เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 1559
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1559
“ลู่ฝานโผล่มาจากไหนกันแน่”
ตอนนี้คนนับไม่ถ้วนในประเทศตันเซิ่งกำลังพูดประโยคนี้
การแสดงออกของลู่ฝานเห็นผ่านม่านห้าธาตุต่างๆ นานา ทำให้คนทั้งประเทศตันเซิ่งเห็นอย่างชัดเจน
ในประเทศตันเซิ่ง เรียกว่าผู้ฝึกชี่มีอยู่มากมายจนนับไม่ถ้วน
ผู้มีความสามารถที่ปกปิดความสามารถเอาไว้มีไม่รู้ตั้งเท่าไร แต่วันนี้พวกเขาตกตะลึงกับพรสวรรค์ด้านยาของลู่ฝานจริงๆ
แม้ลู่ฝานแค่ดูสูตรยาปลอมออก รวมถึงกลั่นยาทิพย์ออกมาได้ แต่ทางด้านยาลู่ฝานแอบแสดงความสามารถในการตัดสินใจที่ยอดเยี่ยมของตัวเองให้ผู้ฝึกชี่ทุกคนได้เห็น รวมถึงความคิดนอกกรอบของเขาด้วย
ประโยคนี้เป็นที่แพร่หลายในประเทศตันเซิ่งมาโดยตลอด
“นักกลั่นยาระดับสามสู้กันด้วยเรื่องสมุนไพร นักกลั่นยาระดับสองสู้กันด้วยวิชายา นักกลั่นยาระดับหนึ่งสู้กันด้วยสมอง”
ตอนนี้ลู่ฝานในสายตาพวกเขา อยู่ในพวกนักกลั่นยาระดับหนึ่งแล้ว
ในเจดีย์ยาเมฆขาว ผู้อาวุโสของตระกูลจิน ตระกูลมู่ ตระกูลสุ่ยและตระกูลถู่ ต่างมองลู่ฝานด้วยสายตาแตกต่างกัน
มีทั้งสงสัย ตกใจ ชื่นชมและหวาดระแวง แค่รอยยิ้มบนหน้าพวกเขาหายไปหมดแล้ว
หั่วตันซูก็ตกใจเป็นอย่างมาก เขาถามลู่ฝานเบาๆ ว่า “ลู่ฝาน เมื่อกี้นายใช้วิชายาอะไรเหรอ ทำไมเร็วและสุดยอดขนาดนี้”
เพิ่งถามจบ ผู้อาวุโสสามถลึงตาใส่หั่วตันซูแล้วพูดว่า “นายถามวิชายาของคนอื่นได้ตามใจชอบหรือไง”
หั่วตันซูรีบหุบปากทันที รู้ว่าตัวเองพลั้งปากพูด
ก็จริง สำหรับผู้ฝึกชี่ไม่มีอะไรล้ำค่ามากไปกว่าวิชายากับวิชาแล้ว
อริยปราชญ์ด้านยาทั้งสามคนกำลังคุยกันเบาๆ
สีหน้าของพวกเขาก็ประหลาดมาก อันที่จริงพวกเขาไม่ได้ไม่อยากวิจารณ์ยาของลู่ฝาน
แต่พวกเขาไม่เข้าใจวิชายาของลู่ฝานเหมือนกัน ด้วยเหตุนี้จึงไม่รู้จะวิจารณ์ยังไง
ดูแค่ผิวของยา ยาที่ลู่ฝานกลั่นออกมาไม่มีปัญหาอะไรเลย
ไม่ว่าจะเป็นฤทธิ์ยา สีและความแวววาว กลิ่นยา ล้วนอยู่ในระดับยาทิพย์ชั้นดี
แต่ยาทิพย์ชั้นดี แค่เอาสมุนไพรมาบีบรวมกัน จากนั้นโยนไฟเข้าไปแล้วก็กลั่นออกมาได้งั้นเหรอ
ถ้าวันนี้ไม่เห็นด้วยตาตัวเอง พวกเขาไม่มีทางเชื่อว่ามีวิชายาแบบนี้บนโลก
พูดตามตรง ถ้าตอนนี้ไม่ได้ดำเนินการประลองของห้าตระกูลใหญ่อยู่ อริยปราชญ์ด้านยาพวกนี้อยากลากลู่ฝานไปข้างๆ แล้วพูดตีสนิทสักหน่อย
ถึงไม่ได้คุยเรื่องวิชายานี้ว่าทำได้ยังไงกันแน่ แค่คุยเทคนิคที่อยู่ด้านใน ก็ทำให้พวกเขาได้ความรู้แล้ว
ดังนั้นผู้อาวุโสเครายาวทั้งสามคน ต่างมองลู่ฝานด้วยสายตาเป็นประกายลุกโชน
ลู่ฝานรู้สึกว่าตัวเองโดนจ้องจนกดดัน สายตาที่ผู้อาวุโสสามคนนี้มองเขา เหมือนเห็นยาเทวดาไร้เทียมทานอย่างไรอย่างนั้น
พลั่ก! พลั่ก! พลั่ก!
