เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 1584
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1584
ลู่ฝานเงยหน้ามองทั้งสองคน หัวเราะเบาๆ ในใจไม่หยุด
ตอนนี้ทั้งสองคนคงเห็นเขาเป็นคนกระจอกไม่เคยเห็นโลกกว้างแน่นอน
ลู่ฝานวางหม้อในมือแล้วพูดว่า “ได้สิ ไม่มีปัญหา หลังจากการแข่งห้าปีของห้าตระกูลใหญ่ครั้งนี้สิ้นสุดลง ฉันอยากไปเดินเล่นบนสวรรค์ชั้นห้าดูสักหน่อย”
สุ่ยโม่หรานยิ้มแล้วพูดว่า “งั้นก็ดีเลย อันที่จริงต่อไปคุณชายลู่ฝานอยู่ที่ตระกูลสุ่ยก็ได้นะ นายเข้าใจที่ฉันจะสื่อใช่ไหม”
ลู่ฝานพูดอย่างเฉยเมย “เข้าใจ เข้าใจอยู่แล้ว คนมากมายเคยพูดคำนี้กับฉันแล้ว”
ประกายประหลาดแวบเข้ามานัยน์ตาสุ่ยหมิงคงกับสุ่ยโม่หราน
คนมากมายเหรอ อย่าบอกนะว่าคนตระกูลอื่นก็เริ่มวางแผนเกี่ยวกับลู่ฝานแล้ว
ลู่ฝานหัวเราะเบาๆ ไม่พูดอะไร เขาไม่บอกสุ่ยหมิงคงกับสุ่ยโม่หรานหรอกว่าเขาแค่พูดไปงั้น ตระกูลอื่นใครว่างมาหาเขาล่ะ แค่พูดหลอกเท่านั้นเอง
จู่ๆ ลู่ฝานหุบยิ้ม พูดด้วยใบหน้าลังเลว่า “โอ๊ย เรื่องนี้ฉันจัดการยากมาก แม้ฉันมาถึงตระกูลหั่วได้ไม่นาน แต่การทรยศไม่ใช่เรื่องดี ทั้งสองคนว่าจริงไหม”
ขณะนั้นสุ่ยหมิงคงส่งกระแสจิตให้สุ่ยโม่หราน “ฉันบอกแล้วว่าชวนไอ้หมอนี่มาตระกูลเราเป็นการตัดสินใจที่ผิด”
สุ่ยโม่หรานกลอกตามองบนแล้วพูดว่า “ฉันไม่ได้พูดสักหน่อย นี่เป็นคำสั่งของผู้อาวุโสสี่ พวกเขาให้เรามาลองเชิงดูว่าลู่ฝานเกี่ยวข้องกับตระกูลหั่วยังไง ดูว่าดึงมาเป็นพวกได้หรือเปล่า นายคิดว่าฉันเต็มใจทำเหรอ!”
ลู่ฝานมองทั้งสองคน “ยักคิ้วหลิ่วตา” เขายิ้มแล้วพูดว่า “ปรึกษากันเสร็จหรือยัง ฉันกำลังปลงอยู่ว่าจะพูดต่อดีไหม”
สุ่ยหมิงคงกระแอมสองทีแล้วพูดว่า “คุณชายลู่ฝาน นี่ไม่ถือว่าทรยศนะ เดิมทีนายก็ไม่ใช่คนตระกูลหั่วอยู่แล้ว ไม่ได้แซ่หั่วด้วย นกที่ดีจะรู้จักเลือกกิ่งไม้พำนักนอน ถ้านายมาตระกูลสุ่ยของเรา เราเทิดทูนนายเป็นแขกผู้มีเกียรติแน่นอน ให้สวัสดิการนายอย่างดี อีกทั้ง……”
สุ่ยหมิงคงยังไม่ทันพูดจบ จู่ๆ ลู่ฝานตบโต๊ะแล้วพูดว่า “เรียบร้อย!”
สุ่ยหมิงคงกับสุ่ยโม่หรานชะงักไป พวกเขาพูดอะไรไปทำไมถึงเรียบร้อยล่ะ!
