เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 1740
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1740
องครักษ์มารแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปาก “พละกำลังไม่เพียงพอ โดนฆ่าก็เป็นเรื่องปกตินิ เหมือนที่นายฆ่ากะเทยดวงซวยคนนั้นไง พละกำลังตัดสินโชคชะตา ทุกอย่างอยู่ภายใต้สายตาของเทพปีศาจ”
ลู่ฝานหัวเราะเบาๆ ไม่มีสัจจะในหมู่ผู้ฝึกชั่วร้ายจริงๆ มีแค่ผู้ที่อ่อนแอย่อมจะถูกผู้ที่แข็งแรงกว่ารังแก เขามั่นใจเลยว่าเมื่อกี้ถ้าเขารับไม่ไหว พื้นที่แห่งนี้ต้องเป็นขององครักษ์มารคนนี้แน่ๆ
พูดจบ องครักษ์มารเงยหน้ามองโครงกระดูกด้านหลังลู่ฝาน ขมวดคิ้วเบาๆ แล้วพูดว่า “สหาย นายควรเปลี่ยนหุ่นเชิดแล้วนะ เกราะก็ไม่มี แถมเตี้ยขนาดนี้ด้วย”
ลู่ฝานหัวเราะแล้วมองโครงกระดูก “ฉันก็อยากเปลี่ยน แต่ไม่มีของให้ฉันเปลี่ยน!”
องครักษ์มารตบอกตัวเอง “นี่แค่เรื่องเล็กน้อย ถ้านายต้องการ พรุ่งนี้ฉันจะเอากระดูกชั้นดีมาให้นายเป็นกอง กลั่นกองทัพหุ่นเชิดชั้นดีออกมาได้แน่นอน แค่นายให้หมู่บ้านแห่งนี้กับฉัน”
องครักษ์มารมองผู้หญิงรอบๆ
เหมือนเขาเพิ่งเห็นว่าที่นี่มีหมู่บ้านแบบนี้ด้วย ทำไมเมื่อก่อนถึงไม่เห็นล่ะ
ลู่ฝานยกกระบี่หนักไร้คมขึ้นมา ชี้หน้าองครักษ์มารแล้วพูดว่า “นายกล้าแตะต้องคนที่นี่เพียงเล็กน้อย ฉันจะเอาชีวิตนาย”
เมื่อพูดเช่นนี้ ลู่ฝานแอบใช้วิชาดับวิญญาณ
องครักษ์มารรู้สึกถึงความน่ากลัวมาจากก้นบึ้งหัวใจ มันคือความกดดันที่มาจากจิตวิญญาณ
องครักษ์มารรีบละสายตา “เข้าใจแล้ว ถิ่นของนายก็คือถิ่นของนาย”
ลู่ฝานพยักหน้าพูดว่า “ดีมาก นายไปได้แล้ว ฉันตัดสินใจใช้ชื่อเงามืดเหมือนเดิม นายกลับไปรายงานได้แล้ว!”
องครักษ์มารรีบส่ายหน้าพูด “ไม่ๆ วันนี้ฉันไม่ได้มาดูนายแค่อย่างเดียว ธิดาเทพแห่งไฟมีคำสั่งให้เทวทูตปีศาจทั้งหมดไปยังดินแดนเพื่อรอคำสั่ง!”
ลู่ฝานขมวดคิ้วพูดว่า “ไปตอนนี้เลยเหรอ”
องครักษ์มารพูดว่า “ใช่ ไปตอนนี้เลย ยิ่งเร็วยิ่งดี ไม่งั้นถ้าทำให้ธิดาเทพแห่งไฟไม่พอใจ นายกับฉันจะกลายเป็นเศษซากในหม้อ”
ลู่ฝานหันมามองคุณย่าเฉียน คุณย่าเฉียนพยักหน้าเบาๆ
ลู่ฝานพูดว่า “ได้ ฉันจะไปกับนาย!”
องครักษ์มารพูดว่า “ฉันยังต้องแจ้งเทวทูตคนอื่น นายเอาตราประทับไป รีบไปเถอะ”
พูดพลาง องครักษ์มารเอาตราประทับส่องแสงระยิบระยับให้ลู่ฝาน
นี่เป็นแสงสีแดงสด แอบรวมตัวเป็นตัวอักษรคำว่าเลือด
เมื่อพูดจบ องครักษ์มารเหาะออกไป
ลู่ฝานมองตราประทับในมือ เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่
โครงกระดูกถามขึ้นข้างๆ “สหายลู่ฝาน นายคิดว่านี่เป็นกับดักหรือเปล่า”
ลู่ฝานหัวเราะเบาๆ “จัดการพวกเรา ต้องใช้กับดักด้วยเหรอ ส่งยอดฝีมือสองสามคนมาฆ่าก็จบแล้ว นี่น่าจะเป็นเรื่องจริง”
โครงกระดูกพูดว่า “ถึงจริงก็ห้ามไป แม้วิชาลวงตาที่ฉันให้นายดูไม่เลว แต่ถ้าต่อกรกับคนอื่นจะโดนจับได้ทันที ไปดินแดนเป็นอันตรายมาก!”
