เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 1632
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1632
ลู่ฝานก็รู้จุดนี้เหมือนกัน ดังนั้นจึงรีบผนึกการไหลเวียนของเลือดตัวเอง
สัมผัสถึงพลังแปลกประหลาดมากมายในร่างกาย ลู่ฝานเริ่มให้จิตวิญญาณของตัวเองชำระล้างทุกอย่าง
“พลังแห่งกฎ พลังแห่งวิถี แข็งแกร่งมากจริงๆ!”
ลู่ฝานแอบกัดฟัน ตอนนี้ค่ายกลของไอ้เก้าก็เสร็จแล้วเหมือนกัน
หัวมังกรทั้งหมดจับจ้องสุ่ยหมิงคง เปลวไฟรวมตัวในปากอย่างบ้าคลั่ง
สีแดง ฟ้า ม่วง ขาว ดำ ไฟทั้งห้าสีรวมตัวกัน สุ่ยหมิงคงเห็นแล้วหนังตากระตุก เปลวไฟน่ากลัวแบบนี้ ถึงเขาใช้ร่างแห่งน้ำ ก็ต้องโดนแผดเผาเป็นผุยผงภายในพริบตา!
สุ่ยหมิงคงมองลู่ฝานแล้วพูดเสียงดัง “ดูเหมือนเราต้องพังพินาศไปด้วยกันแล้วล่ะ”
ลู่ฝานพูดเสียงดังว่า “ยังไม่รู้หรอกว่าใครจะตาย! กล้าพนันกันไหมล่ะ”
สุ่ยหมิงคงหัวเราะเสียงดัง “ได้สู้กับคู่แข่งแบบนาย แม้ตายก็ไม่เสียดาย!”
เมื่อพูดจบ ทั้งสองแผดเสียงออกมาพร้อมกัน
มังกรยักษ์ทั้งหมดบนท้องฟ้าพ่นเปลวเพลิงออกมา ค่ายกลเปลวเพลิงรอบๆ ระเบิดออก ทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง
หมอกโลหิตพุ่งออกจากตัวลู่ฝาน จากนั้นโดนเปลวเพลิงท่วมตัว
ผู้ฝึกชี่ทั้งหมดในประเทศตันเซิ่งเบิกตาโตมองห้าธาตุสรวงสวรรค์ตรงหน้า!
“ใครชนะ”
“อย่าบอกนะว่าพังพินาศไปด้วยกัน”
“พระเจ้า ทำไมถึงสู้กันโหดเหี้ยมขนาดนี้!”
……
ตระกูลหั่วในสวรรค์ชั้นหนึ่ง
หลิงเหยาดูการต่อสู้เงียบๆ ข้างๆ เธอคือผู้อาวุโสตระกูลหั่ว ผู้อาวุโสห้าก็อยู่ในนั้นด้วย
มองประกายไฟทั่วท้องฟ้า สีหน้าผู้อาวุโสห้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย “ดูเหมือนลู่ฝานท่าจะไม่ดีแล้วล่ะ!”
เมื่อหลิงเหยาได้ยิน เธอตอบอย่างราบเรียบ “ลู่ฝานไม่เป็นอะไรแน่นอน!”
ผู้อาวุโสห้าพูดอย่างเฉยเมย “เธอมั่นใจขนาดนั้นเลย”
หลิงเหยายิ้มแล้วพูดว่า “มั่นใจขนาดนั้นเลยล่ะ!”
หน้าตำหนักใหญ่ที่เขตวิถีในเมฆ
ผู้อาวุโสห้าตระกูลใหญ่ร่วมมือกันปล่อยกระบวนท่าออกมาอีกครั้ง ปัดทะเลเพลิงเต็มฟ้าออกไปจนหมด
เปลวเพลิงน่ากลัวแข็งแกร่งจริงๆ ผู้ฝึกชี่ที่วิทยายุทธด้อยหน่อย อย่างเช่น หั่วหลงจู้ ถึงไม่โดนไฟแผดเผา แต่กลับรู้สึกเหมือนตัวเองโดนลวกจนผิวหนังหลุด
ทันใดนั้นหัวมังกรบนท้องฟ้าหายไป เปลวไฟหายไปจนหมด
เงาคนสองคนปรากฏในสายตาทุกคน ยืนตระหง่านอย่างหยิ่งยโส
“คิดไม่ถึงว่าขนาดนี้นายยังไม่ตายอีก นายเป็นสัตว์อสูรหรือไง!”