ลู่ฝานยิ้มตาหยีมองสุ่ยหมิงคงแล้วพูดว่า “สวัสดิการที่ดีที่สุด หึหึ ฉันต้องการสิ่งนี้แหละ พวกนายต้องทำตามที่พูดนะ”
สุ่ยโม่หรานหนังตากระตุก เธอตอบนิ่งๆ ว่า “ทำตามที่พูดอยู่แล้ว”
ลู่ฝานพยักหน้าพูดว่า “งั้นก็ดีเลย อันที่จริงที่ที่ฉันอยากไปมากที่สุดคือตระกูลสุ่ยสวรรค์ชั้นห้า ไม่ใช่สวรรค์ชั้นหนึ่งหรือสวรรค์ชั้นสี่ แต่เป็นสวรรค์ชั้นห้าต่างหาก ดีสุดๆ ไปเลย!”
สุ่ยหมิงคงกับสุ่ยโม่หรานสีหน้าประหลาด คำพูดฟังดูดีนะ แต่ทำไมพอลู่ฝานเป็นคนพูดกลับรู้สึกแปลกๆ
ลู่ฝานยื่นมือออกมาพูดว่า “ในเมื่อเราตกลงกันเรียบร้อยแล้ว งั้นเอาป้ายผ่านทางมาให้ฉันสิ เอาแบบไปได้ทุกที่จะดีมาก ขอแค่เป็นที่ที่มีลูกหลานตระกูลสุ่ยอยู่ ฉันสามารถติดต่อพวกนายได้ทุกเมื่อ”
สุ่ยหมิงคงเงียบอยู่ครู่หนึ่ง สุ่ยโม่หรานเอาป้ายออกมาแล้วพูดว่า “นี่คือป้ายผู้อาวุโสของตระกูลสุ่ย เจ้าบ้านมอบให้นายด้วยตัวเอง ฉันให้นายก่อนละกัน รอนายมาถึงตระกูลสุ่ยแล้วค่อยคืนฉัน จริงใจพอไหมล่ะ!”
ป้ายคำสั่งกระเพื่อมเหมือนน้ำ ลู่ฝานรับมาช้าๆ
ลู่ฝานมองป้ายแล้วพูดว่า “นี่ใช้งานได้เหรอ ตัวอย่างเช่น ถ้าฉันเอาป้ายนี้ออกจากประเทศตันเซิ่ง คนตระกูลสุ่ยจะปล่อยฉันไหม”
สุ่ยหมิงคงพยักหน้าพูดว่า “ปล่อยแน่นอนอยู่แล้ว”
นัยน์ตาลู่ฝานเป็นประกาย เจดีย์เสวียนเก้ามังกรในตัวหัวเราะเสียงดัง
“ฮ่าๆ ไอ้โง่สองคนนี้ เจ้านายผู้ยิ่งใหญ่หลอกพวกเขาจนติดกับแล้ว”
ลู่ฝานเก็บป้ายด้วยสีหน้าราบเรียบ พยักหน้าแล้วพูดว่า “งั้นขอบใจพวกนายมาก”
เมื่อสุ่ยโม่หรานกับสุ่ยหมิงคงเห็นลู่ฝานตั้งสติได้กะทันหัน พวกเขารู้สึกแปลกๆ เล็กน้อย
ขณะนั้นมีเสียงตะโกนดังขึ้นรอบๆ
“มาถึงแล้ว หอสวรรค์วิญญาณศักดิ์สิทธิ์มาถึงแล้ว!”
ทุกคนหันไปมอง เห็นแสงสีทองสะดุดตาอยู่ตรงสุดสายตา
เมื่อมองดูดีๆ มีรูปปั้นหินมากมายวางอยู่ระหว่างฟ้าดิน ส่วนด้านหลังพวกมันคือวังรูปโดมขนาดใหญ่ สูงตระหง่านและทรงพลัง
ลู่ฝานพึมพำว่า “หอสวรรค์วิญญาณศักดิ์สิทธิ์เหรอ ใช่ที่ที่เราประลองวิชาหรือเปล่า”
สุ่ยโม่หรานกับสุ่ยหมิงคงยิ้มแล้วลุกขึ้นยืน สุ่ยหมิงคงพูดว่า “ใช่ เป็นสนามวิชายุทธ์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศตันเซิ่ง และเป็นที่ที่รวบรวมวิชาทั้งประเทศตันเซิ่งด้วย!”
ลู่ฝานเพ่งมองไปไกลๆ แสงสีทองสบายตาส่องลงบนตัวเขา
จู่ๆ ลู่ฝานรู้สึกว่าปราณชี่ของตัวเองอยู่ไม่สุข เหมือนมีอะไรรอเขาอยู่ในหอสวรรค์วิญญาณศักดิ์สิทธิ์!