเราะร่า “ฉันคิดเช่นนี้พอดีเลย งั้นนายก็ลองดูเครื่องรางของฉัน”
เมื่อพูดจบ หั่วหลงจู้พลิกฝ่ามือ พู่กันสีแดงปรากฏขึ้นในมือเขา พลังชี่บนตัวทั้งสองคนพลุ่งพล่านทันที
“สะเทือนขุนเขาและทะเล พลิกสวรรค์ งูทองคำรามสะท้านใต้หล้า!”
จินเซ่าเหยียนไม่เกรงใจแม้แต่น้อย เขาชิงลงมือก่อน ทันใดนั้นแสงสีทองเต็มฟ้า งูสีทองมากมายเลื้อยไปมาเหมือนสายฟ้าปรากฏออกมาจากรอบๆ และพุ่งเข้ามาฆ่าทันที
หั่วหลงจู้ยกพู่กันสีแดงขึ้นมาแตะ แล้วพูดเสียงกังวานว่า “ฝันเมามายแผ่นดิน เปลวไฟแห่งความหดหู่แผดเผาโลก!”
เปลวไฟสีครามม้วนกลับหลัง แสงสีทองกับแสงเพลิงปะทะกัน ค่ายกลเริ่มสั่นสะเทือนเบาๆ
เมื่อสองคนเริ่มปะทะกัน ก็ใช้วิชาที่แข็งแกร่งที่สุด เห็นได้ชัดว่าไม่มีความคิดว่าทำพอเป็นพิธีเลยสักนิด
กระแสลมแรงจนค่ายกลแร่หินไม่สามารถต้านทานเอาไว้ได้ทั้งหมด
มีกระแสลมพัดออกมาจากในค่ายกล สะเทือนจนผู้ฝึกชี่ที่กำลังกลั่นยาอยู่ด้านนอกตัวเซไปมา ใบหน้าเปลี่ยนไปมาก
ขณะที่หลิงเหยากับลู่ฝานกำลังดูอย่างเพลิดเพลิน
บนท้องฟ้า ผู้อาวุโสห้าฉวยโอกาสตอนคนไม่ทันสังเกตมาอยู่นอกกลุ่มคน
ไม่ไกล ผู้ฝึกชี่คนหนึ่งพานักบู๊สองคนมารออยู่นานแล้ว
เมื่อเห็นผู้อาวุโสห้ามาถึง นักบู๊ทั้งสองคนคุกเข่าลงพื้น ส่วนผู้ฝึกชี่คำนับแล้วพูดว่า “หั่วตันซู หัวหน้าเก้าภายในตระกูล คารวะผู้อาวุโสห้า”
ผู้อาวุโสห้าโบกมือไปมา “ไม่ต้องพูดไร้สาระ สองคนนี้คือนักบู๊ที่รอดไปได้ในวันนั้นเหรอ”
หั่วตันซูพยักหน้า “ใช่ พวกเขานี่แหละ วันนั้นฉันเห็นพวกเขาในโพรงไม้”
ผู้อาวุโสห้ามองนักบู๊สองคนด้วยแววตาดุดัน “ดีมาก พวกนายสองคนลุกขึ้น มองไปทางนั้น เห็นผู้ชายถือไม้กวาดกับผู้หญิงที่อยู่ข้างเขาไหม บอกฉันมาว่าสองคนนี้ใช่คนที่เอาตัวหั่วเยี่ยนไปในวันนั้นหรือเปล่า”
นักบู๊สองคนยืนขึ้นตัวสั่นงันงก มองไปทางลู่ฝานกับหลิงเหยา
จู่ๆ หั่วตันซูกังวลตามไปด้วย