เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 1661
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1661
เงาสะท้อนหายไปอย่างรวดเร็ว ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิม
ลู่ฝานใช้ฝ่ามือกดลงบนประตูอยากเบียดเข้าไปข้างใน แต่เหมือนประตูทองสัมฤทธิ์จะเป็นศัตรูกับเขา ไม่ให้เขาเข้าไปสักนิดเดียว
ลู่ฝานโดนกั้นเอาไว้ข้างนอก พลังชี่ทั้งตัวพลุ่งพล่านขึ้นมา ลู่ฝานสีหน้าโมโห ใช้ฝ่ามือตบลงบนประตูทองสัมฤทธิ์อย่างแรง
พลังชี่แข็งแกร่งรวมตัวเป็นเปลวเพลิงดุดัน พุ่งไปทางประตูทองสัมฤทธิ์อย่างบ้าคลั่ง
มองจากไกลๆ เห็นเปลวเพลิงพุ่งขึ้นจากบนภูเขา
ที่ตีนเขา หั่วยู่เฉินกับผู้อาวุโสอีกสองคนหัวเราะจนตัวโยน
“โมโหจนบ้าไปแล้วเหรอ”
“สภาพจิตใจของคนอายุน้อยยังไม่เพียงพอจริงๆ เรื่องแค่นี้ยังระงับอารมณ์เอาไว้ไม่ได้!”
“ยิ่งเขาทำแบบนี้ จะยิ่งเพิ่มความแข็งแกร่งให้ม่านเทพในใจตัวเอง ฉันว่าเขาเข้าไปไม่ได้แล้วล่ะ!”
ผู้อาวุโสทั้งสามคนพูดคุยกัน
ขณะกำลังคุยกัน จู่ๆ เสียงหนึ่งดังขึ้นด้านหลัง
“ไม่ใช่แค่เข้าไปไม่ได้ ถ้าเขาทำแบบนี้ต่อไป เกรงว่าจะทำให้เกิดความเสียหายทางจิตใจ หึ แค่เด็กใจร้อน กล้าอวดดีเอาชนะสุ่ยหมิงคงอย่างนั้นเหรอ ตาเฒ่าหั่ว นายแน่ใจเหรอว่าถูกต้องแล้ว”
ผู้อาวุโสหั่วยู่เฉินไม่ต้องหันมาดูก็รู้ว่าเป็นใคร
ผู้อาวุโสหั่วยู่เฉินพูดอย่างราบเรียบว่า “ตาเฒ่าสุ่ยเหมี่ยว ฉันสอบถามมาอย่างชัดเจนแล้ว ไม่ว่านายจะไม่เชื่อยังไงลู่ฝานก็ชนะแล้ว รอให้การเปลี่ยนกะสิ้นสุดลง หลังจากนายกลับไปสวรรค์ชั้นห้านายก็รู้เอง ดึงดันปฏิเสธอยู่ที่นี่มีประโยชน์อะไร นายย้อนเวลาได้หรือไง!”
ผู้อาวุโสสุ่ยเหมี่ยวพูดว่า “ชนะเพราะโชคดี ไม่แน่อาการบาดเจ็บสาหัสของสุ่ยหมิงคงยังไม่หายดีเลยโดนเขาเอาเปรียบก็ได้”
จากนั้นผู้อาวุโสตระกูลถู่ที่มากับผู้อาวุโสสุ่ยเหมี่ยวพูดเสียงเบาว่า “พอแล้วๆ เลิกทะเลาะกันได้แล้ว แก่จนจะลงโลงอยู่แล้วยังทะเลาะกันเป็นเด็ก การฝึกฝนเป็นร้อยปีหายไปไหนหมดแล้ว”
ผู้อาวุโสสุ่ยเหมี่ยวพูดว่า “หั่วยู่เฉิน ฉันไม่ได้ทะเลาะกับนาย ฉันแค่บอกความจริงกับนาย เด็กคนนี้เทียบสุ่ยหมิงคงไม่ได้เลย”
ผู้อาวุโสหั่วยู่เฉินขมวดคิ้ว ส่ายหน้าไม่พูดอะไร ขี้เกียจเถียงกับเขาจริงๆ
ผู้อาวุโสสุ่ยเหมี่ยวยังพูดแบบไม่ยอมอ่อนข้อ “ไม่ต้องพูดเรื่องอื่น เรามาดูกันว่าเขาจะเข้าไปได้หรือเปล่า ม่านเทพแบบนี้ อย่าว่าแต่เข้าไปเลย ไม่โดนผลกระทบก็ดีเท่าไรแล้ว อย่างน้อยสุ่ยหมิงคงก็ยังนั่งทำความเข้าใจอยู่นอกม่านเทพด้านระยะหนึ่ง อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย ยังไงเขาก็ทำความเข้าใจวิถีได้นิดหน่อย ถือว่าได้รับอะไรมาบ้าง ส่วนลู่ฝาน ฉันว่าไม่เพียงแต่เขาจะไม่ได้อะไร ตัวเขาเองอาจตายอยู่ที่นี่ด้วย”
หั่วยู่เฉินพูดช้าๆ ว่า “ไอ้เฒ่าสุ่ย แม้ว่าจะเลือกอสูรวิเศษสักตัวยังต้องตรวจดูสายเลือด จิตวิญญาณและสภาวะการเจริญเติบโตอย่างละเอียด นายตัดสินคนจากการมองแค่ไม่กี่ครั้งเนี่ยนะ นายพูดคำไหนคำนั้น นายจะเป็นเทพแล้วมั้ง!”