ลู่ฝานพูดว่า “งั้นก็จำเป็นต้องไป ไม่งั้นจะเอาหินศักดิ์สิทธิ์รูปมีดสั้นมาได้ไง อีกอย่างนายไม่รู้สึกแปลกเหรอ เรียกเทวทูตทั้งหมดไปแบบนี้ อย่าบอกนะว่าเกิดเรื่องในเขตโลหิต”
โครงกระดูกครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “เรื่องเหรอ มีอยู่แค่สองอย่าง ถ้าไม่มีคนหรือสัตว์อสูรที่น่ากลัวเข้ามาในเขตโลหิต จำเป็นต้องเรียกผู้ฝึกชั่วร้ายทั้งเขตโลหิตไปสู้ ก็มีเรื่องด่วนต้องเลือกคนจำนวนมากไปปฏิบัติหน้าที่”
ลู่ฝานหัวเราะเบาๆ แล้วมองโครงกระดูก “นายมองทะลุปรุโปร่งกว่าฉันอีก”
โครงกระดูกชี้หัวตัวเองแล้วพูดว่า “นายคิดว่าหัวฉันใหญ่ขนาดนี้ไร้ประโยชน์เหรอ”
ลู่ฝานเก็บตราประทับแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เรายิ่งต้องไปดู”
โครงกระดูกรีบถอยหลัง มองลู่ฝานแล้วพูดว่า “เราอะไรกัน เมื่อกี้นายพูดว่าเราเหรอ”
ลู่ฝานพูดว่า “ใช่ เราไปด้วยกัน ฉันเข้าใจผู้ฝึกชี่ไม่ลึกซึ้งเท่านาย มีนายอยู่ต้องปลอดภัยแน่ๆ”
เหมือนโครงกระดูกยังลังเลอยู่ ลู่ฝานเลิกคิ้วพูดว่า “ถ้าฉันตาย นายก็ทำได้แค่แกล้งตายในป่าต่อไป ไม่งั้นนายก็ต้องหาคนอื่นมาช่วยพานายกลับประเทศฉิงเทียน ลองคิดดูสิ หาคนแบบฉันในเขตปีศาจ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ!”
โครงกระดูกครุ่นคิดเรื่องนี้ สุดท้ายถอนหายใจแล้วพูดว่า “ได้ ฉันไปกับนาย แต่นายต้องดูแลอสูรวิเศษของนายให้ดี อย่าให้มันเอากระดูกบริสุทธิ์ดั่งหยกของฉันไปอีก!”
ลู่ฝานตบเจ้าดำเบาๆ แล้วเดินไปหาคุณย่าเฉียน
คุณย่าเฉียนมองลู่ฝานแล้วพูดว่า “ระวังให้มาก อย่าให้โดนผู้ฝึกชั่วร้ายฆ่า ธิดาเทพแห่งไฟเป็นผู้หญิงบ้า นายต้องอยู่ให้ไกลจากเธอ!”
ลู่ฝานพยักหน้าพูดว่า “เข้าใจแล้ว คุณย่า แต่ฉันมีคำถามหนึ่งอยากถาม ธิดาเทพแห่งไฟกับธิดาเทพแห่งแสงเกี่ยวข้องอะไรกัน”
คุณย่าเฉียนอึ้งไป จู่ๆ แววตาแปรเปลี่ยนเป็นสับสน
เธอมองลู่ฝานอยู่นาน สุดท้ายก็พูดว่า “ดูเหมือนนายพอเดาอะไรได้แล้ว ฉันบอกนายได้แค่ว่าหลิงเหยาไม่รู้เรื่องพวกนี้เลย”
ลู่ฝานเงียบไป แล้วถามต่อ “อันที่จริงเธอไม่มีอาจารย์ใช่ไหม”
คุณย่าเฉียนพยักหน้าเบาๆ “ใช่ เป็นฉันมาโดยตลอด แค่ฉันไม่อยากให้เธอรู้ที่มาของฉัน แล้วคาดเดาที่มาของตัวเองจากสิ่งนี้ ดังนั้นฉันจึงปลอมเป็นอีกคน ถ่ายทอดวิชาให้เธอ นายไม่ได้จะทอดทิ้งเธอเพราะที่มาของเธอใช่ไหม”
ลู่ฝานยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่หรอก คุณย่า ฉันหวังว่าเธอจะไม่รู้ความจริงตลอดไปดีกว่า ในใจฉันเธอยังเป็นผู้หญิงธรรมดาที่เติบโตมาด้วยข้าวจากเพื่อนบ้านที่เมืองหยุนไห่”
คุณย่าเฉียนยิ้มบางๆ มองลู่ฝานหันหลังออกไปจนลับสายตา
มองด้านหลังลู่ฝาน คุณย่าเฉียนถอนหายใจยาวออกมา