เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 1621
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1621
หลังผ่านไปเจ็ดวัน ที่สวรรค์ชั้นหกของประเทศตันเซิ่ง
จวนอากาศธาตุที่มีทัศนียภาพงดงามแห่งหนึ่ง ลู่ฝานนั่งอยู่บนเรือนสูงๆ ทอดมองวิวทิวทัศน์ทั้งจวนอากาศธาตุ
เห็นคน แม่น้ำ ภูเขาอยู่ในสายตาทั้งหมด ถือถ้วยชาในมือ บนโต๊ะมีอาหารว่างสองสามจาน ลู่ฝานเพลิดเพลินกับความสงบซึ่งหาได้ยากด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้ม
ที่นี่มีชื่อว่าเรือนธรรมชาติ เป็นร้านน้ำชาที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงประเทศตันเซิ่ง ตั้งอยู่ในจวนอากาศธาตุที่มีแสงหลากหลายสีสัน
พูดตามตรง วิวและอาหารที่นี่ไม่เลวเลยจริงๆ ถ้าที่นี่อนุญาตให้ดื่มเหล้าทุกอย่างน่าจะสุดยอดกว่านี้
“คุณชายลู่ฝาน คุณคือคุณชายลู่ฝานจริงด้วย พระเจ้า ฉันขอลายเซ็นได้ไหม”
หญิงสาวรูปร่างอ้อนแอ้นสองคนเดินขึ้นมาชั้นบนของร้านน้ำชา ก็เห็นลู่ฝานที่นั่งอยู่ริมหน้าต่างทันที
เหมือนพวกเธอวิ่งเหยาะๆ มาหาลู่ฝาน หน้าอกกระเพื่อมตามลมหายใจ ผู้หญิงทั้งสองคนมองลู่ฝานด้วยสายตาเร่าร้อน จากนั้นยื่นกระจกจำภาพออกมาสองบาน
ลู่ฝานยิ้มแล้วพยักหน้า สะบัดมือปล่อยแสงลงบนกระจกจำภาพสองบาน กลายเป็นรูปตราประทับ
ในประเทศตันเซิ่ง ลายเซ็นที่ว่าก็คือตราประทับนั่นเอง
ยังจำได้เมื่อเจ็ดวันก่อน กว่าลู่ฝานจะลงมาจากเขตวิถีในเมฆได้ เกือบกลายเป็นเรื่องตลกไปแล้ว
คนจำนวนมากมาขอลายเซ็นเขา เขาเซ็นชื่อตัวเองให้คนอื่นจริงๆ
ผลปรากฏว่าคนอื่นมองเขาอย่างงุนงง บอกให้เขาใช้พลังชี่วาดตราประทับอีกครั้ง ด้วยเหตุนี้ลู่ฝานจึงทำได้แค่ใช้พลังชี่ของตัวเองออกแบบตราประทับออกมา ถึงทำให้ทุกคนพอใจได้
แต่ต่อมาทุกคนกลับสนใจกระจกจำภาพที่ลู่ฝานใช้ปากกาเซ็นลงไปมากกว่า ด้วยเหตุนี้จึงทำให้กระจกจำภาพที่ลู่ฝานเซ็นเป็นอันแรกๆ ขายได้ราคาสูงเสียดฟ้า แน่นอนว่าลู่ฝานไม่รู้เรื่องนี้
โดยทั่วไปแล้วตราประทับเหล่านี้ไม่มีประโยชน์อะไร มีแค่ความสวยงามเท่านั้น
แต่ลู่ฝานคิดว่าตราประทับต้องใช้ประโยชน์ได้ ดังนั้นตราประทับที่เขาเซ็นให้คนอื่น จึงเป็นตราประทับที่สามารถรวมตัวเป็นไฟออกมาได้ และมีรูปร่างเป็นอักษรตัวลู่ด้วย
เจ็ดวันมานี้ถือว่าลู่ฝานได้เรียนรู้จนมีประสบการณ์ เมื่อเซ็นตราประทับให้คนอื่นจึงดูคล่องแคล่วขึ้นมาก
สองสาวพยายามระงับความอยากกอดลู่ฝาน จากนั้นนั่งลงอีกด้านหนึ่ง มองลู่ฝานด้วยแววตาเร่าร้อน
ลู่ฝานไม่มีความรู้สึกใดกับสายตาแบบนี้เลย
จิบชาต่อไปเรื่อยๆ จู่ๆ ลู่ฝานรู้สึกว่าฝ่ามือตัวเองร้อนขึ้นมา
ใจสั่นเล็กน้อย ลู่ฝานรีบยกมือขึ้นมา ปล่อยห้าธาตุสรวงสวรรค์ออกจากฝ่ามือ เงาของหลิงเหยาปรากฏในสายตาทันที
ลู่ฝานรีบยกมือปล่อยพลังชี่ออกมา กลายเป็นเกราะคุ้มกันธาตุไฟ บดบังรัศมีวงกลมสามเมตรกว่ารอบตัวเขา
สองสาวเห็นลู่ฝานสะบัดมือใช้วิชา พวกเธอส่งเสียงออกมาเบาๆ “สุดยอดมาก!”
ลู่ฝานมองหลิงเหยาแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “วันนี้ว่างขนาดนั้นเลยเหรอ”
หลิงเหยาพูดอย่างมีความสุขสุดขีด “ลู่ฝาน ข่าวดี หั่วหลงจู้จะโดนไล่ออกจากตระกูลหั่วแล้ว”
ลู่ฝานเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ “เธอได้ข่าวจากไหน ข่าวจริงหรือไม่”
หลิงเหยาพูดอย่างได้ใจ “จริงสิ ฉันต้องจ่ายไปตั้งเยอะ กว่าจะให้นักบู๊ไปหลอกถามจากปากของผู้อาวุโสตระกูลหั่ว ผู้อาวุโสคนนี้พอดื่มจนเมาก็ชอบพูด ฉันถึงได้ข่าวนี้มาไง”
ลู่ฝานหัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “นักบู๊ที่เธอหามาใช้ประโยชน์ได้จริงๆ หั่วหลงจู้โดนไล่ออกจากตระกูลหั่วฟังดูไม่เลว ฉันเกลียดไอ้หมอนี่ แต่นี่ไม่ใช่เรื่องที่น่าดีใจเท่าไรนัก”
หลิงเหยาพูดว่า “นายฟังไม่เข้าใจหรือไง หั่วหลงจู้จะโดนไล่ออกไปแล้วนะ!”