เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 166
ลู่ฝานพูดอย่างมีความสุขว่า “ไม่มีปัญหา”
ลู่ฝานลุกขึ้น แล้วเดินไปข้างใน หุ่นทองสำริดทั้งสองตัวกำลังจะขวาง แต่ลู่ฝานพูดเสียงดังว่า “แม้ฉันจะแพ้ แต่แค่อันดับตกลงมาเท่านั้น ไม่มีอะไรนอกจากหล่นจากอันดับที่ 32 ไปอันดับที่ 33 อย่าบอกนะว่าฉันเข้าไปไม่ได้”
เมื่อหุ่นทองสำริดทั้งสองตัวได้ยิน ก็อึ้งไปอีก สมองพวกเขาไม่เข้าใจเรื่องวุ่นวายพวกนี้
ดูเหมือนไอ้หนุ่มคนนี้พูดมีเหตุผล หุ่นสำริดทั้งสองตัวจึงปล่อยเขาเข้าไป
ประตูหนักโดนแง้มออก ลู่ฝานเดินเข้าไป จากนั้นประตูปิดลง เสียงวุ่นวายด้านหลังหยุดลงทันที
นี่เป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ ด้านบนหัวมีเปลวไฟสีทอง ส่องแสงอยู่มากมาย
เปลวไฟพวกนี้ เหมือนลูกไฟผีลอยไปมา ลอยขึ้นๆ ลงๆ
ลู่ฝานเพ่งมองไป เห็นมีสิ่งของเหมือนหนังสืออยู่ในเปลวไฟ
นี่มันอะไรกัน
ลู่ฝานเดินไปข้างในเรื่อยๆ เห็นบันไดหินขึ้นไปชั้นสอง แต่บันไดหินดูไม่ธรรมดา มีลวดลายซับซ้อนสว่างขึ้นมา ลู่ฝานสัมผัสได้ถึงพลังแข็งแกร่งพลุ่งพล่านอยู่บนบันไดหิน
“ศิษย์น้องลู่ฝาน นายมาดูนี่สิ”
ทันใดนั้น เสียงหนึ่งดังมาจากข้างบันไดหิน เป็นเสียงเรียกของศิษย์พี่หานเฟิงที่เข้ามาก่อนเขา
ศิษย์พี่หานเฟิงโค้งตัวลง กำลังตั้งใจมอง เหมือนเจออะไรบางอย่าง
ลู่ฝานเดินมาข้างศิษย์พี่หานเฟิง แท่นหินปรากฏอยู่ในสายตา ข้างบนเขียนไว้ชัดเจนว่า “ชั้น 1 อัคคีทอง”
“หมายความว่ายังไง”
ลู่ฝานถามขึ้น
ศิษย์พี่หานเฟิงส่ายหน้า “ไม่ค่อยเข้าใจ เดาว่าน่าจะเป็นเปลวเพลิงที่ลอยอยู่พวกนี้”
ขณะกำลังพูด มีเสียงดังขึ้นทั้งสองด้าน
วินาทีต่อมา หุ่นขนาดใหญ่เดินออกมา ร่างทำจากหิน สูงประมาณ 33 เมตร ถือดาบยาวอยู่ในมือ มีแสงสีแดงอยู่ข้างในตา
“ผู้ฝึกฝน เชิญเลือกเคล็ดวิชาบู๊ของตัวเองในชั้นนี้ แต่ละคนจะได้รับเคล็ดวิชาบู๊หนึ่งประเภท ”
หานเฟิงหัวเราะ แล้วพูดว่า “มีคนมาอธิบายแล้ว ได้เลย แม้เป็นหุ่นก็เถอะ นี่ ไอ้ยักษ์ เคล็ดวิชาบู๊ที่นายว่า คือที่อยู่ในอัคคีทองนี่เหรอ”
หุ่นพูดอย่างเย็นชา “ใช่ พวกนายมีเวลาเลือกหนึ่งชั่วยาม เกินหนึ่งชั่วยาม จะโดนไล่ออกจากหอคอยฝึกฝน ที่เคล็ดวิชาบู๊ชั้นหนึ่งสูงสุดคือระดับคนขั้นกลาง ถ้าอยากได้เคล็ดวิชาบู๊ที่สูงกว่านี้ สามารถไปที่ชั้นสองของหอคอยฝึกฝน”
หานเฟิงขมวดคิ้ว “แค่ระดับคนขั้นกลางเองเหรอ ต่ำไปหน่อย ไปเถอะๆ ศิษย์น้องลู่ฝาน ไปชั้นสองกับฉัน ไอ้ยักษ์ นายบอกว่าหนึ่งชั่วยาม หมายถึงมีเวลาที่ชั้นหนึ่ง หรือทั้งหอคอย หนึ่งชั่วยาม”
หุ่นพูดช้าๆ ว่า “ทั้งหอคอย มีเวลาให้พวกนายหนึ่งชั่วยาม แต่ละชั้น พวกนายสามารถเลือกเคล็ดวิชาบู๊ได้หนึ่งประเภท แต่จำไว้ให้ดี พวกนายมีเวลาแค่หนึ่งชั่วยาม”
“ให้ตายเถอะ งั้นต้องทำเวลา ศิษย์น้องลู่ฝาน ถึงเราไม่ได้เคล็ดวิชาบู๊ระดับดิน อย่างน้อยต้องได้ทักษะบู๊ระดับทิพย์ชั้นยอด รีบไปข้างบนเถอะ”
ลู่ฝานตอบรับ แล้วรีบเดินไปข้างบน
แต่เท้าเพิ่งเหยียบลงบนบันได ลู่ฝานสัมผัสได้ถึงพลังที่ไม่นับว่าพิเศษเท่าไร ดึงเขาลงไปด้านล่าง
ความเร็วของทั้งสองคนช้าลง
หานเฟิงปีนขึ้นไปพลางก่นด่าออกมา “ให้ตายเถอะ ขึ้นบันไดยังลำบากขนาดนี้ ถ้าฉันบินได้คงดี”
ลู่ฝานจินตนาการได้เลย ขั้นต่อๆ ไปต้องลำบากแบบนี้แน่
เหมือนอย่างที่หลิงเหยาพูด ถึงเข้ามาได้ อยากได้เคล็ดวิชาบู๊ ต้องอาศัยพละกำลังของตัวเอง