เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 1626
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1626
หรือจะพูดว่าทุกคนคิดว่าการที่สุ่ยหมิงคงกลายเป็นอริยปราชญ์ เป็นเรื่องที่ถูกกำหนดไว้แล้ว อยู่ที่ว่าจะช้าหรือเร็วเท่านั้น
ทั้งสองคนเดินไปข้างหน้า จนเดินเข้าไปในค่ายกลด้านหน้า
ลู่ฝานสัมผัสถึงพลังแข็งแกร่งผนึกทุกอย่างรอบตัวไว้ทันที ไม่ต้องสงสัยเลยว่าที่นี่คือสถานที่ต่อสู้ที่ดีที่สุดของผู้ฝึกชี่ ไม่ต้องกลัวว่าวิชาของตนเองจะส่งผลกระทบต่อผู้อื่นหรือไม่
สุ่ยหมิงคงเงยหน้ามองลู่ฝาน “หวังว่าการต่อสู้วันนี้สหายลู่ฝานจะปล่อยพละกำลังออกมาทั้งหมด”
ลู่ฝานยิ้มแล้วพูดว่า “หวังว่าสหายสุ่ยก็จะเต็มที่เหมือนกัน ไม่ทราบว่าอาการบาดเจ็บของสหายสุ่ยหายดีหรือยัง”
สุ่ยหมิงคงพูดอย่างราบเรียบว่า “หายนานแล้ว ขอบคุณสหายลู่ฝานที่เป็นห่วง เชิญ!”
ลู่ฝานผายมือขวาเชิญแล้วพูดว่า “เชิญ!”
เมื่อทั้งสองคนพูดจบ ก็เริ่มปล่อยพลังชี่ออกมาบนตัว
พลังชี่แข็งแกร่งพัดเหมือนสายลมแรงอยู่ในค่ายกล กระแสลมรุนแรงสองลูกปะทะเข้าด้วยกัน
ผู้ฝึกชี่ทั้งหมดที่อยู่รอบๆ ต่างเพ่งมองทั้งสองคน
วันนี้ผู้อาวุโสของห้าตระกูลใหญ่และลูกหลานชั้นยอดมากันแทบทุกคน แม้แต่พวกผู้ฝึกชี่ที่โดนคัดออกตั้งแต่รอบแรกก็ยืนดูอยู่นอกค่ายกล พูดคุยกันเสียงดัง
“พวกนายว่าการแข่งวันนี้ใครจะชนะ”
“สุ่ยหมิงคง ส่วนตัวฉันเชียร์สุ่ยหมิงคง”
“ฉันก็เหมือนกัน โอกาสชนะของลู่ฝานน้อยมาก”
ผู้อาวุโสตระกูลจินถามจินอีหมิงที่อยู่ด้านหลัง “อีหมิง นายเชียร์ใคร”
จินอีหมิงตอบอย่างเฉยเมย “สุ่ยหมิงคง”
ผู้อาวุโสจินส่ายหน้าหัวเราะ อมยิ้มไม่พูดอะไร
ผู้อาวุโสมู่ชี้ลู่ฝานแล้วพูดว่า “การแข่งวันนี้ต้องเป็นการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่แน่นอน”
มู่จึฉียิ้มบางๆ “ใช่ ลู่ฝานต้องมีท่าไม้ตายที่ยังซ่อนอยู่แน่นอน ไอ้หมอนี่เป็นคนลึกลับซับซ้อนมาก”
ทุกคนยังพูดคุยกันอยู่ ตอนนี้พลังชี่บนตัวลู่ฝานกับสุ่ยหมิงคงพุ่งจนถึงขีดสุดแล้ว
บนตัวสุ่ยหมิงคงเริ่มมีอักษรยันต์ห้าธาตุสว่างขึ้น แสงอักษรยันต์สว่างจ้า หมายความว่าวิทยายุทธของสุ่ยหมิงคงใกล้ถึงเซียนบำเพ็ญชี่ชั้นยอดแล้ว
ไม่มีแสงสว่างบนตัวลู่ฝาน เขาเอามุกออกมาสองเม็ด
เม็ดหนึ่งมีชื่อว่ามุกเวิ้งว้าง ส่วนอีกเม็ดคือมุกเทพมังกรทำลายล้าง!
ประกายนัยน์ตาทั้งสองคนเริ่มลึกล้ำ เริ่มมีแรงอาฆาตเต็มไปหมด
จู่ๆ ทั้งสองคนเคลื่อนไหวพร้อมกัน บีบวิชาในมือทันที
ทั้งสองคนแผดเสียงออกมาพร้อมกัน “จุติ!”
