เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 1662
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1662
ลู่ฝานนั่งอยู่หน้าประตูทองสัมฤทธิ์สามวัน
แม้มีลมฝนก็ไม่หวั่น ไม่ลืมตาขึ้นมาเลย เหมือนเขากลายเป็นหินไปแล้ว
สามวันมานี้เจดีย์เสวียนเก้ามังกรก็ปล่อยพลังตัวเองออกมาอย่างต่อเนื่อง ต้องการแทรกซึมเข้าไปในประตูทองสัมฤทธิ์ แต่เหมือนประตูทองสัมฤทธิ์กั้นพลังทุกอย่างเอาไว้ เข้าไปไม่ได้แม้แต่น้อย เจดีย์เสวียนเก้ามังกรโมโหจนก่นด่าออกมาไม่หยุด
“ให้ตายเถอะไอ้ประตูไม้บ้า ยังไม่เปิดให้ฉันอีก ระวังฉันจะเผาพวกนายจนหมด ไอ้เจ้าหินน้อย! สัตว์เทพหิมะ! เห็นของแล้วหรือยัง เอาออกมาให้หมด ฉันยังมียาอยู่ ฉันจะให้แกหมดเลย!”
เจดีย์เสวียนเก้ามังกรตะโกนใส่ประตูไม่หยุด มันไม่รู้สึกเหนื่อยเลยสักนิด
ขณะนั้นเปลือกตาลู่ฝานขยับเล็กน้อย เขาพูดเสียงเบาว่า “ไอ้เก้า เมื่อกี้แกพูดอะไร”
เจดีย์เสวียนเก้ามังกรพูดว่า “ไม่มีอะไร เจ้านายผู้ยิ่งใหญ่ ฉันรบกวนการทำความเข้าใจของเจ้านายหรือเปล่า ฉันจะหุบปากเดี๋ยวนี้!”
ลู่ฝานพูดว่า “ไม่ใช่ เมื่อกี้แกพูดว่าประตูไม้ ทำไมแกถึงพูดว่าประตูไม้ล่ะ”
เจดีย์เสวียนเก้ามังกรพูดอย่างสงสัยเล็กน้อย “เจ้านายผู้ยิ่งใหญ่ นี่มันเป็นบ้านไม้ เป็นบ้านไม้ของครอบครัวเกษตรกรธรรมดาทั่วไป”
เมื่อได้ยินลู่ฝานชะงักไปทั้งตัว เขาลุกขึ้นยืนทันที
มือสัมผัสประตูทองสัมฤทธิ์แล้วพูดว่า “ไม่ ฉันเห็นเป็นศาลบรรพบุรุษ เป็นหอบรรพบุรุษที่มีกำแพง กระเบื้องและประตูทองสัมฤทธิ์!”
เจดีย์เสวียนเก้ามังกรตกใจ “เป็นไปไม่ได้ ฉันเห็นเป็นบ้านไม้ เจ้านายผู้ยิ่งใหญ่แน่ใจเหรอว่าไม่ได้ตาฝาด”
ลู่ฝานหัวเราะ หัวเราะอย่างมีความสุขมาก
“ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง ที่แท้ฉันกับแกเห็นไม่เหมือนกัน!”
เจดีย์เสวียนเก้ามังกรไม่เข้าใจว่าลู่ฝานกำลังพูดอะไร
ขณะนั้นลู่ฝานเงยหน้าขึ้นมองฟ้าแล้วพูดว่า “ไอ้เก้า แกเห็นท้องฟ้าเป็นสีอะไร”
เจดีย์เสวียนเก้ามังกรพูดว่า “ไม่มีสี เป็นแค่อากาศเวิ้งว้างไร้ที่สิ้นสุดไม่ใช่เหรอ เจ้านายผู้ยิ่งใหญ่เห็นท้องฟ้าเหรอ อย่าบอกนะว่าการมองเห็นของเจ้านายถึงขั้นสุดยอดแล้ว”
ลู่ฝานหัวเราะร่า “เปล่า ฉันเห็นแค่ภาพลวงตา ฉันพอเข้าใจแล้ว!”
เมื่อพูดเช่นนี้ ลู่ฝานยื่นมือเข้าไปหาประตูทองสัมฤทธิ์อีกครั้ง
คราวนี้ลู่ฝานสูดหายใจช้าๆ และหลับตาลง
ที่ตีนเขา ผู้อาวุโสทั้งหมดส่งเสียงแปลกใจออกมาอย่างพร้อมเพรียง
“เอ๊ะ”
ผู้อาวุโสหั่วยู่เฉินหัวเราะแล้วพูดว่า “ดูเหมือนเขาทำความเข้าใจได้แล้ว”
ผู้อาวุโสสุ่ยเหมี่ยวพูดด้วยสีหน้าไม่สู้ดี “นี่แค่สามวันเอง เขาจะทำความเข้าใจอะไรได้”
ขณะกำลังพูด พลังของลู่ฝานหายไปจากการรับรู้ของพวกเขา
ทันใดนั้นผู้อาวุโสจินอี้พูดเสียงดังว่า “ใจนิ่งดั่งน้ำ เขามองออกแล้วจริงๆ!”
