เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 164
ลู่ฝานฟันกระบี่ลงไปอย่างแรง โดยไม่รู้ตัว
กระบี่หนักเหมือนบานประตู ตีลงไปบนตัวจ้าวคั่ว
พลังอันน่ากลัวเกิดเสียงระเบิดออกมา พลังฟ้าดินรอบๆ ระเบิดออกมาทันที
ลู่ฝานโดนแรงกระแทกกลับจนกระเด็นออกมา จ้าวคั่วกระแทกลงบนพื้นเหมือนอุกกาบาต
ตู้ม ตู้ม ตู้ม!
เสียงระเบิดดังขึ้นติดต่อกัน
บนพื้นมีหินสูงกว่าสามสิบเมตร แรงระเบิดทำให้คนที่ดูอยู่รอบๆ ถอยหลังไม่หยุด เพราะกลัวผลกระทบของพลังอันน่ากลัวนี้
ลู่ฝานพลิกตัวลงมาบนพื้น เก็บกระบี่หนัก ความโมโหในแววตาค่อยๆ หายไป
ทันใดนั้น ทุกอย่างกลับมาสงบเหมือนเดิม
ทุกคนเพิ่งเห็นข้างในหลุมลึก คือร่างที่ปะปนไปด้วยเลือดเนื้อของจ้าวคั่ว
ใบหน้าของจ้าวคั่วเหมือนโดนตบจนแบน กระอักเลือดออกมาไม่หยุด แม้ลู่ฝานลงมือรุนแรงเล็กน้อย แต่ก็รู้ว่าต้องยั้งใจ ไม่ได้กำจัดจ้าวคั่วทันที ไม่งั้น เขาคงไม่ใช่วิธีการตบ แต่จะใช้กระบี่หนักฟันลงไปเลย
จ้าวคั่วกระอักเลือดออกมาอีก และสลบไป เพราะนักเรียนของคณะกำแหงร่างกายแข็งแกร่ง ถ้าเป็นนักเรียนคณะอื่น โดนลู่ฝานซัดขนาดนี้ คงตายไปแล้ว
จ้าวหลิงทรุดลงบนพื้น มีคราบเลือดเปื้อนด้านล่างกางเกงของเธอ
จ้าวหลิงสั่นไปทั้งตัว จู่ๆ เธอร้องไห้โฮออกมา นักเรียนของคณะบังเหินกับคณะกำแหงทนดูไม่ได้ รีบพาสองพี่น้องจ้าวคั่วกับจ้าวหลิงออกไป หลังจากการต่อสู้ จ้าวหลิงคงอยู่ในคณะบังเหินต่อยากแล้ว โดนคนข่มขวัญจนอยู่ในสภาพนี้ เป็นการดูหมิ่นชื่อเสียงของคณะบังเหินจริงๆ
นักเรียนคนอื่นบริเวณรอบๆ มองลู่ฝานด้วยสีหน้าประหลาด
นี่คือคนของคณะหนึ่งเดียวเหรอ
คิดไม่ถึงว่าเขาจะจัดการจ้าวคั่วที่ 32 ของอันดับบู๊ได้อย่างโหดเหี้ยม ถ้าไม่เห็นด้วยตาตัวเอง คนที่อยู่ตรงนี้ คงไม่มีใครเชื่อสักคน
“ลู่ฝานแห่งคณะหนึ่งเดียว รีบจำเอาไว้ พลังแข็งแกร่งมาก เขาต้องไม่ใช่แค่ที่ 32 แน่นอน พละกำลังของเขาน่าจะข่มขวัญคนสิบอันดับแรกได้แล้ว รีบเปลี่ยนอันดับบู๊ เอาชื่อลู่ฝานขึ้นไปด้วย รีบไปเลย”
ในกลุ่มคน นักเรียนคนหนึ่งรีบเดินออกไป อีกทั้งยังมีนักเรียนที่ถือพัดอยู่ในมือ หัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “คณะหนึ่งเดียวมียอดฝีมือออกมาแล้ว การสู้จัดอันดับของสถาบันครั้งนี้ น่าดูแล้ว”
คนรอบๆ ต่างพากันมองลู่ฝานด้วยแววตาหลากหลาย ในบรรดานั้น นักเรียนหญิงมีประกายร้อนแรงในแววตา
