เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 1613
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1613
ลู่ฝานกลอกตามองบน เขาได้ยินคำพูดแบบนี้จนเอียนแล้วจนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครฆ่าเขาได้จริงๆ สักคน
สุ่ยหมิงคงก็ขมวดคิ้วมองลู่ฝานกอดสุ่ยโม่หรานเอาไว้แน่น เขาพูดออกมาว่า “คิดไม่ถึงว่านายยังมีความสามารถซ่อนตัวด้วย ตบตาการตรวจสอบของเซียนบำเพ็ญชี่ได้ ไม่ธรรมดาเลยนะ!”
ลู่ฝานพูดว่า “แค่ทักษะเล็กๆ น้อยๆ ไม่ควรค่าให้พูดถึง คุณชายสุ่ยหมิงคงยังเหลือพลังชี่อีกมากแค่ไหน ปล่อยได้อีกกี่กระบวนท่า”
สุ่ยหมิงคงเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “กระบวนท่าเดียว คุณชายลู่ฝานล่ะ”
ลู่ฝานตอบอย่างไม่ใส่ใจ “กระบวนท่าเดียว”
สุ่ยหมิงคงหัวเราะเบาๆ “คุณชายลู่ฝานจะโกหกก็ให้มีขอบเขตหน่อย นายก็บาดเจ็บสาหัสเหมือนฉันเหรอ”
ลู่ฝานมองสุ่ยหมิงคงตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วพูดว่า “คุณชายสุ่ยหมิงคงบาดเจ็บสาหัสจริงเหรอ ฉันดูไม่ออกเลยสักนิด!”
ดวงตาสุ่ยหมิงคงฉายแววประหลาด ทั้งสองมองหน้ากัน จู่ๆ ก็หัวเราะเบาๆ ออกมา
เหมือนสุ่ยโม่หรานที่ลู่ฝานกอดไว้มีแรงขึ้นมาเล็กน้อย เธอผลักลู่ฝานออกอย่างรวดเร็ว จากนั้นจับมือสุ่ยหมิงคงไว้แน่น
บนรูปปั้นท่ามกลางฟ้าดินมีการเคลื่อนไหวเบาๆ
ยังดีที่ไม่มีใครเห็นการเคลื่อนไหวนี้ พวกมู่จึฉีเข้าใจว่าลู่ฝาน สุ่ยหมิงคงและสุ่ยโม่หรานหล่นลงไปในอากาศเวิ้งว้างแล้ว
แต่พวกผู้ฝึกชี่ในประเทศตันเซิ่งที่กำลังดูห้าธาตุสรวงสวรรค์ มีคนเห็นอะไรผิดปกติ ชี้ไปที่ห้าธาตุสรวงสวรรค์แล้วพูดว่า “พวกนายดูสิ ทำไมที่ว่างตรงนั้นถึงมีการเคลื่อนไหว”
ลู่ฝานรีบควบคุมปราณเกราะอย่างตื่นตระหนก ถลึงตาใส่สุ่ยโม่หรานแล้วพูดว่า “เธอเกือบทำให้เราโดนจับได้แล้ว”
สุ่ยโม่หรานถลึงตาใส่เขา ไม่เกรงกลัวสักนิด
สุ่ยหมิงคงดึงสุ่ยโม่หรานแล้วพูดว่า “น้องเป็นยังไงบ้าง ยังสู้ได้ไหม”
สุ่ยโม่หรานส่ายหน้าเบาๆ แล้วพูดว่า “ฉันไม่มีแรงแล้ว คงต้องพึ่งพี่แล้วล่ะ พี่ห้ามโดนคัดออกตอนนี้เด็ดขาด ไม่งั้นโดนคนอื่นหัวเราะเยาแน่”
สุ่ยหมิงคงพยักหน้าจริงจัง สะบัดมือเอายาออกมาให้สุ่ยโม่หราน
สุ่ยโม่หรานเงยหน้ากินยา สีหน้าเธอดีขึ้นเล็กน้อย
ลู่ฝานมองสุ่ยโม่หรานแล้วพูดว่า “อีกเดี๋ยวถ้าสู้กันขึ้นมา เธออยู่ที่นี่เถอะ พยายามหลบไว้อย่าให้โดนจับได้”
สุ่ยโม่หรานกัดฟันมองลู่ฝานแล้วพูดว่า “นายไม่ต้องมากังวลหรอก ลู่ฝาน คิดไม่ถึงว่านายจะกล้าแต๊ะอั๋งฉัน รอสักวันฉันจะฟันแขนนายให้ขาดสองข้างเลย!”
ลู่ฝานมองสุ่ยโม่หรานอย่างหมดคำจะพูด จากนั้นพูดเสียงเบาว่า “ฉันทำอะไรผิด”
สุ่ยหมิงคงดึงเสื้อสุ่ยโม่หรานแล้วพูดว่า “อย่าพูดแบบนี้สิโม่หราน เมื่อกี้คุณชายลู่ฝานช่วยเธอไว้นะ!”
