เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 1583
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1583
ดวงดาวส่องประกายระยิบระยับ ดวงจันทร์เสี้ยว
ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์ดวงดาวที่หายจากท้องฟ้าเมืองในเมฆไปหลายวันปรากฏขึ้นอีกครั้ง แม้ดูยังไม่เหมือนเดิมทั้งหมดก็เถอะ
เมฆขาวลอยอย่างรวดเร็วไปไกล พวกลู่ฝานยืนต้านลมอยู่บนเมฆ ไม่รู้สายลมจากไหนพัดเสื้อผ้าทุกคนจนเกิดเสียงดังพึ่บพั่บ
ตำหนักด้านหลังห่างออกไปอย่างรวดเร็ว กลุ่มคนมองฟ้าดินไกลๆ เหมือนใกล้ดาวบนฟ้าขึ้นเรื่อยๆ
ข้างๆ ไม่ได้มีแค่พวกผู้อาวุโสสาม ผู้อาวุโสทั้งห้าตระกูลใหญ่รวมถึงผู้ฝึกชี่ล้วนอยู่ที่นี่
ทุกคนเดินทางไปพร้อมกัน ส่วนผู้นำยังเป็นหุ่นเชิดเกราะดำตัวใหญ่เหมือนเดิม
เมฆขาวที่ลอยอยู่ใหญ่มาก รัศมีวงกลมประมาณสิบกว่าลี้ สามารถบรรทุกพวกเขาหลายสิบคนได้สบายๆ
ตอนประลองวิชายาคนห้าตระกูลใหญ่แบ่งแยกกันชัดเจน
แต่ตอนนี้ทุกคนรวมตัวกัน ไม่ว่าจะเป็นพวกผู้อาวุโสหรือพวกผู้ฝึกชี่ ต่างเริ่มพูดคุยกันเรื่อยเปื่อย
หั่วตันซูยืนข้างลู่ฝาน มองลูกหลานห้าตระกูลคุยกันอย่างสนิทสนมแล้วพูดว่า “ลู่ฝาน อย่ามองแค่ว่าเราห้าตระกูลใหญ่แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกัน ต่อสู้ทั้งต่อหน้าและลับหลัง อันที่จริงความสัมพันธ์ของเราห้าตระกูลถือว่าไม่เลว ทุกคนค่อนข้างรู้จักความพอดี”
ลู่ฝานยิ้มแล้วพูดว่า “แน่นอนอยู่แล้ว ถ้าไม่รู้จักความพอดี ห้าตระกูลใหญ่คงไม่ยืนยงนานขนาดนี้หรอก คิดว่าถ้ามีตระกูลใหม่โผล่มา ทั้งห้าตระกูลใหญ่ต้องร่วมมือกันกดขี่ข่มเหงแน่นอน!”
หั่วตันซูเลิกคิ้วขึ้น “ลู่ฝานต่อไปอย่าพูดแบบนี้อีก เราห้าตระกูลใหญ่เป็นแบบอย่างของประเทศตันเซิ่ง เป็นสิ่งที่คนธรรมดาแข่งขันกันเลียนแบบ พวกเราสูงส่งแต่ไม่รังแกคนอื่น เราไม่ธรรมดาแต่ไม่ก่อกวนคนธรรมดา เราเสียสละชีวิตของทายาทนับไม่ถ้วนเพื่อรากฐานนิรันดร์ของประเทศตันเซิ่ง จะข่มเหงรังแกคนอื่นได้ยังไง”
ลู่ฝานพยักหน้าพูดว่า “พูดได้น่าฟัง แล้วพวกหัวหน้าเองเชื่อหรือเปล่าล่ะ”
หั่วตันซูพูดว่า “เชื่อสิ ทำไมจะไม่เชื่อล่ะ ฉันเป็นคนของห้าตระกูลใหญ่ นายก็ด้วย แน่นอนว่าเชื่ออยู่แล้ว!”
ลู่ฝานยิ้มแล้วพูดว่า “โอเค ฉันเข้าใจแล้ว!”
ทั้งสองคุยกันเรื่อยเปื่อย ขณะนั้นสุ่ยหมิงคงกับสุ่ยโม่หรานแห่งตระกูลสุ่ยเดินมาอย่างรวดเร็ว
เมื่อหั่วตันซูเห็นทั้งสองคนก็ยิ้มแล้วตบไหลลู่ฝาน “คนที่มาหานายมาแล้ว รับมืออย่างระมัดระวัง”
ลู่ฝานเลิกคิ้วขึ้น มุกเวิ้งว้างกับมุกมังกรปรากฏบนฝ่ามือ เคลื่อนไหวช้าๆ เพื่อกันไว้ก่อน
“เจอกันอีกแล้วนะลู่ฝาน”
สุ่ยหมิงคงกับสุ่ยโม่หรานหยุดลงห่างจากลู่ฝานสามก้าว
ใบหน้าสุ่ยโม่หรานมีรอยยิ้มบางๆ ชี้มุกในมือลู่ฝานแล้วพูดว่า “นี่คือเครื่องรางนายเหรอ ดูไม่เลวเลยนะ”
ลู่ฝานพูดว่าขฌ “แค่ของเล่นนิดหน่อย คงไม่อยู่ในสายตาอันหลักแหลมของทั้งสองคน มีธุระอะไรหรือเปล่า”
สุ่ยหมิงคงกำลังจะอ้าปากพูด แต่โดนสุ่ยโม่หรานรั้งไว้
นัยน์ตามีประกายเจ้าเล่ห์ สุ่ยโม่หรานพูดว่า “ถ้าไม่มีธุระแล้วมาคุยกับนายไม่ได้หรือไง คุณชายลู่ฝานดูถูกคนที่แพ้ให้นายเหรอ!”
