เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 1625
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1625
เวลาสามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว
นอกตำหนักขนาดใหญ่ที่เขตวิถีในเมฆ
ยังมีเมฆขาวเหมือนเดิม ลมเย็นพัดเอื่อยๆ
กลุ่มคนมากมายเบียดเสียดยัดเยียด ผู้ฝึกชี่ทั้งเขตวิถีในเมฆรวมตัวกันอยู่ที่นี่
บนเก้าอี้ขนาดใหญ่หน้าประตูตำหนัก มีแสงเก้าสีส่องประกายสะดุดตา
ไม่มีใครเห็นประมุขประเทศตันเซิ่งที่รูปร่างเป็นเด็กอยู่ท่ามกลางแสง กำลังเล่นมวลแสงอยู่ในมือ
ภาพชัดเจนปรากฏท่ามกลางแสง เป็นภาพที่ลู่ฝานคุยกับผู้อาวุโสชุดดำที่หอสวรรค์วิญญาณศักดิ์สิทธิ์เมื่อสามวันที่แล้ว
แอบมีเสียงของผู้อาวุโสชุดดำดังออกมาท่ามกลางแสง
ดูเหมือนจะฟังยากสักหน่อย ประมุขประเทศตันเซิ่งขยับนิ้วเบาๆ เสียงของผู้อาวุโสชุดดำดังขึ้นจนได้ยินชัดเจนทุกคำ
ประมุขประเทศตันเซิ่งฟังเงียบๆ จู่ๆ เขาหัวเราะแล้วพูดว่า “ซั่งซินนะซั่งซิน ยังถือว่านายรู้ความ รู้ว่าอะไรช่วยได้หรือช่วยไม่ได้!”
เมื่อฟังคำพูดของผู้อาวุโสชุดดำจบ ประมุขประเทศตันเซิ่งมองลู่ฝานที่อ้าปากไม่หยุดแต่ไม่ได้ยินเสียงอะไร “เด็กลู่ฝานรู้จักไปหาคนจริงๆ แต่น่าเสียดายที่คนที่นายไปหาไม่สามารถช่วยนายได้”
สะบัดมือปัดภาพทิ้ง รอยยิ้มบนหน้าประมุขประเทศตันเซิ่งกว้างขึ้นอีก
ถ้าลู่ฝานรู้ว่าเรื่องที่เขาคุยกับผู้อาวุโสชุดดำถูกจับตาดูอยู่ตลอดเวลา เขาต้องตกตะลึงมากแน่ๆ
แน่นอนว่าถ้าลู่ฝานรู้ว่าประมุขประเทศตันเซิ่งไม่ค่อยได้ยินเสียงตะโกนสุดท้ายที่ว่า “เข้าใจแล้ว” เขาต้องรู้สึกโชคดีมากแน่นอน
ถ้าฟังแค่คำพูดของผู้อาวุโสชุดดำ ดูไม่มีพิรุธอะไรเลย
แต่ประมุขประเทศตันเซิ่งไม่ได้มองทะลุปรุโปร่งเหมือนลู่ฝาน ไม่รู้ถึงสิ่งที่ผู้อาวุโสชุดดำต้องการสื่อให้รู้
ประมุขประเทศตันเซิ่งค่อยๆ เก็บแสงเก้าสีแล้วพูดว่า “รอบสุดท้ายของการต่อสู้ของห้าตระกูลใหญ่ เริ่มได้!”
เสียงดังออกมาจากแสง มีความน่าเกรงขามและดูผ่านอะไรมาโชกโชน ทำให้คนอื่นไม่สามารถจินตนาการได้ว่านี่คือเสียงที่ออกจากปากเด็ก 7-8 ปี
แสงรอบๆ สว่างขึ้น ผู้ฝึกชี่สวมชุดคลุมสีขาวจำนวนมากปล่อยแสงสะดุดตาขึ้นไปบนฟ้า ทำให้เขตวิถีในเมฆสะท้อนแสงหลากหลายสีสัน
ผู้ฝึกชี่นับไม่ถ้วนอยู่ด้านหน้าสุด ที่นั่งของห้าตระกูลใหญ่เรียงเป็นแถวหน้ากระดาน ลู่ฝานนั่งข้างผู้อาวุโสสาม หั่วตันซู หั่วหลงชิ่งและหั่วหลงจู้ยืนอยู่ด้านหลัง เหมือนสามผู้ติดตาม
ด้านหลังพวกเขาคือข้าราชการระดับต่างๆ ของประเทศตันเซิ่ง
พูดตามตรง ลู่ฝานคิดมาตลอดว่าประเทศตันเซิ่งไม่มีข้าราชการทำงาน
แต่พอได้เห็นวันนี้ มีอยู่ไม่น้อยจริงๆ อีกทั้งคนทำงานพวกนี้วิทยายุทธไม่ด้อยเลย อย่างน้อยต้องระดับเซียนบำเพ็ญชี่
ผู้แข็งแกร่งเยอะขนาดนี้ ทำให้คนตกตะลึงจริงๆ
