เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 1607
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1607
น้ำกระเพื่อมเต็มฟ้า ส่องแสงระยิบระยับมืดฟ้ามัวดิน
แสงแห่งทอง ไม้ ดินรวมตัวกัน พลังสามประเภทแยกเป็นสามส่วน ต้านทานประกายน้ำบนท้องฟ้าเอาไว้
มองจากไกลๆ เห็นแสงสามสีเหมือนฝ่ามือขนาดใหญ่ปัดประกายน้ำออกไปไม่หยุด
ในประกายน้ำ สุ่ยหมิงคงกับสุ่ยโม่หรานสีหน้าจริงจัง วิชาในมือเปลี่ยนแปลงไม่หยุด ประกายน้ำรอบๆ ก็โจมตีอย่างต่อเนื่อง ใช้พลังของทั้งสองคนต้านทานการโจมตีของพวกมู่จึฉี!
ฝ่ามือของสุ่ยโม่หรานเริ่มสั่น ประกายน้ำมากมายกำลังดูดพลังเธอไปอย่างรวดเร็ว
“พี่ ฉันไม่ค่อยไหวแล้ว”
สุ่ยโม่หรานกัดฟันพูด
แววตาสุ่ยหมิงคงดุดัน วาดแสงค่ายกลกลางอากาศอย่างต่อเนื่อง
“วิชาสามพันน้ำวน มังกรเลื้อยออกทะเล!”
น้ำวนปรากฏบนฝ่ามือ สุ่ยหมิงคงกดฝ่ามือกลางอากาศอย่างแรง ทันใดนั้นประกายน้ำกลายเป็นมังกรเต็มท้องฟ้าทันที!
สีหน้ามู่จึฉี ถู่ห่วง จินอีหมิงเปลี่ยนไปทันที
ทั้งสามคนบีบวิชาพร้อมกันแล้วแผดเสียงออกมาเบาๆ
“ทองขั้นสุดยอดทำลายสวรรค์!”
“เทพแห่งไม้คุ้มครอง!”
“ดินเสถียรใต้หล้า!”
ตูม! ตูม! ตูม!
เสียงระเบิดดังสนั่น พลังแผ่ออกไปเป็นวงกว้าง ทำให้เกิดคลื่นอากาศพลุ่งพล่าน รูปปั้นขนาดใหญ่รอบๆ เริ่มสั่นสะเทือน
เริ่มมีแสงบางๆ ปล่อยออกจากตัวพวกมัน ต้านทานพลังทั้งหมดที่โจมตีเข้ามา
ท้องฟ้าระเบิดออก อากาศพังทลาย
รอยแยกในอากาศขนาดใหญ่ปรากฏต่อหน้าพวกเขา
สุ่ยหมิงคงดึงสุ่ยโม่หรานถอยกลางอากาศหลายร้อยก้าว
พวกมู่จึฉีปัดกระแสลมรอบตัวออกจนหมด มองหน้าสุ่ยหมิงคงกับสุ่ยโม่หรานโดยมีรอยแยกในอากาศขนาดใหญ่กั้นกลาง
สุ่ยหมิงคงมองทั้งสามคนแล้วพูดเสียงดัง “คิดไม่ถึงว่าพวกนายสามคนมีความคิดเดียวกัน แต่ถึงพวกนายเอาชนะฉันได้แล้วยังไง ถึงตอนนั้นยังไงก็ต้องฆ่ากันเอง มู่จึฉีนายนี่ฉลาดจริงๆ รู้จักเก็บพลังเอาไว้ ถ้าเมื่อกี้นายปล่อยพลังเยอะกว่านั้น ฉันคงต้านทานไม่ไหวจริงๆ!”
มู่จึฉีหัวเราะร่า “สุ่ยหมิงคง นายเห็นพวกเราเป็นเด็กสามขวบหรือไง ใช้วิธียุให้รำ ตำให้รั่วต่ำๆ แบบนี้ ทำให้คนอื่นหัวเราะเยาะจริงๆ!”
จินอีหมิงพูดว่า “สุ่ยหมิงคง นายยอมแพ้ตอนนี้ เรารับรองว่าจะไม่ทำอะไรสุ่ยโม่หรานน้องสาวนาย”
ถู่ห่วงพูดว่า “ใช่ สุ่ยหมิงคง นายไม่เห็นเหรอว่าน้องสาวนายใกล้จะไม่ไหวแล้ว ทำไมต้องให้เธอเจออันตรายที่นี่ด้วย นายใช้ประโยชน์น้องสาวตัวเองแบบนี้เหรอ หึหึ นายนี่เป็นพี่ชายที่ดีสุดๆ ไปเลย!”