ผู้อาวุโสมู่หยู่ซิงหัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “เป็นคนที่มีความสามารถมาก อายุแค่นี้แต่ใจนิ่งดั่งน้ำ พรสวรรค์สุดยอด ไม่ด้อยไปกว่าสุ่ยหมิงคงเลย”
เหมือนคำพูดของมู่หยู่ซิงกำลังตบหน้าผู้อาวุโสสุ่ยเหมี่ยว
ผู้อาวุโสสุ่ยเหมี่ยวไม่พูดอะไรสักคำ จ้องลู่ฝานอยู่อย่างนั้น
ขณะนั้นลู่ฝานรู้สึกว่าตัวเองจมอยู่ในความรู้สึกอัศจรรย์
แม้เขาหลับตาอยู่ แต่กลับเห็นทุกอย่าง
ทั้งสวรรค์ชั้นแปดเปลี่ยนไปอย่างมากในขณะที่อารมณ์ของเขาสงบลง
ท้องฟ้าหายไป พื้นดินรกร้างว่างเปล่า ต้นไม้ก็กลายเป็นประกายแสงเคลื่อนไหวไปมา พลังแปลกๆ เคลื่อนตัวอยู่รอบๆ ตอนนี้ลู่ฝานเพิ่งเข้าใจ
ในสวรรค์ชั้นแปดมีพลังฟ้าดินที่ไหนกันล่ะ มีแค่พลังแห่งกฎแสนบริสุทธิ์เท่านั้น
เมื่อพลังฟ้าดินถูกกวาดออกไป สิ่งที่เหลือคือวิถีสุดชัดเจน
ลู่ฝานรู้สึกเหมือนตัวเองจมอยู่ในทะเลแห่งวิถี คิดเพียงแค่เล็กน้อย วิถีพวกนี้จะเกิดผลทันที
ที่แท้สิ่งที่เขาเห็นมาตลอดคือภาพในใจที่เขาหวังไว้
ฟ้าคราม เมฆขาว ดอกไม้ใบหญ้า หอบรรพบุรุษอะไรนั่น ล้วนเป็นภาพลวงตาที่เกิดจากความคิดในใจ
เป็นเพียงเพราะวิถีที่เขาสามารถเคลื่อนไหวได้ไม่มากพอ ไม่แข็งแกร่งพอ ดังนั้นต้นไม้จึงเรียวยาวไม่อวบอิ่มชุ่มชื้น ศาลบรรพบุรุษจึงเก่าผุพังไม่ใช่ตำหนักที่ส่องแสงสว่างจ้า
ดังนั้นยอดเขาจึงไม่สูง ดังนั้นท้องฟ้าจึงไม่เปลี่ยนไป
จู่ๆ ลู่ฝานเข้าใจแจ่มแจ้ง ที่แท้ฟ้าดินไม่ใช่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลง
มันยังเปลี่ยนแปลงตามจิตใจของคน เคลื่อนไหวไปตามความคิด
เมื่อสัมผัสสิ่งเหล่านี้ได้แล้ว ลู่ฝานก็เข้าใจว่าอะไรขวางหน้าเขาอยู่
นั่นคือจิตใจของเขา กำแพงระหว่างเขากับกฎดั้งเดิมของฟ้าดิน
จิตใจไม่สงบจึงทำให้ฟ้าดินผิดปกติ อันที่จริงม่านที่กั้นเขาอยู่คือตัวเขาเอง
“กวาดขยะคือการกวาดฝุ่นในใจ”
ลู่ฝานพูดอย่างราบเรียบ ชะงักไปครู่หนึ่งแล้วพูดต่อ “การฝึกฝนคือการฝึกตัวเอง!”
เมื่อพูดเช่นนี้ มีเปลวไฟลุกโชนขึ้นบนตัวลู่ฝาน ปกคลุมตัวเขาไว้
เปลวไฟเปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีฟ้า แล้วก็เปลี่ยนจากสีฟ้าเป็นสีขาว จากนั้นเปลี่ยนจากสีขาวเป็นโปร่งแสง
เมื่อผู้อาวุโสหั่วยู่เฉินเห็นภาพนี้ เขาหัวเราะร่าแล้วพูดว่า “รู้แจ้งแล้ว วิถีธาตุไฟของเขาราบรื่นไร้อุปสรรคแล้ว!”
ผู้อาวุโสสุ่ยเหมี่ยวมองลู่ฝานอย่างไม่อยากเชื่อ “ร่างแห่งไฟ เป็นหนึ่งเดียวกับฟ้าดิน สุ่ยหมิงคงใช้เวลาตั้งนานกว่าจะทำความเข้าใจได้ ลู่ฝานใช้เวลาแค่สามวัน แค่สามวันเท่านั้น!”