แต่เมื่อคิดถึงพลังฟ้าดินที่อุดมสมบูรณ์ในประเทศตันเซิ่ง นี่ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้
แสงที่ผู้ฝึกชี่ชุดคลุมขาวปล่อยออกมา รวมตัวเป็นค่ายอยู่กลางท้องฟ้า กลายเป็นค่ายกลผนึกห้าธาตุขนาดใหญ่ค่อยๆ ร่วงลงมาบนพื้น
จากนั้นอักษรยันต์นับไม่ถ้วนสว่างขึ้น ผู้ฝึกชี่มากมายในประเทศตันเซิ่งตะโกนเรียกชื่อลู่ฝานกับสุ่ยหมิงคงอย่างต่อเนื่อง
ไม่ว่าวันนี้พวกเขาสองคนใครจะชนะ ก็ไม่ทำให้คนอื่นประหลาดใจเท่าไร
แต่ถ้าให้เทียบกันจริงๆ ผู้ฝึกชี่โดยส่วนใหญ่คิดว่าสุ่ยหมิงคงจะชนะ
เพราะในใจทุกคน วิทยายุทธของสุ่ยหมิงคงเหนือกว่าระดับหนึ่ง นี่ไม่ใช่การแข่งวิชายา ประโยชน์ของเทคนิคทักษะค่อนข้างมีจำกัด
ระดับแดนของเซียนบำเพ็ญชี่ วิทยายุทธสูงกว่าหนึ่งขั้น บางทีอาจกำชัยชนะไว้ในมือแล้ว และตอนนี้วิทยายุทธของสุ่ยหมิงคงไม่ได้เหนือกว่าลู่ฝานแค่ขั้นเดียวเลย
แต่ก็ยังมีคนส่วนน้อยที่หวังเป็นอย่างยิ่งว่าลู่ฝานจะชนะ
ลองคิดดูสิการต่อสู้ของห้าตระกูลใหญ่ กลับเป็นคนนอกที่ได้อันดับหนึ่ง
เรื่องนี้แค่คิดก็มีความสุขแล้ว
สิ่งที่เรียกว่าชอบยุ่งเรื่องคนอื่นโดยไม่สนใจว่าเรื่องจะบานปลาย ก็คือแบบนี้แหละ!
ผู้อาวุโสสามหันมามองลู่ฝานแล้วพูดว่า “การต่อสู้วันนี้ ถ้าชนะได้ก็ดี แต่ถ้าชนะไม่ได้ก็อย่าฝืน”
ลู่ฝานมองผู้อาวุโสสามแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “เหมือนผู้อาวุโสสามไม่มั่นใจในตัวฉันเลยนะ!”
ผู้อาวุโสสามพูดอย่างเฉยเมยว่า “เพราะนายกับเขาแตกต่างกันเยอะ ยากที่ฉันจะมีความมั่นใจได้”
ลู่ฝานยิ้มแล้วพูดว่า “แล้วก่อนที่ฉันจะเข้าร่วมแข่งวิชายา ผู้อาวุโสเคยมีความมั่นใจในตัวฉันไหม”
ผู้อาวุโสสามหัวเราะแล้วส่ายหน้า “มันไม่เหมือนกัน”
ลู่ฝานพูดว่า “ไม่ อันที่จริงมันเหมือนกัน!”
พูดจบ ลู่ฝานค่อยๆ ลุกขึ้นยืน จู่ๆ มีเสียงเชียร์ดังขึ้นในกลุ่มคน
คนในประเทศตันเซิ่งนับไม่ถ้วนตะโกนว่า “ปรมาจารย์ยาลู่ฝาน ฉันเชื่อว่านายชนะแน่นอน”
“ลู่ฝานเด็กอัศจรรย์ นายยอดเยี่ยมที่สุด!”
ทั่วทุกที่ในสวรรค์ชั้นหนึ่งถึงสวรรค์ชั้นห้า พากันตั้งชื่อเรียกให้ลู่ฝานมากมายหลายหลาก
อย่างเช่น ปรมาจารย์ยา เด็กอัศจรรย์ มังกรเพลิง เป็นต้น!
มีฉายาในประเทศตันเซิ่งได้ แสดงว่าลู่ฝานกลายเป็นบุคคลในตำนานในใจประชาชนประเทศตันเซิ่งไปแล้ว
เกียรติยศแบบนี้ ในบรรดาคนอายุน้อยในประเทศตันเซิ่ง นอกจากเขาก็มีแค่สุ่ยหมิงคงอีกคนเท่านั้น
ด้านหลังผู้อาวุโสสี่ของตระกูลสุ่ย สุ่ยหมิงคงค่อยๆ ลุกขึ้นยืน
จู่ๆ ทั่วทุกที่ในประเทศตันเซิ่งมีเสียงตะโกนดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียง
“เทพท้องทะเล! เทพท้องทะเล!”
เสียงทรงพลัง ดังกว่าตอนที่ลู่ฝานลุกขึ้นยืนไม่รู้กี่เท่า
ใช่แล้ว ฉายาของสุ่ยหมิงคงในประเทศตันเซิ่งคือเทพท้องทะเล
แม้เขายังไม่ได้เป็นอริยปราชญ์จริงๆ แต่ในใจประชาชนประเทศตันเซิ่ง เขาไม่ต่างจากอริยปราชญ์เท่าไรนัก