“ศิษย์น้องลู่ฝาน ฮ่าๆ ตัดสินใจถูกจริงๆ ที่พานายออกมาด้วย ให้ตายเถอะ เอวฉัน เอวอันบอบบางที่น่าสงสารของฉัน”
หานเฟิงตะเกียกตะกายขึ้นจากพื้น ลุกขึ้นมานั่ง จับเอวตัวเอง แล้วร้องโอดครวญออกมา
ขณะนั้นหลิงเหยาเดินออกมา ดึงปลายเสื้อลู่ฝานเบาๆ ดวงตาเป็นประกาย พูดเบาๆ ว่า “ลู่ฝาน นายเก่งมากเลย ว้าว เพิ่งเข้าคณะมาไม่นาน นายแดนปราณในขั้นเจ็ดแล้ว ขนาดศิษย์พี่แดนปราณนอกยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาย”
ลู่ฝานหัวเราะเบาๆ ไม่ได้ตอบอะไร หันหลังเดินมาข้างหานเฟิง ยิ้มแล้วพูดว่า “ศิษย์พี่หานเฟิง ยังลุกขึ้นได้ไหม”
หานเฟิงเหวี่ยงหมัด แล้วพูดว่า “อย่าดูถูกฉัน ยังไงฉันก็เป็นศิษย์พี่นาย โอ๊ย ฉันเจ็บเอวมาก คงไม่กระทบกับภาพลักษณ์ชายผู้สง่างามของฉันใช่ไหม ศิษย์น้องลู่ฝาน ยาที่นายให้ฉันกินเมื่อกี้ ไม่เลวจริงๆ ขออีกเม็ดได้ไหม”
ลู่ฝานหยิบยาออกจากเอว แล้วโยนให้หานเฟิง
หานเฟิงมองอย่างละเอียด แต่ไม่ได้กินลงไป ยิ้มแล้วเก็บเอาไว้ พูดเบาๆ ว่า “มียาแบบนี้ ฉันเดาว่าคงไปจีบศิษย์น้องผู้หญิงได้แล้ว”
ลู่ฝานรู้สึกขนลุก หลิงเหยาก็มองหานเฟิงอย่างดูหมิ่นเช่นกัน
ทันใดนั้น หุ่นทองสำริด ที่เฝ้าอยู่หน้าประตูทั้งสองตัว พูดว่า “ลู่ฝานแห่งคณะหนึ่งเดียว นายเอาชนะจ้าวคั่วที่ 32 ในอันดับบู๊ได้ นายสามารถเข้าไปในหอคอยฝึกฝนได้แล้ว”
ลู่ฝานอึ้งไป เขาเกือบลืมเรื่องนี้ไปแล้ว
คิดไม่ถึงว่าหุ่นสองตัวนี้ รู้ว่าจ้าวคั่วอยู่ที่ 32 ในอันดับบู๊
หานเฟิงอึ้งไปเช่นกัน จากนั้นชี้ตัวเอง แล้วพูดว่า “แล้วฉันล่ะ ตอนนี้ฉันเข้าไปได้หรือเปล่า”
หุ่นทองสำริดสองตัว พูดออกมาว่า “นายไม่เคยเอาชนะนักเรียนในอันดับบู๊ได้สักคน ดังนั้นจึงเข้าไปไม่ได้”
หานเฟิงก่นด่าออกมา “พวกนายปัญญาอ่อนหรือไง ดูไม่ออกเหรอ ฉันมีพละกำลังที่สามารถอยู่ในอันดับบู๊ได้ ต้องเอาชนะถึงจะถูก สมองพวกนายยัดหินหรือไง”
หานเฟิงก่นด่าจนตัวเองอึ้งไป แต่ก็ถูกแล้วนิ สมองของหุ่นสองตัวนี้ ต้องเป็นหินแน่นอนอยู่แล้ว
ตอนนี้นักเรียนคนอื่นบริเวณรอบๆ ไม่กล้าเยาะเย้ยหานเฟิงอีก เพราะพวกเขาเห็นการต่อสู้ของหานเฟิงแล้ว พูดว่ามีพละกำลังในอันดับบู๊ก็ไม่ผิด แต่น่าเสียดาย หานเฟิงเจอกับจ้าวคั่วที่ 32 ในอันดับบู๊ ถ้าเจอกับคนที่อันดับต่ำกว่านี้ คงมีโอกาสชนะมาก
หานเฟิงกัดฟัน กลอกตาไปมา หันมาพูดว่า “ศิยษ์น้องลู่ฝาน นายรีบมาสู้กับฉันเร็ว แพ้ให้ฉันต่อหน้าไอ้โง่สองตัวนี้”
ลู่ฝานอึ้งไปก่อน จากนั้นหัวเราะออกมา “ศิษย์พี่หานเฟิง วิธีนี้ไม่เลวนะ”