ลู่ฝานส่ายหน้าพูดว่า “กล้าที่ไหนกันล่ะ ชนะครั้งที่แล้วเพราะคุณโม่หรานออมมือให้ ทำลายแค่หม้อยาของฉัน ไม่ได้ทำร้ายคนของฉัน ไม่งั้นแค่สายน้ำก็โจมตีพวกเราจนกระเด็นแล้ว ฉันต้องแพ้แน่ๆ”
สุ่ยโม่หรานฟังออกว่าลู่ฝานพูดแซะ เธอพูดด้วยใบหน้าไม่สบอารมณ์ว่า “นั่นไม่ใช่การประลองวิชายาแล้ว คุณชายลู่ฝานชมฉันหรือแซะฉันกันแน่ วันนี้ฉันหวังดีเอาหม้อยามาให้เลยนะ”
เมื่อลู่ฝานได้ยินว่าเอาของมาให้ สีหน้าเขาผ่อนคลายลงเล็กน้อย
เมื่อสะบัดมือ โต๊ะเก้าอี้โผล่ขึ้นมาจากก้อนเมฆล่างเท้า ลู่ฝานผายมือขวาเชิญ “ดูเหมือนฉันเข้าใจเจตนาของทั้งสองคนผิดไป เชิญนั่ง!”
นัยน์ตาสุ่ยหมิงคงมีความดูหมิ่นผุดขึ้นมา ตอนนี้ลู่ฝานเป็นแค่คนกระจอกโลภมากในสายตาเขา ไม่ได้เรื่องไม่เอาไหน ไม่มีอะไรมากไปกว่าอาศัยวิชายาที่เก่งกาจ บวกกับพรสวรรค์ดีนิดหน่อยเท่านั้น
ทั้งสามคนนั่งลง ลู่ฝานสะบัดมือเอาน้ำกับแก้วชาเมฆขาวมาอีก
ทักษะง่ายๆฝภ อย่างห้าธาตุแปรเปลี่ยนเป็นวัตถุ โดยทั่วไปผู้ฝึกชี่ทำเป็นกันหมด แต่การที่ไม่เคลื่อนไหวห้าธาตุแบบลู่ฝาน คนที่ใช้แค่เมฆมีแค่ไม่กี่คน
สุ่ยโม่หรานเอาหม้อยาออกมาจากแขนเสื้อ หม้อยาแบ่งออกเป็นสามสี ด้านบนสลักลวดลายและค่ายกลซับซ้อน ลวดลายสัตว์หน้าตาประหลาดนูนขึ้นมา
“นี่หม้ออะไร”
ลู่ฝานถามขึ้น
สุ่ยโม่หรานพูดว่าญฌ “หม้อไฟอสูรสามขา ฉันรู้ว่านายใช้ไฟ จึงเลือกหม้อนี้ให้นายโดยเฉพาะ จริงใจพอไหมล่ะ!”
สุ่ยหมิงคงพูดต่อ “นี่เป็นหม้อที่ผู้แข็งแกร่งอริยปราชญ์ฟ้าดินเคยใช้”
ลู่ฝานรับมาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม วางลงในมือแล้วเล่นอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพูดอย่างพอใจว่าญญ “ไม่เลว ขอบคุณทั้งสองคนที่ช่วยเหลือ”
สุ่ยโม่หรานกับสุ่ยหมิงคงมองหน้ากัน นัยน์ตามีความขบขัน
เป็นไปตามคาด พวกเขาเดาถูก ลู่ฝานเป็นแค่เด็กจนๆ ซื้อใจได้ง่ายมาก
สุ่ยโม่หรานพยักหน้า ขณะนั้นสุ่ยหมิงคงกระแอมสองทีแล้วพูดว่า “คุณชายลู่ฝาน วันนี้พวกเราสองคนมาเพราะอยากชวนคุณชายลู่ฝานแวะไปที่ตระกูลสุ่ย เมื่อสองวันก่อนผู้อาวุโสตระกูลสุ่ยส่งคนมาแจ้งข่าว ให้พวกเราชวนคุณชายลู่ฝานไปนั่งคุยที่บ้านให้ได้ พวกเขาชื่นชมวิชายาของคุณชายลู่ฝานมาก อยากเห็นด้วยตาตัวเองสักครั้ง”