สายตาสุ่ยหมิงคงเย็นชาขึ้นเรื่อยๆ
คิดไม่ถึงว่าวิธียุให้รำ ตำให้รั่วของเขาจะไม่สำเร็จ อีกทั้งอีกฝ่ายยังใช้วิธีเดียวกับเขาด้วย
สุ่ยโม่หรานพูดเสียงดังว่า “ถู่ห่วง แผนยุให้รำ ตำให้รั่วของนายไม่ทำให้คนอื่นหัวเราะเยาะหรือไง เราสั่งสอนพวกเขาให้เข็ดเลยพี่ แค่พวกขี้แพ้สามคน กล้ามาอวดดีต่อหน้าเรางั้นเหรอ!”
สุ่ยหมิงคงพยักหน้าเบาๆ ผมกับเสื้อผ้าสะบัดเอง
“มู่จึฉี จินอีหมิง ถู่ห่วง ในเมื่อพวกนายรนหาที่ตายเร็วขนาดนี้ งั้นฉันจะสนองให้พวกนายเอง!”
จู่ๆ ตัวของสุ่ยหมิงคงโปร่งแสง เมฆรอบๆ เริ่มรวมตัวกันอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นภาพนี้ พวกจินอีหมิงสีหน้าเปลี่ยนไป ท่าทีจริงจังขึ้นมา
แสงบนตัวทั้งสามคนสว่างจ้า ค่ายกลที่กะพริบอยู่ใต้เท้าเริ่มขยายวงกว้างออกไปรอบๆ
“วิถีธาตุดิน!”
“วิถีธาตุไม้!”
“วิถีธาตุทอง!”
ทั้งสามคนเป็นยอดฝีมือที่อยู่ระดับเซียนบำเพ็ญชี่ มีพลังแห่งกฎฟ้าดินส่วนหนึ่งอยู่ในมือ
ทันใดนั้นทั้งฟ้าดินแบ่งออกเป็นสี่สี รอบตัวสุ่ยหมิงคงเริ่มมีพลังธาตุน้ำที่ควบแน่นถึงขีดสุด
ส่วนพวกจินอีหมิง แยกกันควบคุมพลังดิน ไม้และทอง
เมฆรวมตัวกันบดบังทุกอย่างรอบๆ
สุ่ยหมิงคงกดมือซ้ายลงเบาๆ ทันใดนั้นฝนเทลงมาอย่างแรง
“สายน้ำแห่งนรก ทะลวงสวรรค์ทะลุฟ้า!”
ตัวสุ่ยหมิงคงกลายเป็นสายน้ำอย่างรวดเร็ว หายไปท่ามกลางประกายน้ำเต็มฟ้า
มู่จึฉีตะโกนเสียงดังว่า “อย่าให้น้ำโดนตัวแม้แต่หยดเดียว!”
เมื่อตะโกนออกมา ทั้งสามคนปล่อยแสงสะดุดตาออกมารอบตัว กวาดล้างไปทั่ว
รอยแยกอากาศข้างหน้าพวกเขาโดนแสงถมจนเรียบ น้ำฝนโดนโจมตีจนกระจาย
แสงสามสีเหมือนดอกบัวเบ่งบาน ตั้งตระหง่านอยู่กลางฟ้าดิน
ผู้ฝึกชี่นับไม่ถ้วนในประเทศตันเซิ่งตกใจกับความแข็งแกร่งของทั้งสามคน ยังเด็กขนาดนี้ วิทยายุทธขนาดนี้ ทำให้คนประหลาดใจและอิจฉาจริงๆ!
แต่ไม่นานฝนเทลงมาอย่างหนักอีกครั้ง ไม่ได้หายไปเพราะการโจมตีของพวกมู่จึฉี
เหมือนน้ำฝนแต่ละหยดมีพลังอันแข็งแกร่ง เมื่อพลังชี่ที่ทั้งสามคนปล่อยออกไปโดนหยดฝนกลับอ่อนแรงลงอย่างรวดเร็ว
มู่จึฉีกัดฟันพูดว่า “ให้ตายเถอะ สุ่ยหมิงคงใกล้ทำความเข้าใจวิถีธาตุน้ำได้อย่างถ่องแท้แล้ว ถ้าไม่เอาชนะเขา สายน้ำแห่งนรกก็ไม่มีวันหยุด!”
“แล้วเขาอยู่ไหน จะโจมตีเขายังไง!”
ถู่ห่วงกัดฟันพูด
พวกเขาสามคนเอาชนะคนแค่คนเดียวไม่ได้ ทำให้พวกเขาอับอายขายหน้าจริงๆ
นอกหอสวรรค์วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ผู้อาวุโสของห้าตระกูลใหญ่กลั้นหายใจมองภาพนี้เงียบๆ
ผู้อาวุโสตระกูลจิน ผู้อาวุโสตระกูลมู่และผู้อาวุโสตระกูลถู่สีหน้าไม่สู้ดี
แม้พวกเขาไม่อยากยอมรับ แต่พูดตามตรงว่าความสามารถของสุ่ยหมิงคงเหนือกว่าลูกหลานพวกเขาทั้งสามตระกูลจริงๆ