สุ่ยโม่หรานเบิกตาโตมองลู่ฝาน เหมือนจะใช้สายตาตัวเองฆ่าลู่ฝานอย่างไรอย่างนั้น
ลู่ฝานถอนหายใจเบาๆ ส่ายหน้าไม่พูดอะไรอีก
ทางด้านนี้ พวกมู่จึฉีกลายเป็นลำแสงล้อมหั่วหลงชิ่งกับหั่วหลงจู้เอาไว้
พวกเขาสองคนคิดหนีตอนนี้ก็สายไปแล้ว
หั่วหลงชิ่งกัดฟันพูดว่า “พวกนายจะจัดการเราเหรอ”
จินอีหมิงพูดว่า “ทำไมจะทำไม่ได้ล่ะ หั่วหลงชิ่ง ต้องขอบใจนายมากที่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น มองพวกเราจัดการพวกสุ่ยหมิงคงอย่างเงียบๆ ลู่ฝานของตระกูลหั่วฉลาดกว่านาย เขาดูออกว่าถ้าร่วมต่อสู้กับสุ่ยหมิงคงยังพอต่อสู้ได้ แต่ถ้าร่วมต่อสู้กับนาย ก็คงเหมือนตอนนี้ พ่ายแพ้อย่างสิ้นหวัง!”
หั่วหลงชิ่งพูดเสียงดังว่า “พวกนายมั่นใจขนาดนั้นเลยเหรอว่าจะชนะฉันได้ อย่าลืมสิว่าเมื่อกี้พวกนายใช้พลังชี่ไปมากพอสมควรแล้ว”
เมื่อพูดเช่นนี้ หั่วหลงชิ่งปล่อยคลื่นเพลิงลุกโชนออกมาบนตัว
ใช้วิชาไฟถ้ำเซียน ดวงตาของหั่วหลงชิ่งกลายเป็นสีแดงเพลิงทันที
หั่วหลงจู้กัดฟันพูดเสียงดังว่า “พี่จะทุ่มสุดตัวจริงเหรอ”
หั่วหลงชิ่งพูดเสียงดังว่า “ถ้าไม่ทุ่มสุดตัวจะรู้ผลแพ้ชนะได้ยังไง ย๊าก!”
เมื่อระเบิดเสียงออกมา มีเงาเพลิงแดงก่ำลอยอยู่รอบตัวหั่วหลงชิ่งทันที
อยู่ดีๆ ก็มีเงามารเพลิงปรากฏออกมา มองทุกอย่างด้วยความยโส
บนตัวหั่วหลงจู้ก็มีเปลวไฟมืดสลัว เขาเอาเครื่องรางออกมาอย่างรวดเร็ว เป็นพู่กันแดงใหม่เอี่ยม เคลื่อนไหวกลางอากาศอย่างต่อเนื่อง ทันใดนั้นคลื่นเพลิงมากมายออกมาจากรอบๆ กลายเป็นค่ายกลเปลวเพลิงปกคลุมทุกอย่างรอบๆ เอาไว้ข้างใน
พวกจินอีหมิงมองวิชาของทั้งสองคนด้วยรอยยิ้ม จู่ๆ ถู่ห่วงพูดเสียงดังว่า “ใช้วิชาไฟถ้ำเซียนได้ไม่เลวนี่นา แต่นายแค่คนเดียวจะทำอะไรได้!”
ถู่ห่วงยื่นฝ่ามือออกมา แสงสีเหลืองเหมือนดินค่อยๆ แผ่ออกจากมือเขา ทุกที่ที่ผ่านไป ท้องฟ้าแปรเปลี่ยนเป็นผืนดิน ก้อนหินนับไม่ถ้วนพุ่งเข้ามา เพียงพริบตาเดียว กลายเป็นยักษ์หินขนาดใหญ่อยู่ตรงหน้าเขา สูงหลายร้อยเมตร ก้มมองหั่วหลงชิ่ง
“ธาตุดินแปรเปลี่ยนเป็นวัตถุ วิญญาณยักษ์แห่งศิลา!”
จินอีหมิงพูดต่อ “ถู่ห่วง ในเมื่อนายใช้กระบวนท่านี้ออกมา ฉันจะด้อยกว่าไม่ได้หรอก!”
เมื่อเหวี่ยงมือ แสงสีทองทะลุความมืด ส่องลงมาบนตัวเขา
ทันใดนั้น แสงสีทองรวมตัวบนมือจินอีหมิงอย่างรวดเร็ว หมุนวนอย่างบ้าคลั่ง
เห็นด้วยตาเปล่าว่ามีกระบี่ยักษ์ปรากฏออกมา แสงทุกตารางนิ้วบนตัวกระบี่คือพลังธาตุทองขั้นสุดยอดที่แหลมคม
“ทองรวมตัวเป็นอาวุธ ทะลวงฟ้าดิน!”
จินอีหมิงบีบวิชาในมือ กระบี่ยักษ์สีทองขนาดใหญ่พุ่งไปตรงหน้าวิญญาณยักษ์แห่งศิลา
เมื่อถู่ห่วงเห็นภาพนี้ เขาพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ฉันเข้าใจแล้ว นายจะให้ฉันร่วมมือกับนายใช่ไหม”
จินอีหมิงพูดด้วยรอยยิ้ม “ใช่!”