สุ่ยหมิงคงฉีกยิ้มพูด ใบหน้ากระตุกของเขา ทำให้คนไม่รู้จริงๆ ว่าเขากำลังร้องไห้หรือหัวเราะอยู่ ตัวดำไหม้ไปทั้งตัว ตอนนี้ใบหน้าหล่อเหลาแปรเปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยมน่าเกลียด
ผงเป็นก้อนหล่นออกจากมือซ้ายของสุ่ยหมิงคง ผงยังมีแสงบางๆ อยู่ เมื่อผู้อาวุโสสี่ของตระกูลสุ่ยเห็นภาพนี้ ฝ่ามือเขาสั่นเล็กน้อย
เขารู้ว่านั่นคืออะไร นั่นคือเครื่องรางที่ตระกูลสุ่ยให้สุ่ยหมิงคงคุ้มกันกาย เกราะฟ้าดิน
นี่คือเครื่องรางของอริยปราชญ์อย่างแท้จริง คิดไม่ถึงว่าลู่ฝานจะโจมตีจนกลายเป็นผุยผงด้วยกระบวนท่าเดียว ขนาดนี้ยังไม่สามารถต้านทานความอันตรายของไฟได้
“นายก็เก่งมากเหมือนกัน เครื่องรางเยอะมาก!”
ลู่ฝานหัวเราะออกมา ทั้งตัวเขาเต็มไปด้วยคราบเลือด แต่นั่นคือเลือดของเขาเอง
สุ่ยหมิงคงจะดึงเลือดออกจากตัวเขาทั้งหมด แต่คิดไม่ถึงว่าเส้นลมปราณและกระดูกโดยส่วนใหญ่ในร่างกายลู่ฝานรวมตัวจากพลังแห่งโลก พลังของเขาเคลื่อนไหวอย่างยากลำบากในตัวลู่ฝาน จะดึงเลือดออกจากตัวลู่ฝาน พูดง่ายแต่ทำยาก สุ่ยหมิงคงใช้แรงทั้งหมด แต่ดึงเลือดออกจากตัวลู่ฝานได้แค่ 30 เปอร์เซ็นต์
และการสูญเสียเลือดเพียงแค่นี้สำหรับลู่ฝาน ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต
ทั้งสองคนหอบหายใจแรงมองอีกฝ่าย จู่ๆ พวกเขานิ่งไป
ไม่ว่าจะเป็นเจดีย์เสวียนเก้ามังกรหรือขวดทรงพลัง ต่างกลับเข้าไปในตัวของทั้งสองฝ่าย
ตอนนี้ทั้งสองคนอยู่ในสภาวะที่พลังใกล้หมดแล้ว แค่นพลังชี่หยดสุดท้ายออกมาแล้ว
“ดูเหมือนนายก็ไม่มีพลังชี่แล้ว!”
จู่ๆ สุ่ยหมิงคงหัวเราะ
ลู่ฝานขมวดคิ้วพูดว่า “พูดเหมือนนายมีพลังชี่อย่างนั้น ผลออกมาเสมอ นายยอมรับได้เหรอ”
สุ่ยหมิงคงหัวเราะร่า จู่ๆ เขาขยับตัว
เขาชกอากาศไปสองสามหมัด ในเวลาเดียวกันก็กำมุกเม็ดหนึ่งไว้ในมือ จู่ๆ ตัวของสุ่ยหมิงคงขยายใหญ่ขึ้น
สุ่ยหมิงคงหัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “ฉันรู้นานแล้วว่าสักวันต้องเจอสถานการณ์แบบนี้ ลู่ฝาน นายแพ้แล้ว ฉันแอบฝึกเคล็ดวิชาบู๊มา!”
เมื่อพูดประโยคนี้ออกมา ตกตะลึงไปทั้งประเทศตันเซิ่ง ผู้อาวุโสสี่ของตระกูลสุ่ยตกใจจนอ้าปากค้าง
สุ่ยหมิงคงกำหมัดเดินเข้าไปหาลู่ฝาน ขยับคอไปมาแล้วพูดว่า “ดูเหมือนฉันต้องสู้ประชิดตัวกับนายสักครั้งแล้วล่ะ ลู่ฝาน ไม่ต้องกลุ้มใจนะ ฉันไม่ต่อยหน้านายหรอก!”
สุ่ยหมิงคงเดินมาข้างหน้าช้าๆ แต่กลับไม่สังเกตเห็นความประหลาดบนใบหน้าลู่ฝาน
นั่นคือท่าทางที่จะขำแต่ไม่กล้าขำ พยายามกลั้นขำสุดชีวิต
เห็นสุ่ยหมิงคงเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ลู่ฝานส่ายหน้าพูดว่า “ฉันคิดไม่ถึงเลยว่าจะกลายเป็นแบบนี้!”