การประชดประชันของหั่วยู่เฉินทำให้สีหน้าสุ่ยเหมี่ยวเปลี่ยนไปเล็กน้อย
แต่เขายังกัดฟันพูดว่า “ลักษณะของคนเกิดจากจิตใจหนุนส่ง บุคลิกและการกระทำของคนเผยให้เห็นนิสัย คำเรียกเพียงคำเดียว สามารถเผยให้เห็นการฝึกฝนของคน ฉันดูคนออกและแม่นยำกว่านาย”
ผู้อาวุโสจินอี้กับมู่หยู่ซิงที่ฟังเงียบๆ อยู่ข้างๆ หัวเราะออกมา
พวกเขาหัวเราะที่สุ่ยเหมี่ยวเป็นผู้อาวุโสที่ถ่ายทอดวิชาของตระกูลสุ่ย ตอนนี้ถึงขั้นพูดแบบคนดูโหงวเฮ้งตามถนน ไม่สมฐานะเขาเลยจริงๆ
แต่พวกเขาขี้เกียจเถียงกับสุ่ยเหมี่ยวกับหั่วยู่เฉิน จึงเงยหน้าขึ้นมองลู่ฝาน
เป็นผู้อาวุโสที่เปลี่ยนกะเฝ้าสวรรค์ชั้นแปด ปกติสิ่งที่พวกเขาสามารถทำได้ที่นี่คือฝึกฝนการเล่นหมากรุกและดื่มชา กว่าจะมีคนใหม่มาสักคน แน่นอนว่าพวกเขาตื่นเต้นมาก อยากรู้ว่าลู่ฝานจะทำได้ถึงขั้นไหน
บนภูเขา เปลวไฟในมือลู่ฝานหายไป
“ไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย ในเมื่อไม่มีความเคลื่อนไหวของค่ายกล แล้วก็ไม่มีอักษรยันต์ปรากฏออกมา ไม่รู้เลยว่าอะไรขวางพลังฉันอยู่!”
เก็บพลังชี่กลับมา จู่ๆ มีแรงสะท้อนกลับอย่างแรงมาจากบนกำแพง ลู่ฝานตัวสั่นไปมาครู่หนึ่ง แต่เขาก็ทรงตัวเอาไว้ได้
“พลังสะท้อนกลับ แต่ไม่มีธาตุไฟ ไม่ใช่การดูดและปล่อยออกมาธรรมดาๆ มันคืออะไรกันแน่”
ลู่ฝานขมวดคิ้ว คิดยังไงก็คิดไม่ออก
ตอนนี้เจดีย์เสวียนเก้ามังกรก็ไม่มีความเห็นใด แต่พูดในใจลู่ฝานไม่หยุด “สัตว์เทพหิมะวิ่งเข้าไปในบ้านไม้แล้ว มันไม่ได้กินของศักดิ์สิทธิ์สามอย่างเข้าไปใช่ไหม สายเลือดหุ้นตุ้นช่างแตกต่างจริงๆ คิดไม่ถึงว่ามันจะวิ่งเข้าไปได้……”
เจดีย์เสวียนเก้ามังกรบ่นไม่หยุด ลู่ฝานยิ่งขมวดคิ้วแน่นขึ้น
เขาไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ สิ่งที่ไม่ใช่ค่ายกลแล้วก็ไม่ใช่เขตวิถีตรงหน้าคืออะไรกันแน่
ลู่ฝานตัดสินใจนั่งลงหน้าประตู ครุ่นคิดอย่างเงียบๆ
ที่ตีนเขา ผู้อาวุโสหั่วยู่เฉินหัวเราะแล้วพูดว่า “ดูท่าทางเขาเริ่มรู้ที่มาที่ไปของมันแล้ว ไอ้เฒ่าสุ่ย ฉันว่าสภาพจิตใจเขาไม่ได้แย่อย่างที่นายคิดนะ บนตัวเขาดูไม่มีความโกรธหลงเหลืออยู่แล้ว!”
ผู้อาวุโสสุ่ยเหมี่ยวพูดว่า “แค่ปรับสภาพจิตใจเท่านั้น ดูสิว่าเขาจะทำความเข้าใจอะไรออกมาได้”
ผู้อาวุโสหั่วยู่เฉินสะบัดมือเอาแก้วชาออกมา จากนั้นจิบชาพร้อมรอยยิ้ม
ผู้อาวุโสจินอี้กับผู้อาวุโสมู่หยู่ซิง รวมถึงผู้อาวุโสตระกูลถู่ที่อยู่ข้างๆ เริ่มเล่นหมากรุกกัน
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเตรียมตัวรอเป็นเวลานานอยู่ที่นี่แล้ว ยังไงก็เบื่ออยู่แล้ว