วิชาออกมาตามเสียง ทำลายวิชานับหมื่น
พอเริ่มต่อสู้ ลู่ฝานกับสุ่ยหมิงคงแข่งกันว่าวิชาของใครเร็วกว่า วิชาของใครดุดันกว่า
เกิดเสียงระเบิดข้างหน้าทั้งสองคน
สุ่ยหมิงคงสะบัดมือปล่อยพลังสายน้ำรุนแรง ส่วนลู่ฝานใช้ร่างกายต้านทานวิชาของสุ่ยหมิงคงเอาไว้
ช่วยไม่ได้ ความแตกต่างของวิทยายุทธเห็นอยู่ตรงหน้า ถ้าลู่ฝานแข่งเรื่องความแข็งแกร่งของวิทยายุทธกับสุ่ยหมิงคง ต้องสูญเสียพลังจนตายแน่นอน
แต่ลู่ฝานก็มีจุดที่เหนือกว่าสุ่ยหมิงคง นั่นก็คือร่างกายของเขาแกร่งกล้ามาก แข็งแกร่งกว่าภูเขา ร่างกายที่ไม่กลัวแรงสะเทือน ไม่กลัวการโจมตี
ลู่ฝานจะอาศัยสิ่งนี้สู้กับสุ่ยหมิงคง
ทั้งสองคนไม่ถอยแม้แต่ก้าวเดียว ปล่อยวิชาในมือออกมาอีกครั้ง
ระหว่างลู่ฝานเหวี่ยงมือ มีมังกรยักษ์ปรากฏออกมาเก้าตัว
วิชาเก้ามังกรระดับเทพ วิชามังกรร่ายระบำ!
ระหว่างสุ่ยหมิงคงเหวี่ยงมือ ประกายน้ำนับไม่ถ้วนกลายเป็นยักษ์น้ำขนาดใหญ่
สูงเป็นร้อยฟุต ถืออาวุธหลากหลายในมือ แขนขาเรียวยาว ยักษ์น้ำแต่ละตัวเหมือนถังไม้!
โฮก!
ระหว่างลู่ฝานสะบัดมือมีมังกรเทพบินออกมาเก้าตัว สุ่ยหมิงคงกดฝ่ามือลง ยักษ์น้ำนับไม่ถ้วนพุ่งออกไป
ทันใดนั้นเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่ว
มังกรยักษ์เก้าตัวโจมตียักษ์น้ำอย่างบ้าคลั่ง และเมื่อยักษ์น้ำเหล่านั้นโดนโจมตีก็จะระเบิดเป็นประกายน้ำกัดกร่อนนับไม่ถ้วน
แต่ยังไม่ทันสิ้นเสียงระเบิด เสียงเรียกของสุ่ยหมิงคงกับลู่ฝานดังขึ้นอีกครั้ง
“วิชาสัตว์เทพปราบมาร เสือขาวจุติ!”
“สายน้ำคดเคี้ยวทะลวงสรรพสิ่ง จงพุ่งขึ้นมา!”
ทันใดนั้นเสียงคำรามของเสือขาวดังสะท้านฟ้า พุ่งไปชนสายน้ำข้างหน้าสุ่ยหมิงคง
สายน้ำนับไม่ถ้วนพุ่งขึ้นด้านล่างเท้าลู่ฝาน เกือบทำลายพลังชี่บนตัวเขา
ลู่ฝานกระทืบเท้าลงบนสายน้ำอย่างแรง
“วิชาหนึ่งเดียวแดนไกลโพ้น! ทำลาย!”
สายน้ำโดนเหยียบจนแตกกระจาย หลังจากนั้นลู่ฝานบีบวิชาในมืออย่างต่อเนื่อง
จู่ๆ สุ่ยหมิงคงเรียกกระบี่น้ำนับไม่ถ้วนออกมาจากสายน้ำ ประกอบเป็นค่ายกลกระบี่ แยกชิ้นส่วนเสือขาวที่ลู่ฝานปล่อยออกมาได้ภายในพริบตา!
ทั้งสองคนจ้องหน้ากันจากระยะไกล จู่ๆ พวกเขายื่นมือซ้ายออกมาพร้อมกัน
หลังจากนั้นเสียงระเบิดนับไม่ถ้วนดังขึ้นรอบทิศรอบทาง
เสียงระเบิดน่ากลัว สะเทือนจนค่ายกลด้านล่างเท้าส่องแสงสว่างจ้าไม่หยุด ในเวลาเดียวกันก็สั่นอย่างแรงด้วย
“ทั้งสองคนน่ากลัวมาก!”
“ไม่ พวกเขาสองคนเป็นสัตว์ประหลาด!”
หั่วหลงชิ่งกับหั่วหลงจู้มองจนเหม่อ
เพียงพริบตาเดียวไม่รู้ลู่ฝานกับสุ่ยหมิงคงปล่อยวิชาออกมาเท่าไรแล้ว
ช่วงระยะเวลาไม่กี่อึดใจ พละกำลังที่ทั้งสองคนแสดงออกมา ทำให้ทุกคนเห็นแล้วหน้าซีดเผือด