เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 169
ลู่ฝานใช้แรงในมือ ค่อยๆ เอาเคล็ดวิชาในอัคคีทุคติออกมา อัคคีทุคติอันน่ากลัวไม่ได้ทำร้ายลู่ฝานมากนัก
ปราณชี่ของลู่ฝาน มีความทนทานเหนือพลังปราณ บวกกับผิวหนังเผ่ามังกรและกายทองไฟอาบ อัคคีทุคติทำให้ลู่ฝานรู้สึกร้อนมือเท่านั้น
หานเฟิงรีบลุกขึ้นมา มองลู่ฝานเอาเคล็ดวิชาบู๊ออกมา
ตอนเอาเคล็ดวิชาบู๊ออกมา อัคคีทุคติหายไปอย่างไร้ร่องรอย เหมือนภาพลวงตา ลู่ฝานมองปกเคล็ดวิชาบู๊ อ่านออกเสียงออกมาว่า “วิชาคล่องกาย”
หานเฟิงชะโงกเข้ามา พลิกเคล็ดวิชาบู๊ไปหน้าสุดท้าย ชี้ลายสีเขียวสองแถบ แล้วพูดว่า “เคล็ดวิชาบู๊ของสถาบันสอนวิชาบู๊จะใช้ลายนี้เป็นเครื่องหมายของเคล็ดวิชาบู๊ สีแบ่งออกเป็นสี่สี คือเหลือง เขียว แดงและทอง สีเขียวหนึ่งแถบเป็นระดับทิพย์ขั้นต่ำ สองแถบเป็นเคล็ดวิชาบู๊ ระดับทิพย์ขั้นกลาง สามแถบถึงจะเป็นระดับทิพย์ขั้นสูง ถ้าเป็นเคล็ดวิชาบู๊ระดับดินจะเป็นลายสีแดง”
ลู่ฝานพยักหน้าเข้าใจ
ถือเคล็ดวิชาบู๊เล่มนี้ในมือ เตรียมจะหาอีกเล่ม
แต่ขณะนั้น หุ่นสีเงินขนาดใหญ่ส่งเสียง หันหัวล้านสีเงินแวววาว พร้อมพูดเสียงดังก้อง “ในแต่ละชั้น แต่ละคนได้เคล็ดวิชาบู๊เพียงเล่มเดียวเท่านั้น ถ้านายไม่ต้องการเล่มนี้ โปรดทิ้งไป แล้วค่อยเลือกเล่มอื่น”
ลู่ฝานส่งเสียงตอบรับ เตรียมจะโยนเคล็ดวิชาบู๊ทิ้งไป
แต่ขณะนั้น เสียงของชายหญิงข้างๆ ดังขึ้น “เดี๋ยวก่อน”
ลู่ฝานหันไปมองทั้งสองคน แล้วพูดว่า “มีอะไร”
ผู้หญิงกับผู้ชายเดินเข้ามา ผู้ชายพูดว่า “ฉันจินเฟยหยู่แห่งคณะฟ้าร้อง เธอคือเฟิ่งหวาแห่งคณะศิงขร คิดว่านายคงเคยได้ยินชื่อเราสองคน”
ลู่ฝานพูดอย่างราบเรียบว่า “ลู่ฝานแห่งคณะหนึ่งเดียว เขาคือหานเฟิงศิษย์พี่ฉัน ขอโทษด้วย ฉันไม่รู้จักทั้งสองท่านจริงๆ พวกนายมีอะไรหรือเปล่า”
เมื่อจินเฟยหยู่กับเฟิ่งหวาได้ยินว่าลู่ฝานมาจากคณะหนึ่งเดียว ก็อึ้งไปทันที
จินเฟยหยู่ขมวดคิ้ว “คนคณะหนึ่งเดียวเข้าหอคอยฝึกฝนได้ด้วยเหรอ”
เมื่อพูดออกมา ทำให้สีหน้าของลู่ฝาน กับหานเฟิงไม่เป็นมิตรทันที
จินเฟยหยู่กับเฟิ่งหวามองหน้ากัน หลังจากได้ยินว่าลู่ฝานกับหานเฟิงเป็นคนของคณะหนึ่งเดียว สีหน้าทั้งสองยโสขึ้นทันที
จินเฟยหยู่พูดว่า “ช่างเถอะ ไม่ว่าพวกนายมาจากคณะไหน ในเมื่อขึ้นมาบนชั้นห้าของหอคอยฝึกฝนได้ คงมีความสามารถอยู่บ้าง ฉันเห็นพวกนายไม่กลัวอัคคีทุคติเลยอยากให้พวกนายช่วย เอาเคล็ดวิชาบู๊ระดับทิพย์ขั้นสูงมาให้ เราจะให้สมุนไพร เงิน หรือไม่ก็การชดเชยอื่นๆ เป็นการตอบแทน”
เฟิ่งหวาก็พูดว่า “ฉันกับจินเฟยหยู่อยู่ใน 30 อันดับแรกของอันดับบู๊ ในสถาบันสอนวิชาบู๊ ก็นับว่ามีชื่อเสียง แค่นายช่วยพวกเรา ต่อไปถ้ามีเรื่องอะไรในสถาบันสอนวิชาบู๊ สามารถมาให้ฉันช่วยได้ นี่เป็นสัญญาที่ฉันให้พวกนาย”
ลู่ฝานพูดเนิบๆ ว่า “ฉันคิดว่า ไม่มีอะไรต้องให้เธอช่วย”
หานเฟิงที่อยู่ข้างๆ แคะขี้มูกแล้วพูดว่า “พวกนายสองคนน่ารำคาญมาก พูดจบแล้วใช่ไหม จะไปไหนก็ไป ศิษย์น้องลู่ฝาน รีบทิ้งเคล็ดวิชาบู๊ในมือไปสิ หาเคล็ดวิชาบู๊ระดับทิพย์ขั้นสูงสิ”
เฟิ่งหวากับจินเฟยหยู่สีหน้าอึมครึมทันที
ลู่ฝานก็ขี้เกียจสนใจ คนที่มีความโอหังมากมายขนาดนี้ เขามีเวลาแค่หนึ่งชั่วยาม รีบใช้เวลาหาเคล็ดวิชาบู๊เถอะ
ตอนที่กำลังจะโยนเคล็ดวิชาบู๊ในมือทิ้ง จินเฟยหยู่จับแขนเขาไว้
“เดี๋ยวก่อน นายจะไม่คิดสักหน่อยเหรอ นายจะเสี่ยงล่วงเกินผู้แข็งแกร่ง 30 อันดับแรก แล้วไม่ยอมช่วยเราเหรอ”