จู่ๆ มีคนกระเด็นออกจากจวนอากาศธาตุ กระแทกลงบนพื้นเต็มๆ
ตัวดำไปทั้งตัว มีควันพุ่งออกมา ใบหน้าเหยเกเพราะความเจ็บปวด
“หม้อระเบิด!”
หั่วตันซูมองเพียงแวบเดียวก็รู้ทันที ผู้อาวุโสเครายาวเดินมาด้านหน้าพวกเขา แล้วถามว่า “เกิดอะไรขึ้น ไหนยาล่ะ”
เป็นไปตามคาด พวกเขาพูดด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย “ระเบิดแล้ว!”
ผู้อาวุโสเครายาวชี้คนพวกนั้นแล้วพูดว่า “คัดออก พวกนายไม่ต้องเข้าร่วมการประลองพรุ่งนี้แล้ว”
เพิ่งพูดจบ มีคนกระเด็นออกมาอีกสองสามคน
คนพวกนี้ดูน่าเวทนากว่าเยอะ เลือดเนื้อปะปนกันทั้งตัว ล้มอยู่บนพื้นไม่สามารถลุกขึ้นมาได้
“หั่วหลงจู้!”
ผู้อาวุโสสามมองเพียงแวบเดียวก็จำได้ว่าหนึ่งในนั้นคือหั่วหลงจู้
ลู่ฝานมองหั่วหลงจู้ที่ร่างกายซีกหนึ่งเต็มไปด้วยบาดแผล เขาถึงกับอ้าปากเบาๆ
ยานี้กลั่นจนตัวเองเป็นแบบนี้ กลัวว่าคงไม่ใช่แค่หม้อระเบิดแล้วล่ะ!
ผู้อาวุโสเครายาวเดินเข้ามาดูอย่างละเอียดแล้วพูดว่า “ไม่รู้ความจริงๆ กลั่นออกมาไม่ได้ยังฝืนกลั่นอีก ไม่ใช่แค่หม้อระเบิด ตัวเองยังโดนวิชาแว้งกัดด้วย”
อริยปราชญ์ด้านยาสองคนที่อยู่ข้างหลังส่ายหน้าพูดว่า “โง่เขลา!”
“โดนคัดออกเหมือนกัน!”
ผู้อาวุโสสามรีบกรอกยาใส่ปากหั่วหลงจู้ แล้วพาเขากลับมา
ตรวจอาการภายในร่างกายหั่วหลงจู้อย่างละเอียด ผู้อาวุโสสามแอบกัดฟันพูดว่า “อวัยวะภายในได้รับความเสียหาย เส้นลมปราณขาดสามสิบเปอร์เซ็นต์ เลือดลมไหลย้อนกลับ พลังชี่ปั่นป่วน”
หั่วตันซูขมวดคิ้วพูดว่า “หนักขนาดนี้เลยเหรอ แล้วเขายังสามารถเข้าร่วมการประลองวิชาหลังจากการประลองวิชายาไหม”
ผู้อาวุโสสามส่ายหน้าพูดว่า “ยาก แค่รอบแรกเจ้าโง่นี่ก็ทำจนสภาพตัวเองเป็นแบบนี้ ทำให้ตระกูลหั่วขายหน้าจริงๆ!”
ลู่ฝานมองรอบๆ แล้วยิ้มบางๆ
ดูเหมือนไม่ใช่แค่หั่วหลงจู้ที่ขายหน้า ลูกหลานตระกูลจิน ตระกูลมู่ รวมถึงตระกูลถู่ก็ไม่ต่างกันเท่าไร
บาดเจ็บสาหัสจนสลบเหมือนกัน ผู้อาวุโสต่างมีสีหน้าเคร่งขรึม
โดยเฉพาะผู้อาวุโสตระกูลมู่ เสียงกัดฟันดังจนทุกคนได้ยินอย่างชัดเจน
ผู้อาวุโสตระกูลสุ่ยมองผู้อาวุโสตระกูลมู่อย่างสะใจ แล้วกรอกเหล้าใส่ปาก โดยทั่วไปแล้วในห้าตระกูลใหญ่ ความสามารถในการกลั่นยาของลูกหลานตระกูลมู่เหนือกว่าตระกูลอื่น
แต่ใครใช้ให้ตระกูลสุ่ยมีสุ่ยหมิงคงกับสุ่ยโม่หรานล่ะ
ลูกหลานคนอื่นอ่อนแอนิดหน่อยไม่เป็นไร แค่คนที่เก่งที่สุดสองคนแข็งแกร่งก็พอแล้ว
ถึงประเทศตันเซิ่งมีฉายาว่าเป็นประเทศที่สุภาพและมีมารยาท แต่อันที่จริงคือประเทศของผู้แข็งแกร่ง